กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 358 ด้านอ่อนโยนของชายผู้แข็งแกร่ง
เหวินชิงบอกเป็นนัยๆ ว่าให้เธอนั่งลง แล้วบอกว่าหลี่จิ้งแค่คนเดียวก็จัดการได้
” วันนี้อยู่ดีๆก็คิดถึงแม่ของแกขึ้นมา ดื่มเป็นเพื่อนฉันสักแก้วสิ “เหวินชิงเทเหล้าให้จงจิ่งห้าว
หลี่จิ้งที่ยืนอยู่ข้างๆ จงใจพูด ” คุณยังบาดเจ็บอยู่เลยนะ จะดื่มเหล้าได้ยังไง ”
” อารมณ์ผมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ กินเหล้านิดหน่อยคงไม่ตายหรอกมั้ง ” เหวินชิงดักคอหลี่จิ้งไม่ให้พูดต่อ
เหวินชิงจึงยกแก้วเหล้าตัวเองชนกับแก้วของจงจิ่งห้าว ” มาเดินเป็นเพื่อนฉันหน่อยสักแก้ว ”
เมื่อก่อนตอนที่เหวินชิงเจ็บปวดเพราะคิดถึงเรื่องเหวินเสียนขึ้นมา ก็มักจะเรียกเขามาดื่มเหล้าด้วยเสมอ ดังนั้นเขาเลยไม่ได้คิดอะไรมาก เลยดื่มเหล้าเป็นเพื่อนเหวินชิงไปหนึ่งแก้ว
แต่วันนี้อารมณ์ของเหวินชิงก็ไม่ดีจริงๆ พ่อคิดถึงเหวินเสียน เขาก็กลัว กลัวว่าจงจิ่งห้าวไม่ใช่ลูกชายของเหวินเสียน
เขาแค่อยากทำให้เรื่องนี้มันชัดเจน แต่ก็กลัวว่าจงจิ่งห้าวไม่ใช่เด็กที่เหวินเสียนคลอดออกมาจริงๆ
ในใจของเขาเต็มไปด้วยความห่อเหี่ยว ” จิ่งห้าว แกรู้ไหม ว่าฉันเสียใจแค่ไหน ที่ปล่อยให้แม่แกแต่งงานกับตระกูลจง ”
ถ้าตอนนั้นไม่เอาแต่คิดถึงผลประโยชน์ของสองตระกูล บางทีเหวินเสียนก็อาจจะไม่จากโลกไปเร็วขนาดนี้….
ทุกครั้งที่นึกถึงน้องสาวที่จากไปตั้งแต่อายุยังน้อย ในใจของเขาก็เปลี่ยนไปด้วยความทุกข์ระทม
” ทางที่เรารู้อยู่แล้วว่าเธอไม่ได้ชอบพอกับจงฉีเฟิง แต่เป็นเพราะว่าผลประโยชน์ของตระกูล ก็เลยต้องให้เธอแต่งงานไป สุดท้าย…. ”
เหวินชิงกระดกเหล้าเข้าปาก
ใบหน้าของจงจิ่งห้าวดูนิ่งสงบ ไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตระหนกอะไร มันก็ผ่านไปหลายปีแล้ว เมื่อพูดขึ้นมาก็ไม่สะท้านอะไรเท่าไหร่
” ฉันเสียใจจริงๆ นะ พ่อของแก ทำให้ฉันผิดหวังมากๆ ฉันนึกว่าเขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคนและความรู้สึก แต่สุดท้าย… เขาก็หักหลังการแต่งงานครั้งนี้ ทำให้ฉันต้องสูญเสียน้องสาวที่มีอยู่คนเดียวไป ” เหวินชิงโกรธจัดจนเอากำปั้นทุบลงบนโต๊ะ
หลินซินเหยียนมองไปที่เขา บางที่เขาก็มีความผิดเหมือนกัน แต่ว่าเลือดเนื้อของความเป็นพี่น้อง ความรู้สึกมันเกินที่ยากจะต้านทานไว้ได้
เขาแค่คิดว่าน้องสาวตัวเองดี ไม่ได้ทำอะไรผิดงั้นเหรอ
ในเรื่องราวเหล่านั้น ทุกคนต่างเหตุการณ์กับความทุกข์ตรงนั้นที่ตัวเองเผชิญได้ดีกว่าใครๆ
