กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 362 ต่อไป เรื่องแบบนี้มอบให้ฉันจัดการเอง
- Home
- กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม
- บทที่ 362 ต่อไป เรื่องแบบนี้มอบให้ฉันจัดการเอง
จงจิ่งห้าวอุ้มหลินซินเหยียนขึ้นไปชั้นบน และเข้าห้องนอน
หลินซินเหยียนหลับลึก ไม่มีร่องรอยของการตื่นเลย จงจิ่งห้าวอุ้มเธอวางลงบนเตียง ในความเบลอๆเธอเหมือนรู้ว่าตัวเองได้มานอนอยู่บนเตียงแล้ว พลิกตัวทีนึงแล้วซุกเข้าไปในผ้าห่ม จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว และโน้มตัวไปดูเธอ
เธอนอนหันข้างไว้ แก้มที่เล็กเท่าฝ่ามือขาวผ่องเป็นยองใย
ขนตาของเธองอนยาวมาก ตอนที่นอนหลับตาอยู่ได้กระทบเป็นเงา
ริมฝีปากแดงโดยไม่ต้องทาลิป ล่อตาล่อใจอย่างบอกไม่ถูก
เขาก้มไปจูบริมฝีปากเธอ ริมฝีปากถูกสัมผัสกะทันหัน หลินซินเหยียนขมวดคิ้วและครางเสียงนึง “อือ……”
ในความสะลึมสะลือ เธอลืมตาเห็นใบหน้าที่ใกล้แค่เอื้อมของจงจิ่งห้าว ความง่วงท่วมท้นในใจ เธอไม่ได้สติ แรงไม่เยอะ กลับเหมือนผลักแบบอ่อยมากกว่า “ฉันง่วง”
เสียงแหบพร่าเล็กน้อยจากการเพิ่งตื่นนอน เสียงนิ่มนวล ละมุนละไม ยั่วยวนอย่างบอกไม่บอก
จงจิ่งห้าวไม่ได้ไปจากริมฝีปากของเธอ ได้ตอบอืมอย่างคลุมเครือคำนึง
จูบของเขาไม่หนัก แต่กลับเร่าร้อนมาก หลินซินเหยียนสามารถรู้สึกได้ถึงลมหายใจถี่ของเขาอย่างชัดเจน
อารมณ์ตื่นเต้นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ แม้แต่ความง่วงก็จางหายไปไม่น้อยเลย
จงจิ่งห้าวเป็นคนแข็งกร้าวเอาแต่ใจในเรื่องอย่างว่าเกินไป ทุกครั้ง เธอล้วนถูกทรมานจนหมดเรี่ยวหมดแรง
“จิ่งห้าว……ฉันง่วงจริงๆ” เธอเปิดปากพูดอย่างระมัดระวัง
จงจิ่งห้าวดูดริมฝีปากของเธอไว้ พร้อมถามอย่างคลุมเครือ “คุณเรียกผมว่าอะไรนะ?”
สมองของหลินซินเหยียนรู้สึกเบลอๆ ตระหนักไม่ได้ว่าเขาอยากฟังอะไรในชั่วขณะ จึงได้ตอบไปเรื่อยเปื่อย “เรียกคุณจิ่งห้าวไงคะ?”
เธอคิดอยู่ในใจว่า หรือจะต้องเรียกว่าจงจิ่งห้าวทั้งชื่อและนามสกุลเต็มๆเลย?
“อือ……”
ทันใดนั้น เธอรู้สึกได้ว่าร่างกายเย็นวูบ กระโปรงถูกดึงออก เธอรีบร้อนอยากจะบังเอาไว้ แต่แล้ว จงจิ่งห้าวกลับไวกว่า ได้จับมือสองข้างของเธอไปกดไว้บนหัวเตียง ใช้ท่าทางที่โน้มตัวมองหน้าเธอ น้ำเสียงเต็มไปด้วยการข่มขู่ “พูดอีกรอบนึง เรียกผมว่าอะไร?”
หลินซินเหยียนเปิดปากพูดอย่างตัวสั่น “สา……คุณสามี?”
