กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 349 ไม่รู้เป็นหรือตาย
เหมือนว่าคุณหมอได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้จนชิน ก็ได้ให้พยาบาลไปเข็นเตียงคนไข้อย่างใจเย็น “รีบส่งไปห้องผ่าตัด”
ซูจ้านค่อยๆ วางคนลงไป คุณหมอก็ได้เริ่มถาม “คนไข้ได้รับบาดเจ็บยังไงครับ?”
“ระเบิดครับ”
คุณหมอรู้ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง ก็ได้บอกกับผู้ช่วยข้างๆ เสียงเบาไปพัก แล้วก็เดินเข้าห้องผ่าตัด
ซูจ้านอยากจะตามเข้าไป เขาร้อนใจมาก
พวกพยาบาลก็ได้ห้ามเขาไว้ “ญาติคนไข้เข้าห้องผ่าตัดไม่ได้นะคะ ช่วยรอข้างนอกค่ะ”
“จ่ายเท่าไหร่ก็ได้ไม่เป็นไร ขอแค่ พวกคุณช่วยเธอด้วยครับ” ซูจ้านยืนอยู่ที่หน้าประตูสองมือได้ประกบกัน ตะโกนไปยังทางคุณหมอ
คุณหมอได้ยินก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ในฐานะหมอ แน่นอนว่าเขาต้องช่วยสุดความสามารถอยู่แล้ว
ซูจ้านก็ได้ถูกกั้นอยู่ข้างนอก
เขารู้สึกว่าโลกของตัวเองได้แตกไปแล้ว ไม่รู้ว่าควรทำยังไง
เขาเดินวนไปมาที่ทางเดิน เวลาแต่ละนาทีแต่ละวิก็ได้เดินผ่านไป ในห้องผ่าตัดไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย เขารีบร้อน หงุดหงิด เขาสงบสติอารมณ์ไม่ได้
ในใจรู้ดีว่าตัวเองใจร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ว่าก็สงบอารมณ์ไม่ลงสักที
ในประเทศฉินยาไม่มีญาติเลย มีแค่หลินซินเหยียนที่สนิทกับเธอ ตอนนี้เธอเป็นแบบนี้ ถ้าเกิดออกมาเจอเขาแล้วก็คลั่งขึ้น งั้นคนที่สามารถดูแลเธอได้ก็ไม่มีแล้ว เขาก็ได้จับกระเป๋า โทรศัพท์ก็ไม่รู้ว่าตกหล่นไปตอนไหน ตอนที่เขาไม่รู้ว่าจะติดต่อกับหลินซินเหยียนยังไงนั้น ข้างๆ ก็ได้มีพยาบาลเดินมา ซูจ้านเรียกเธอไว้ “โทรศัพท์ของคุณผมของยืมโทรหน่อยได้ไหมครับ?”
พยาบาลเห็นสภาพที่สะบักสะบอมของเขา ก็ได้เอาโทรศัพท์ออกมาส่งให้เขา
“ขอบคุณครับ” ซูจ้านรับมา ไม่ได้โทรไปหาหลินซินเหยียนเป็นคนแรก เพราะว่าเขานั้นจำเบอร์ของหลินซินเหยียนไม่ได้ว่าเป็นเบอร์อะไร ตอนนั้นก็แค่บันทึกไว้ในโทรศัพท์เท่านั้น แต่ว่าเขาจำของจงจิ่งห้าวได้
เขาก็ได้กดเบอร์ของจงจิ่งห้าว
จงจิ่งห้าวอยู่ที่บริษัท เขากำลังคุณธุระกับท่านปู่ลู่ทั้งสองพึ่งร่วมธุรกิจกัน ตระกูลลู่ก็ได้มีข่าวฉาวออกมาทำให้เสียผลประโยชน์ เพราะงั้นท่านปู่ลู่ก็ได้มาขอโทษโดยเฉพาะ ตอนนั้นในสัญญามีข้อหนึ่งว่า ฝ่ายไหนทำลายผลประโยชน์ของอีกฝ่าย อีกฝ่ายสามารถที่จะขอยุติสัญญาได้
ท่านปู่ลู่กลัวว่าจงจิ่งห้าวจะยุติการร่วมธุรกิจ ก็ได้รีบมาเจอเขา
“เรื่องนี้ ผมจะจัดการให้โดยเร็วที่สุดแน่นอน คุณวางใจได้ ไม่มีทางที่จะมีผลกระทบขนาดใหญ่แน่นอนครับ” ท่านปู่ลู่ดูแล้วยังกระปรี้กระเปร่าดี คนก็ไม่ได้ดูแก่ แต่เป็นเพราะเรื่องคราวนี้ ก็ทำให้ดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย
จงจิ่งห้าวก็ได้พูดอย่างไม่ร้อนไม่หนาว “เท่าที่ผมรู้ เพราะเรื่องนี้ลู่ซื่อกรุ๊ป ก็ได้รับผลกระทบไปแล้ว”
“ครับ ขอให้คุณเชื่อใจ ผมต้องจัดการให้เร็วที่…….”