ถ้าบอกว่ามีความผิด ก็ได้แต่บอก คงเป็นความผิดพลาดของโชคชะตาที่ถูกวางเอาไว้
” นี่ก็ผ่านไปนานมากแล้ว อย่าไปพูดถึงมันเลย จิ่งห้าวไม่ได้มาที่นี่บ่อยๆ คุณจะพูดเรื่องเสียใจไปทำไม ” หลี่จิ้งหยิบขวดเหล้าไป
” ถึงจะผ่านไปนานแค่ไหน ก็ลบความทรงจำนั้นไม่ได้สักที ความจริงที่น้องสาวของผมต้องจากไปยังไงล่ะ! ” เหวินชิงก้มหน้าลงไปดื่ม เขาเสียใจจริงๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาแกล้งทำ
” จิ่งห้าว อย่าไปใส่ใจเลยนะ ลุงของเธอวันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันว่าไม่ต้องดื่มเหล้าแล้วล่ะ ฉันกลัวว่าเขาจะดื่มจนเมา ” ขณะที่พูด หล่อนก็เอาแก้วที่จงจิ่งห้าวเพิ่งดื่มเหล้าเมื่อกี้ไป
แน่นอนว่าจงจิ่งห้าวไม่ได้พูดอะไร เหวินชิงอารมณ์ไม่ค่อยดี ก็ไม่ควรจะดื่มเหล้าจริงๆ เพราะจะเมาเสียง่ายๆ
” เอาละกินข้าว กินข้าวดีๆ ล่ะ ” หลี่จิ้งตบไหล่เหวินชิง ” เรื่องในอดีตมันก็ผ่านไปแล้ว ส่วนเราที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ใช้ชีวิตให้มันดีต่อไป ถ้าเหวินเสียนรู้ว่าตอนนี้คุณยังไม่ปล่อยวางอีก เธอก็คงจะเป็นกังวลเปล่าๆ หรือคุณอยากให้เธออยู่ข้างล่างนั่นอย่างไม่สบายใจ ”
เหวินชิงรูปหน้าของตัวเอง ก่อนจะมองไปที่จงจิ่งห้าวกับหลินซินเหยียน ” ทำตัวขายในพวกเธอเห็นอีกแล้ว ”
ชายที่แข็งแกร่งก็มีด้านที่อ่อนโยนเหมือนกัน นี่คือสิ่งที่ทำให้มีผลต่อจิตใจของผู้คน
เหวินชิงเป็นคนที่แข็งกร้าวขนาดนั้น ตอนนี้เมื่อความรู้สึกภายในถูกเปิดเผยออกมา หลินซินเหยียนก็รู้สึกสงสารจับใจ มันทำให้เธอเศร้าแบบบอกไม่ถูก
เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทั้งทางที่ไม่เคยเจอเหวินเสียนมาก่อน เคยเจอเหวินชิงแค่สองครั้งเท่านั้น ไม่รู้ว่าทำไม ในใจถึงรู้สึกทรมานแบบแปลกๆ
เธอลุกขึ้นยืน ” ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ ”
เธอเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว เลยค่อนข้างคุ้นชินกับตำแหน่งบ้านหลังนี้ ก็เลยไม่ต้องให้บอกว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน
เมื่อเธอเข้าห้องน้ำก็ปิดประตู เธอยืนอยู่หน้าอ่างล้างมือ จากนั้นก็เปิดก๊อก แล้วกวักน้ำเข้าไปที่หน้า
น้ำเย็นมาก ทำให้เธอสะดุ้ง จนปลุกตัวเองออกจากภวังค์