เขายักคิ้วสวยขึ้น เหมือนแฝงด้วยแสง ดั่งดวงดาวดั่งพระจันทร์ ส่องแสงประกาย เขายกมุมปากขึ้นอย่างรื่นรมย์มาก
หลินซินเหยียนรู้ว่าเขาอารมณ์ดีแล้ว จึงเป็นฝ่ายไปแนบชิดเขาออดอ้อนเขา “ฉันอยากนอนค่ะ”
จงจิ่งห้าวจูบเบ้าตาของเธอทีนึง รู้สึกคันยุบยิบ หลินซินเหยียนหลับตาลง
จงจิ่งห้าวยิ้มพร้อมขยี้ผมของเธอ “นอนเถอะ”
เพื่อเอาใจจงจิ่งห้าว หลินซินเหยียนเป็นฝ่ายไปหอมแก้มเขา “ฉันนอนแล้วนะคะ”
จงจิ่งห้าวดีใจเหมือนเด็กหนุ่มวัยรุ่นแรกแย้ม
แต่แล้วหลินซินเหยียนที่เตรียมตัวเข้าสู่ความฝันกลับมองไม่เห็น
จงจิ่งห้าวถอดรองเท้าให้เธอ ขาของเธอขาวมาก แถมเท้าก็เล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม
หลินซินเหยียนในนาทีนี้ยังนอนไม่หลับ การสัมผัสของเขาค่อนข้างคันยุบยิบ เธอไม่ได้ขยับตัว แต่นาทีนี้กลับคอยเพลิดเพลินกับการ‘ปรนนิบัติ’ของจงจิ่ง
มุมปากเธอมีรอยยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
เธอได้ยินเสียงที่จงจิ่งห้าวไปอาบน้ำในห้องน้ำ เธอค่อยๆนอนหลับ ก่อนจะเข้าสู่ความฝัน เธอรู้สึกได้ว่าฟุกของข้างหลังได้ยุบตัวลงไป ไม่นานแขนที่แข็งแรงข้างนึงก็ได้โอบกอดมาที่เธอ ทรวงอกที่กำยำเร่าร้อนแนบชิดอยู่กับแผ่นหลังเธอ ระยะประชิดกันเกินไป เธอสามารถได้กลิ่นหอมสดชื่นของครีมอาบน้ำบนตัวเขาอย่างชัดเจน
เธอได้นอนหลับไปท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ ตอนเช้าตื่นค่อนข้างสาย ตื่นมาก็เกือบจะ9โมงแล้ว เมื่อคืนเธอนอนดึก ตอนเช้าเลยลุกไม่ไหว
ปกติเวลานี้จงจิ่งห้าวจะไปที่บริษัทแล้ว แต่วันนี้เขายังไม่ได้ไป เธอลุกมานั่งแล้วถามว่า “วันนี้คุณไม่ต้องเข้าบริษัทเหรอคะ?”
จวจิ่งห้าวยืนอยู่หน้ากระจก กำลังผูกเนคไทอยู่ แต่ได้เจียดเวลามองมาที่เธอแว๊บนึง “ทางโน้มจัดเตรียมเสร็จแล้ว ฉินยาสามารถไปได้วันนี้เลย”
หลินซินเหยียนลงมาจากเตียง และกระโจนมาที่ข้างหลังเขา กอดเขาจากด้านหลัง และเอาใบหน้าแนบกับแผ่นหลังของเขา “ขอบคุณนะคะ”
จงจิ่งห้าวมองไปด้านหน้า คอยจัดระเบียบเนคไทต่อพร้อมถามว่า “คุณจะขอบคุณผมยังไง?”
หลินซินเหยียนเดินมาตรงหน้าเขา แล้วยื่นมือช่วยเขาจัดระเบียบเนคไท “ต่อไป เรื่องแบบนี้มอบให้ฉันจัดการเองค่ะ”
เธอคือดีไซนเนอร์อยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องที่ง่ายอย่างกับปอกกล้วยเข้าปาก
ผูกเนคไทเสร็จ และติดกระดุมเสื้อสูท
เธอลูบคอเสื้อให้เรียบ และพึงพอใจกับผลงานตัวเองมาก
เธอถอยหลังมาชื่นชมหนึ่งก้าว เขาตัวผอมสูง เอวของเขาบางมาก ไม่มีไขมันสะสมเลย เมื่อสอดรับกับทรวดทรงกำยำของบั้นท้าย สมดุลและสง่าผ่าเผย
แสงไฟบนฟ้าเพดานที่แกว่งไปมา เชื่อมเป็นเส้นเดียวกันกับรูปร่างสง่าผ่าเผยของจงจิ่งห้าว สูงส่ง ไม่ผูกพันกับใคร ต้นทุนใหญ่ที่เขาล่อใจผู้หญิงก็คือเงินทองกับหน้าตา
ต้องยอมรับเลยว่า ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ และมีใบหน้าที่หล่อเหลาช่างมีเสน่ห์จริงๆ
จงจิ่งห้าวดีอกดีใจกับคำชื่นชมของเธอ เขาถามด้วยรอยยิ้ม “พอใจในตัวผมหรือเปล่า?”
หลินซินเหยียนแกล้งทำเป็นเคร่งขรึมสุดๆ เธอพยักหน้าอย่างจริงจัง “ก็พอใช้ได้ค่ะ”
“พอใช้ได้?”
ทำไมฟังแล้วเหมือนยังไม่พอใจ?
หลินซินเหยียนกอดคอเขาไว้ และแหงนหน้าจูบคางของเขา “ฉันชอบมากค่ะ”
เธอจะปฏิเสธก็ไม่ได้ เธอชอบผู้ชายคนนี้เข้าจริงๆแล้ว
จงจิ่งห้าวยิ้มพร้อมโอบเอวเพรียวบางของเธอ “คุณไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าเหรอ?”