เวลานี้โทรศัพท์ที่จงจิ่งห้าววางอยู่บนโต๊ะก็ได้ดังขึ้น เขามองเบอร์ที่โทรเข้าสักพัก ก็ได้พูดกับท่านปู่ลู่ว่า “ผมขอรับโทรศัพท์สักครู่ครับ”
พูดจบก็ได้เอาโทรศัพท์เดินออกไปจากห้องรับแขก ยืนอยู่ที่หน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสตรงทางเดิน รับสาย
“สวัสดีครับ”
“ฉันเอง พี่สะใภ้อยู่ไหม?”
“มีธุระกับเธอ?” จงจิ่งห้าวเลิกคิ้วเล็กน้อย
“ใช่ ฉินยา……อยู่ที่โรงพยาบาล ไม่รู้เป็นหรือตาย……” เสียงของเขาก็ได้ติดๆขัดๆกลั้นสะอึกไว้ “ในประเทศเธอไม่มีญาติ ฉันอยากให้เธอออกมาแล้วก็เจอกับพี่สะใภ้ จะได้วางใจหน่อย……”
“เกิดเรื่องอะไร?”
“พูดไปเรื่องยาว โทรศัพท์ของฉันหายไป ตอนนี้ยืมของคนอื่นมา ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลประชาชนที่สอง”
จงจิ่งห้าวบอกว่ารู้แล้ว จากนั้นก็ได้วางสาย เขาก็ได้เดินออกไปข้างนอก เรียกกวนจิ้ง
กวนจิ้งก็ได้ค่อยๆ วิ่งมา
“บอกกับท่านปู่ลู่ฉันมีธุระ เรื่องนี้ไว้คุยกันทีหลัง” สั่งงานเสร็จเขาก็ได้ก้าวขึ้นลิฟต์ จากนั้นก็ได้โทรไปหาหลินซินเหยียน ฟังจากเสียงของซูจ้าน เหมือนว่าได้เกิดเรื่องแล้ว เขาไม่ไว้ใจให้หลินซินเหยียนไปโรงพยาบาลคนเดียว
เวลานี้หลินซินเหยียนอยู่ที่โรงเรียนอนุบาล เพราะว่าหลินลุ่ยซีได้ทะเลาะกับเพื่อน
ต้นเหตุของเรื่องก็เป็นเพราะหลินซีเฉินได้ถูกผู้หญิงคนหนึ่งหอมแก้ม ก็ได้ถูกหลินลุ่ยซีเห็นเข้าพอดี เข้าไปก็ไปผลักคนอื่นเขา แล้วก็พูดเสียงดังว่า “นี่เป็นพี่ชายของฉัน เธอมีสิทธิ์อะไรมาจุ๊บเขา?”
ในใจของหลินลุ่ยซี มีแค่เธอจุ๊บพี่ชายเธอได้
เด็กคนอื่นก็ไม่ได้ เธอรู้สึกว่าเด็กหญิงคนนี้มาแย่งพี่ชายของเธอ
เพราะงั้นก็ได้ผลักเขาออกไปอย่างเอาแต่ใจ
หลินซีเฉินก็งงมากๆ โรงเรียนอนุบาลไม่มีสีสัน เขารู้สึกว่าน่าเบื่อมากๆ รอบๆ ก็มีแต่เด็กปัญญาอ่อนของเด็กโรงเรียนอนุบาลล้อมเป็นไปหมด เขาจะบ้าตายอยู่แล้ว
วันนี้ตอบคาบพักผ่อนนั้น ยังถูกคนมาจูบ เขารู้สึกว่าโรงเรียนอนุบาลนี้ไม่สามารถที่จะอยู่ต่อได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาต้องเป็นบ้าแน่ๆ
เด็กหญิงถูกหลินลุ่ยซีผลักไปชนกับเก้าอี้ ทำให้หัวโน เด็กของที่นี่เลอค่ามาก คุณครูก็ได้โทรไปหาผู้ปกครองของทั้งสองฝ่าย ให้พวกเขามาที่โรงเรียนหน่อย
อีกฝ่ายที่มาก็เป็นหม่ามี๊ ดุเอามากๆ “ก็ไม่ได้เป็นกิ่งทองใบหยกสักหน่อย ก็แค่หอมแก้มไปที่ไม่ใช่เหรอ? เหมือนเด็กเล็กที่เล่นพ่อแม่ลูกกัน ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ถ้าบอกว่าเสียหาย ก็เป็นลูกสาวของฉันที่เสียหาย ลูกของเธอผลักลูกรักของฉัน ดูหัวโขกเข้าสิ เธอว่ามา จะทำยังไง”
ไม่ว่าต้นเหตุมาจากอะไร หลินลุ่ยซีลงมือก่อนก็เป็นคนที่ผิดจริง แต่ว่าอีกฝ่ายพูดจากก็ไม่น่าฟังเกินไปแล้ว
หลินซินเหยียนยังไม่ได้เปิดปากพูดเลย หลินลุ่ยซีก็ได้พูดไปก่อนว่า “ก็แค่หอมแก้มไม่ใช่เหรอ? นี่พี่ชายของหนู อนุญาตให้เธอหอมแก้มแล้วเหรอ?”