เมื่อเธอเช็ดหน้าจนแห้งแล้ว จึงเปิดประตูออกไป ขณะที่เธอกำลังจะกลับไปยังห้องอาหาร เธอก็เห็นหลี่จิ้งกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงประตู ขณะที่พูด สายตาของหล่อนก็กำลังจับจ้องไปที่ห้องอาหาร เหมือนกำลังกลัวว่าจะถูกพบหรือถูกได้ยิน
เสียงของหล่อนเบาและต่ำมาก เบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
” แก้วเหล้าที่เขาเพิ่งดื่มไปใช้ได้ไหม ”
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว ไม่นานเธอก็จับใจความได้ ในมือที่หล่อนเธออยู่นั้น คือแก้วเหล้าที่จงจิ่งห้าวเพิ่งจะดื่มไปเมื่อกี้
สติของเธอนี้หลุดไปแล้ว หรือว่าพวกเขาจะรู้ตัวตนของจงจิ่งห้าวแล้ว หรือว่าพวกเขาอยากจะรู้ให้แน่ชัด เลยเรียกเรามากินข้าวที่นี่
เป้าหมายก็เพื่อที่จะเอาน้ำลายของจงจิ่งห้าว ไปตรวจใช่ไหม
เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นที่แพร่กระจายไปทั่ว
หากจงจิ่งห้าวถูกเหวินชิงรู้ตัวตนเข้าละก็ ไม่ต้องพูดถึงไมตรีจิตเลย มันต้องเปลี่ยนกลายเป็นศัตรูและความเกลียดชังอย่างแน่นอน
เหวินชิงเกลียดเฉิงยู่ซิ่วมากแค่ไหน ก็น่าจะเกลียดลูกชายของหล่อนมากเท่านั้น
เมื่อถึงเวลานั้นสองคนก็ต้องแปรเปลี่ยนมาเป็นความเกลียดชังอย่างแน่นอน
อีกอย่างจงจิ่งห้าวมีอคติต่อเฉิงยู่ซิ่วมาโดยตลอด ถ้าบอกความจริงเขาไปกะทันหัน ว่าจริงๆ แล้วเฉิงยู่ซิ่วเป็นแม่ที่แท้จริงของเขา เขาจะรับมันได้ยังไง จะประเชิญหน้ากับมันอย่างไร
เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ให้มันเป็นแบบเดิม จะดีกับตัวทุกคนมากกว่า
เธอทำสติของตัวเองให้สงบลง ก่อนจะเรียกหลี่จิ้ง ” คุณป้าคะ ”
หลี่จิ้งรีบกลับสายโทรศัพท์ไปด้วยท่าทีลนลาน แล้วหันไปมองหลินซินเหยียนอย่างทำตัวไม่ถูก ” เธอไม่ได้กินข้าวอยู่หรอกเหรอ ”
หลินซินเหยียนทำท่าทีเหมือนไม่ได้เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ” ฉันเพิ่งมาเข้าห้องน้ำค่ะ ทำไมคุณป้าไม่ไปกินข้าวล่ะคะ ”
” ฉันโทรหาลูกชายน่ะ ” หลี่จิ้งโกหก
หลินซินเหยียนเดินเข้าไปใกล้ หลี่จิ้งจึงเอามือไปไว้ข้างหลัง
เธอยิ้มแล้วพูดว่า ” เดี๋ยวกับข้าวก็เย็นหรอกค่ะ คุณป้าไปกินข้าวด้วยกันเถอะนะคะ ”
หลี่จิ้งอยากจะปฏิเสธ แต่ก็หาเหตุผลมาอ้างไม่ได้ ก็เลยจำเป็นต้องเดินไปห้องอาหารพร้อมหลินซินเหยียน
หลี่จิ้งนั่งไม่ติดเก้าอี้ ในมือของหล่อนยังถือแก้วนั้นอยู่เลยนะ
หลินซินเหยียนจงใจคีบกับข้าวให้เธอ ” คุณป้าคะ กับข้าวจานนี้อร่อยมากเลยค่ะ ”
ดูเหมือนว่าถ้าหลี่จิ้งไม่กินจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หล่อนเลยอ้างว่า ” เดี๋ยวฉันไปเทน้ำก่อนนะ ”