หลินซินเหยียนรีบพยักหน้า เรื่องของฉินยาสำคัญ
เธอพูดคำว่ารอฉันคำนึง ก็ได้ถือเสื้อผ้าพุ่งเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เธอถึงเดินออกมา
จงจิ่งห้าวจัดเตรียมเรียบร้อยหมดแล้ว ตอนนี้แค่ส่งฉินยาขึ้นเครื่องก็โอเคแล้ว
ในโรงพยาบาล จงจิ่งห้าวได้รับสายจากทางโน้น ก็ให้กวนจิ้งไปจัดการเรื่องของฉินยาที่โรงพยาบาลเลย พอพวกเขามาถึง กวนจิ้งก็จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว
ฉินยามีบุคลากรทางการแพทย์ของทางโรงพยาบาลคอยประกบอยู่ หลังจากส่งไปถึงทางโน้น พวกเขาค่อยกลับมา
รถ เปลยกคนไข้ บุคลากรคอยติดตามจัดเตรียมเรียบร้อยทุกอย่าง พวกเขาเข้ามาปุ๊บ กวนจิ้งก็ได้เดินมาถาม “จัดเตรียมเรียบร้อยหมดแล้วครับ เดินทางไปที่สนามบินได้ทุกเมื่อเลยครับ”
หลินซินเหยียนถาม “ไฟลท์บินกี่โมง”
“เหมาลำเครื่องบิน เวลากำหนดเองได้ครับ” กวนจิ้งตอบ
หลินซินเหยียนอ้าปาก แต่กลับพูดไม่ออกในชั่วขณะ “จัดเตรียมเสร็จก็ไปเถอะ”
เรื่องรักษาฉินยาจะรอช้าไม่ได้
กวนจิ้งบอกว่าโอเคครับ
ตั้งแต่หลินซินเหยียนมาถึงโรงพยาบาล จนถึงส่งฉินยามาสนามบิน ก็ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ฉินยานอนอยู่บนเปล มีคนคอยยกอยู่ ข้างกายมีหมอติดตามอยู่ หลินซินเหยียนส่งเธอถึงจุดขึ้นเครื่อง “พี่ว่างแล้วจะไปเยี่ยมเธอนะ”
ฉินยาตอบว่าโอเค เธอไม่ได้พูดคำพูดซาบซึ้งใจ เพราะเธอรู้สึกคำว่าขอบคุณ ไม่สามารถเผยความรู้สึกในใจของตัวเองออกมาได้
“พักฟื้นดีๆนะ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นแน่นอน” หลินซินเหยียนกุมมือเธอเบาๆ “พี่รอเธอกลับมาช่วยพี่บริหารร้านเสื้อผ้านะ”
“อืม” ฉินยาตอบ
ในดวงตาเธอมีน้ำตาคลอ
ฉินยาถูกยกขึ้นเครื่อง ไม่นาน หลินซินเหยียนก็เห็นเครื่องบินๆขึ้นสู่น่านฟ้า
มุมที่ไม่เด่นของห้องโถงสนามบิน มีผู้ชายยืนอยู่สองคน คนนึงสีหน้าเคร่งขรึม คนนึงสีหน้าเศร้าโศก
ถ้าไม่ใช่เสิ่นเผยซวนดึงตัวเองไว้ ซูจ้านก็จะพุ่งมาแล้ว
เขามองดูฉินยาจากไป โดยที่ตัวเองไม่มีกำลังเพียงพอที่จะช่วยเหลืออะไรได้
ไม่มีความทุกข์ทรมานแบบไหน ที่จะสามารถบรรยายอารมณ์ของเขา
เขารู้ รู้ว่าไม่ปรากฏโตัวจะดีต่ออารมณ์และจิตใจของฉินยาที่สุด
แต่ว่า ตัวเขาเองกลับเต็มไปด้วยความเสียใจ
ตั้งแต่เธอถูกช่วยออกมา เขาได้มองหน้าเธอแค่แว๊บเดียว แถมยังเป็นตอนที่เธอหมดสติอยู่ ต่อมาพอฟื้นขึ้นมา แม้แต่โอกาสที่เขาจะพูดกับเธอสักคำก็ยังไม่มี
ฉินยาไม่ยอมเจอหน้าเขา
ทันใดนั้นเขาพุ่งไปที่ตรงหน้าหลินซินเหยียน
ฉินยาไปแล้ว เสิ่นเผยซวนก็ได้ผ่อนคลายความระมัดระวังลง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะวิ่งออกไปกะทันหัน
เขากลัวซูจ้านจะพูดอะไรเลยเถิดกับหลินซินเหยียนเพราะการจากไปของฉินยา จึงรีบวิ่งตามไป “ซูจ้าน!”