กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 368 ใช้งานเลี้ยงมาเป็นเครื่องมือในการมาทำร้ายคน
- Home
- กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม
- บทที่ 368 ใช้งานเลี้ยงมาเป็นเครื่องมือในการมาทำร้ายคน
จู่ๆความอบอุ่นได้ห้อมล้อมมาจากด้านหลัง ทันใดนั้นเธอลืมตาขึ้นและหันไปมอง……สายตาก็มองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยจนใกล้จะฝังลึกเข้าไปในจิตวิญญาณ
ทั้งๆที่ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย ทั้งๆที่ทุกอย่างก็ดีๆอยู่
ไม่รู้เพราะอะไร เธอก็ยังรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่ดี เหมือนหัวใจถูกควักเป็นหลุม ในใจว่างเปล่า อยากหาของมาเติมช่องว่างนี้ให้เต็ม
เธอหันหลังพร้อมกระโจนไปในอ้อมอกเขา มือสองข้างกอดเอวบางๆของเขาไว้แน่น
จงจิ่งห้าวก้มหน้าลูบผมของเธอ พร้อมถามเสียงเบา “คุณเป็นอะไรไป?”
เขารู้สึกได้ว่าวันนี้อารมณ์ของเธอดูผิดสังเกต
ใบหน้าของหลินซินเหยียนซุกอยู่ในอ้อมอกเขา และพูดด้วยเสียงอู้อี้ “ให้ฉันกอดเดี๋ยวเดียวก็โอเคแล้วค่ะ”
เธอแค่ต้องการปรับอารมณ์หน่อย ให้เวลาเธอหน่อยเดี๋ยวก็โอเคแล้ว
จงจิ่งห้าวไม่ได้พูดอะไรอีก แค่กอดเธอไว้แน่นๆ
ฝ่ามือของเขาอบอุ่น ฝ่ามือเร่าร้อนราวกับสามารถปลอบใจคน
เขาคอยลูบแผ่นหลังเธอทีแล้วทีเล่า หลินซินเหยียนอยู่ในอ้อมอกเขาได้ค่อยๆสงบลงมา
เธอบรรเทาไปครู่นึงก็ได้เงยหน้าขึ้นมาถาม “คุณมาได้ยังไงคะ?”
จงจิ่งห้าวจูบหน้าผากเธอ และปัดผมที่บังหน้าผากเธอออก พร้อมพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “คุณลุงเรียกผมไปทานข้าว ผมเลยมารับคุณไปด้วยกัน”
ขนตาของหลินซินเหยียนสั่นเล็กน้อย เธอรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
วันนี้หลี่จิ้งก็มาชวนเธอทานข้าว แต่ต่อมาก็ได้เปลี่ยนใจจากไปอย่างเร่งรีบ
นี่เป็นงานเลี้ยงทานข้าวที่เดียว หรือเป็นงานเลี้ยงทานข้าวสองที่?
“คุณป้าเป็นคนโทรหาคุณหรือเปล่าคะ?” หลินซินเหยียนลองถาม
“ไม่ใช่” เหวินชิงเป็นคนโทรหาเขาเอง
ทันใดนั้นหลินซินเหยียนก็เข้าใจเลยว่าทำไมหลี่จิ้งถึงเปลี่ยนใจ รู้สึกว่าการทานข้าวครั้งนี้อาจจะเป็นเครื่องมือในการทำร้ายคน
แต่ว่า ถ้าใช้งานเลี้ยงมาเป็นเครื่องมือในการทำร้ายคน คนที่เหวินชิงจะจัดการคือใคร?
ถ้าตามที่หลี่จิ้งพูด เหวินชิงแน่ใจฐานะของจงจิ่งห้าว ย่อมไม่ทำเรื่องที่ไม่เอื้ออำนวยต่อเขาอยู่แล้ว
ถ้าเป้าหมายไม่ใช่จงจิ่งห้าว……
เธอตระหนักได้ทันที ก่อนที่หลี่จิ้งจะจากไปได้พูดฐานะของจงจิ่งห้าวชัดเจนแล้ว ในขณะเดียวกันก็ได้ย้ำฐานะของเธอ แถมยังได้ถามความสัมพันธ์ของเธอกับเฉิงยู่ซิ่ว
หรือว่า เหวินชิงรู้ความสัมพันธ์ของเธอกับเฉิงยู่ซิ่ว จึงจะใช้งานเลี้ยงมาเป็นเครื่องมือในการทำร้ายเธอ?