หล่อนใช้เวลาที่จะไปเทน้ำในห้องครัว เอาแก้วนั้นวางบนเคาน์เตอร์ในครัว
หลินซินเหยียนค่อยๆ แอบดู เมื่อเห็นว่าหล่อนวางแก้วนั้นไว้ ก็รีบเข้าไป อาศัยจังหวะที่หลี่จิ้งกำลังหาแก้วใส่น้ำ เธอก็เอาแก้วในมือตัวเองสลับกับแก้วที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์
หลี่จิ้งหันตัวกลับมาเห็นหลินซินเหยียนก็ร้องมาอย่างตกใจ ” เธอเข้ามาได้ยังไงเนี่ย ”
” ฉันก็อยากกินน้ำเหมือนกันค่ะ ” หลินซินเหยียนยื่นแก้วเพื่อขอน้ำ
เมื่อหล่อนเห็นแก้วของหลินซินเหยียน ก็หันไปมองแก้วบนเคาน์เตอร์ เมื่อเห็นว่ามันยังวางอยู่บนเคาน์เตอร์ที่เดิม หล่อนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า ” มาสิเดี๋ยวฉันเทให้เธอเอง ”
หลินซินเหยียนส่งแก้วน้ำให้หล่อน
เมื่อเทน้ำเสร็จ เธอก็กลับไปยังห้องอาหารดังเดิม
ตอนนี้อารมณ์ของเหวินชิงไม่ค่อยจะคงที่นัก เพราะยังไม่สามารถหลุดพ้นจากหัวข้อสนทนาเมื่อกี้ได้
หลินซินเหยียนนั่งลงข้างๆ จงจิ่งห้าว แล้วมองไปที่เหวินชิง ราวกับว่าเข้าใจว่าทำไมเขาถึงเสียใจได้ขนาดนี้
คงจะเป็นเพราะว่ากลัว ว่าจงจิ่งห้าวไม่ใช่ลูกที่เหวินเสียนคลอดออกมา
จากสิ่งที่เขาแสดงออกมาต่อจงจิ่งห้าวในตอนนั้น มันคือความจริงไม่ได้แสร้งทำแต่อย่างใด
เขาทะนุถนอมความสัมพันธ์นี้จริงๆ
หลินซินเหยียนได้แต่แอบถอนหายใจเงียบๆ
ถอนหายใจในความแปลกประหลาดของโลกใบนี้ ถอนหายใจที่ชะตากรรมช่างเล่นตลกกับผู้คนจริงๆ
ก็ยังดี ที่เธอเห็นมันได้ทัน ก็คงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร
เหวินเสียนได้จากโลกนี้ไปแล้ว เหวินชิงเลยอยากจะยืนยัน จึงทำได้แค่พิสูจน์จากคนที่ยังมีชีวิตอยู่
โดยการเอาจงจิ่งห้าวมาเทียบกับเฉิงยู่ซิ่ว
แต่ถ้าใช้ของของเธอเอง ก็จะไม่ถูกเหวินชิงจับได้
ตอนนี้เธอได้ทำการสับเปลี่ยนแก้วชาของทั้งคู่ คิดๆ ดูแล้ว เหวินชิงไม่น่าจะตรวจเจอ
เมื่อกินข้าวเสร็จ หลินซินเหยียนก็อาศัยจังหวะที่หลี่จิ้งกำลังเก็บกวาดโต๊ะ ทำการสับเปลี่ยนเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารของตัวเองกับจงจิ่งห้าว
อุปกรณ์ที่ใช้ทานอาหารทั้งซ้ายทั้งขวาเหมือนกันหมด หล่อนก็คงดูไม่ออกว่าเธอได้สับเปลี่ยนแล้ว
หลี่จิ้งลากตัวเธอออกมา ” ที่นี่ไม่ต้องการเธอหรอก ไปห้องรับแขกเถอะ แต่ฉันเก็บกวาดเอง ”
หลินซินเหยียนทำเป็นยืนกรานที่จะช่วย ” ฉันช่วยคุณเถอะค่ะ ”
” ไม่ต้องเลย ไม่ต้อง ” หลี่จิ้งลากเธอไปยังห้องรับแขก ไม่ให้เธอจับต้องเครื่องใช้บนโต๊ะ