“เสี่ยวลุ่ย” หลินซินเหยียนดุ
“นี่มันเป็นความจริงนี่คะ” หลินลุ่ยซีก็ได้พูดบ่นเสียงเบา
แต่คนที่ถูกกระทำอย่างหลินซีเฉินก็ได้ยืนอยู่ที่มุมห้อง เหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวตนแบบนั้น ไม่ว่าเป็นเด็กน้อย หรือว่าครูผู้หญิงในโรงเรียนอนุบาล ดีกับเขามาก หอมแก้มเขาก็เกิดขึ้นบ่อย เพราะงั้น เขาหงุดหงิดมาก
เวลานี้ เขาคิดว่าเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว เขาก็สามารถไม่ต้องมาแล้ว
“เธอเป็นแค่เด็กรู้เรื่องอะไร?” ผู้หญิงก็ได้ตะคอกใส่หลินลุ่ยซี “เธอรู้ไหมว่าพ่อของเขาเป็นใคร?!”
หลินลุ่ยซีก็ไม่เข้าใจคำพูดนี้ ก็ได้ถามไป “พ่อของเธอเป็นใคร?”
“รองนายกเทศมนตรีเมืองB” ผู้หญิงก็ได้พูดไปอย่างได้ใจ “ขอโทษตอนนี้ ฉันยังสามารถยกโทษให้เธอได้ ไม่อย่างนั้น ฉันไปบอกกับคุณพ่อของเธอ ถึงตอนนั้น เรื่องก็ไม่ง่ายแบบนี้แล้ว”
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว ก็ได้ไม่พอใจกับการแก้ปัญหาของผู้หญิงเอามากๆ จริงๆ เรื่องนี้ไม่ใหญ่มาก เธอก็คิดที่จะให้ลูกสาวขอโทษ เพราะว่าเธอเป็นเริ่มก่อน ผิดจริงๆ
เธอก็ได้เรียกหลินซีเฉินมา
“หม่ามี๊” หลินซีเฉินได้เดินมา ผู้หญิงที่ได้มองหน้าตาของหลินซีเฉินชัดๆ อายุยังน้อย แม้แต่การเดินก็ดูดีมา ตัวได้ตรง หน้าตาก็ดี
ผู้หญิงก็ได้ตบไหล่ของลูกสาว “มองคนเป็นเหมือนกันนะเรา”
สาวน้อยก็ได้ก้มหน้าเพราะความอาย เธอชอบหลินซีเฉินที่พึ่งมาให้ห้องเรียนมาก เธอไม่รู้ว่าอะไรคือการรักชอบ ก็แค่รู้สึกว่าเขาหล่อ ถึงได้หอมแก้วเขา
ไม่ได้มีความซับซ้อนพวกนั้นของโลกผู้ใหญ่
“เธอได้หอมแก้มผมโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากผม นี่เป็นการไม่ให้เกียรติผม เพราะงั้นเธอต้องขอโทษผม น้องสาวของผมผลักเธอ เป็นความผิดของน้องสาวผม เพราะงั้นหลังจากที่เธอขอโทษผมเสร็จน้องสาวของผมก็ได้ขอโทษเธอ ตอนนี้เธอขอโทษผมก่อนเถอะ” หลินซีเฉินก็ได้พูดอย่างมีหลักการ พูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ผู้หญิงคิดไม่ถึงว่าเขาที่อายุเล็กๆ ขนาดนี้ประโยคพูดจะมีเหตุผลแบบนี้
“ลูกสาวฉันหอมแก้มเธอ ก็เพราะมองเธอเข้าตา ยังขอโทษ เธอฝันอยู่เหรอ? ฉันไม่ได้ให้เธอขอโทษลูกสาวฉันก็ดีมากแล้ว ผู้ปกครองของโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ฉันทำความเข้าใจมาหมดแล้ว ไม่มีผู้ปกครองคนไหนที่มีอำนาจเหมือนพ่อของเธอ ถ้าเรื่องใหญ่ ก็ไม่มีผมดีต่อเธอ ตอนนี้ก็ขอโทษอย่างว่าง่ายดีกว่า ไม่อย่างนั้น……”