นาทีนี้เธอแทบจะสามารถแน่ใจกับการคาดเดานี้ จู่ๆหลี่จิ้งจากไปกะทันหัน คงจะเพราะเสียใจภายหลังหรือว่าเกิดใจอ่อนขึ้นมา
สีหน้าของเธอค่อนข้างกิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอไม่รู้ว่าเหวินชิงรู้มากน้อยแค่ไหน
ไม่รู้ว่าการมาเยือนของหลี่จิ้งเป็นแค่การอำพราง จงใจก่อกวนเธอเฉยๆ ที่จริงเหวินชิงรู้ฐานะของจงจิ่งห้าวแล้ว
การคาดเดาของในใจเธอยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ แต่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบเธอได้เลย
แขนของเธอแน่นขึ้น “ฉันไม่อยากไป และไม่อยากให้คุณไปด้วย เรากลับบ้านกันโอเคมั้ยคะ?”
เสียงของเธอสั่นคลอนโดยไม่รู้ตัว พูดอย่างค่อนข้างแหบแห้ง
จงจิ่งห้าวพูดอย่างไม่ลังเลสักนิด “โอเค”
ความว่องไวของเขา ความไม่ลังเลของเขา ความเด็ดขาดของเขา ทำให้หลินซินเหยียนที่กระวนกระวายใจได้ค่อยๆสงบลง ความอบอุ่นได้โผล่ขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ
นาทีนี้ เธอรู้สึกได้ถึงความรักของเขา ความใส่ใจของเขา
เธอเอามือประกบไปที่หน้าของเขา และพูดออกมาโดยไม่คิด “คุณชอบฉันจริงหรือเปล่าคะ? ชอบในตัวฉัน ไม่ใช่เพราะฉันเป็นแม่ของหลินลุ่ยซีกับหลินซีเฉิน แค่ชอบอย่างเดียว ถึงแม้ไม่มีลูกสองคนนี้ คุณก็ยอมอยู่กับฉัน?”
เธอน้ำตาคลอเบ้า
เธออยู่มา20กว่าปี จะเพิ่งเคยถามผู้ชายเป็นครั้งแรกว่ารักตัวเองหรือเปล่า
ในขณะที่ตื่นเต้น ที่มากกว่าคือคาดหวัง
เธอรู้ดี ว่าเธอตกหลุมรักผู้ชายคนนี้เข้าแล้ว
เพราะฉะนั้นเธออยากรู้ว่าเขาคิดยังไงกับเธอกันแน่
เมื่อก่อนเธอเคยเห็นคำพูดท่อนนึงจากหนังสือเล่มนึง ยิ่งแคร์ก็จะยิ่งกลัวสูญเสีย
เธอแคร์เขาจนถึงขั้นกลัวสูญเสียเขาไปแล้วเหรอเนี่ย?
เขาไม่ตอบคือเพราะว่า ไม่ได้แค่ชอบอย่างเดียวเหรอ?
ทันใดนั้น เธอกระวนกวายและอธิบายไปมั่ว “ฉัน……ฉันก็แค่ถามดูเรื่อยเปื่อย……”
“ผมไม่รู้” จงจิ่งห้าวได้ขัดจังหวะเธอในเวลานี้
เขาหลุบตาลงเล็กน้อย ขนตางอนยาวได้กระทบเป็นเงาที่ตรงใต้ตา เสียงของเขาเบามาก แต่กลับชัดเจนและจริงจังอะไรปานนั้น “ผมไม่รู้ว่าผมมีความรู้สึกยังไงกับคุณ ผมรู้แค่ว่า ผมอยากให้คุณอยู่ข้างกายผม เวลาไม่เจอคุณนานๆผมจะคิดถึงคุณ บางครั้งผมรู้สึกว่าคุณอาจจะมีพิษทำให้ผมสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมไม่รู้นี่ถือว่าชอบหรือเปล่า ถ้านี่ไม่ถือว่าชอบก็ไม่เป็นไร ผมไม่ให้โอกาสคุณได้ไปจากผมหรอก คุณอยู่เป็นคนของผม ตายก็เป็นผีของผม”
เผด็จการเหมือนเคย
แม้แต่สื่อความในใจก็ยังแตกต่างโดดเด่นจากคนอื่นขนาดนั้น
หัวใจของหลินซินเหยียนไม่สามารถสงบ มันเต้นแรงอยู่ในนั้น ใจสั่นอยู่อย่างนั้น ตื่นเต้นสุดๆจนควบคุมไม่ได้กับทุกอย่างที่ไม่สามารถคาดการณ์ แต่ก็ได้มาเยือนจริงๆ
“เอ๋อไปเลยเหรอ?” จงจิ่งห้าวหยิกจมูกเธอ และกอดเธอมาไว้ในอ้อมอก “คุณอยากทานอะไรผมพาคุณไป แค่เราสองคนเท่านั้น”
หลินซินเหยียนส่ายหัว “คุณลุงชวนเราไปทานข้าวไม่ใช่เหรอคะ? เราจะไม่ไปได้ยังไงล่ะ?”
ไม่เข้าถ้ำเสือมีหรือจะได้ลูกเสือ
เธอจะคอยดูซิว่าเหวินชิงจะทำอะไร
จงจิ่งห้าวยักคิ้วเล็กน้อยแล้วถาม “ผู้หญิงนี่เปลี่ยนใจง่ายขนาดนี้หมดเลยเหรอ?”
หลินซินเหยียนแกล้งทำเป็นจริงจัง เอียงศีรษะ และพยักหน้าอย่างจริงจัง “ฉันว่าน่าจะมั้งคะ เพราะฉะนั้นคุณต้องดีกับฉันหน่อย ไม่แน่เดี๋ยววันไหนฉันเกิดเปลี่ยนใจ……”
จงจิ่งห้าวหยุดฝีเท้าลง หลินซินเหยียนแหงนหน้า ทำไมคนๆนี้ไม่ไปแล้วล่ะ?
“คุณโกรธแล้วเหรอ?”
จงจิ่งห้าวชายตามองเธอ เขาไม่ได้โกรธ แต่ว่า……ข่มขู่!
“ถ้าคุณกล้าเปลี่ยนใจ ผมจะตีขาคุณให้หักเลย” เขาแกล้งทำหน้าดุร้าย
หลินซินเหยียนสีหน้าบานและควงแขนเขาให้แน่น
เดินออกมาจากในร้าน รถของจงจิ่งห้าวจอดอยู่ที่ข้างถนน พวกเขาเดินข้ามถนนไปขึ้นรถ พอขึ้นรถแล้ว จงจิ่งห้าวได้โน้มตัวมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ
หลินซินเหยียนนั่งตัวตรง “วันนี้คุณป้ามาที่ร้านค่ะ”
“แกร๊ก”เสียงคาดเข็มขัดนิรภัยได้ดังขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ
หลินซินเหยียนมองหน้าเขา “เดิมทีคุณป้าก็มาเรียกฉันไปทานข้าวเหมือนกันค่ะ แต่ต่อมาก็บอกว่ามีธุระและจากไปอย่างเร่งรีบ ไม่รู้ว่าเป็นงานเลี้ยงทานข้าวที่เดียวกับคุณลุงหรือเปล่า”
จงจิ่งห้าวหรี่ตาเล็กน้อย แววตาเกิดความสงสัย
คราวก่อนเหวินชิงให้เขาไปเอาเอกสารที่โรงแรม ก็รู้สึกในนี้มีต้องมีพิรุธอะไรแน่ๆ
“คุณป้ายังมาบอกฉันโดยเฉพาะ……”
หลินซินเหยียนแกล้งหยุดชะงักลง
“อื๊ม?”