กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 384 แฟนของผม
หลินซินเหยียนกดเสียงแล้วถาม “คนรวยต้องมีผู้หญิงกี่คนถึงจะเรียกว่าปกติ?”
“ก็ไม่ถูก คุณว่าเป็นคนก็ต้องมีความรู้สึกแล้วก็ความอยาก อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีความต้องการทางกายสิใช่ไหม ก่อนหน้านี้เขามีคู่หมั้นไม่ใช่หรอ ไม่รู้ว่าทำไมถึงทิ้งไปซะอย่างนั้น ก็ไม่เห็นเขาไปมีผู้หญิงคนอื่นนะ” หลี่จ้านขยับตัวลงมา พูดอย่างเสียงเบา “ผมเคยอ่านบนความหนึ่งมาก่อน บอกว่า ผู้ชายคนหนึ่งถ้าไม่ระบายเป็นเวลานาน หรือไม่ได้รับการระบายทางกาย หัวใจจะบิดเบี้ยวได้ง่ายมาก เขาอารมณ์ไม่ดี ผมว่าน่าจะเป็นเพราะว่าเรื่องนี้ เดี๋ยวถ้าเจอเขา คุณไม่ต้องกลัว ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ยังมีผมอยู่”
“ติ๊ง!” เสียงดังทีหนึ่ง เวลานี้เองประตูลิฟต์ก็เปิดออก
หลินซินเหยียนอยากจะถามคำหนึ่ง ‘นายเป็นใครกันแน่’ แต่ยังไม่ทันถาม ประตูลิฟต์ก็เปิดแล้ว ชั้นนี้ทั้งชั้นเป็นผู้บริหารทั้งนั้น ห้องทำงานของจงจิ้วห้าวก็อยู่ที่นี่
ประตูลิฟต์เปิดออกก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศทำงานที่ตึงเครียด
หลินซินเหยียนลังเล เธอคิดยังไงก็คิดไม่ถึงว่าคนที่หลี่จ้านจะพาเธอไปพบเป็นจงจิ่งห้าว
เธอไม่กล้าคิดสีหน้าของจงจิ่งห้าวที่เห็นเธอจะเป็นยังไง
หลินซินเหยียนลังเล แต่ในสายตาของหลี่จ้านรู้สึกว่าเธอกลัวแล้ว ปลอบว่า “มีผมอยู่ ไม่ต้องกลัว ไปเถอะ”
หลินซินเหยียนยังไม่ทันตอบสนองอะไร หลี่จ้านก็ได้ดึงเธอลงจากลิฟต์แล้ว
เวลานี้เองก็มีคนที่อุ้มกระเป๋าทำงานขึ้นลิฟต์ เห็นหลี่จ้านจูงมือผู้หญิงที่ใส่ชุดอย่างปิดมิด ก็เลยมองแปลกๆ ไปทีหนึ่ง
คนในบริษัทต่างก็รู้จักตัวตนของหลี่จ้าน แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูด จงจิ่งห้าวได้สั่งไว้แล้ว
“มองอะไร” หลี่จ้านเหลือบมองผู้ชายที่จ้องหลินซินเหยียน
ผู้ชายคนนั้นยิ้ม “นายหาแฟน ?”
หลี่จ้านอึ้งแล้วรีบพูดพร้อมยิ้มว่า “ใช่ “”
ขอบตาของหลินซินเหยียนกระตุก
คนคนนั้นก็ไม่ได้สนใจอีก เอาแต่มองหลินซินเหยียนอย่างแปลกใจ
หลินซินเหยียนใส่กรอบแว่นสีดำของหลี่จ้าน และใส่ผ้าปิดปาก แทบจะปิดหน้าไว้ทั้งหมดแล้ว นอกเสียจากว่าคนที่สนิทกับเธอมาก ไม่อย่างนั้น ไม่มีใครสามารถมองออกว่าเธอเป็นใครแน่
ประตูลิฟต์ปิด ได้ตัดสายตาที่คนนั้นจ้องมองหลินซินเหยียนไป
หลี่จ้านดึงหลินซินเหยียนมาถึงหน้าห้องทำงานของจงจิ่งห้าว ยกมือเคาะประตู ไม่ให้เวลาหลินซินเหยียนคิดวิเคราะห์เลยแม้แต่น้อย
ไม่นานก็มีเสียงที่ทุ่มและต่ำดังขึ้นมา “เข้ามา”
ตอนที่หลี่จ้านเตรียมจะผลักประตูแล้วเดินเข้าไป ก็เห็นว่ามืออีกข้างของหลินซินเหยียนที่ไม่ถูกล็อกด้วยกุญแจมือก็เอามือคล้องไว้ที่ขอบประตู ไม่ยอมเข้ามา
หลี่จ้านขมวดคิ้ว มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอไม่อยากเข้าก็ต้องเข้า
หลี่จ้านจับมือที่ล็อกไว้กับเธอแล้วใช้แรงดึง ดึงเธอเข้าไปในข้างใน
จงจิ่งห้าวยืนอยู่หน้ากระจกฝรั่งเศส รูปร่างผมสูง เอวแคบไหล่กว้างอย่างพอดี พับแขนเสื้อไว้ เผยแขนที่แข็งแรง
“หาผมทำเรื่องอะไร?” หลี่จ้านเปิดพูดก่อน
จงจิ่งห้าวค่อยๆ หันตัวหลับมา
แสงที่ส่องผ่านกระจกฝรั่งเศสเข้ามา บังสายตาของหลินซินเหยียนไว้ เธอมองสีหน้าของจงจิ่งห้าวในตอนนี้ไม่ออก เพียงแต่ในใจรู้สึกตื่นเต้นมากเท่านั้น
เธอกำมือแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้จะไปพูดยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นบนตัวของตัวเอง
เขาหลี่ตาแล้วก้าวเท้าเดินมา
หยุดฝีเท้าลงตรงหน้าหลินซินเหยียน
หลี่จ้านยิ้มแล้วพูดว่า “นี่เป็นแฟนผม”
ไม่หาข้ออ้างนี่ เขาก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง ตัวเองเป็นคนพาผู้หญิงมา?แล้วยัง ‘จูงมือกัน’ ไว้อีก
“หรอ?” สายตาของจงจิ่งห้าวละมือของพวกเขาที่ ‘จูงกันไว้’
“แน่นอน ไม่อย่างนั้น ผมจะพามาที่นี่ทำไม” หลี่จ้านยังคงยิ้มแฉ่ง “ตกลงพี่เรียกฉันมามีเรื่องอะไร?”
จงจิ่งห้าวไม่ได้ตอบ แต่กลับสนใจแฟนของเขามากกว่า
หลินซินเหยียนเหมือนมีหนามอยู่บนหลัง อยากจะเปิดปากพูด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง หลังจากเปิดปากแล้วจะพูดอะไร
สมองของเธอยุ่งไปหมดแล้ว
“เธอเป็นภูมิแพ้ ก็เลย…..” หลี่จ้านนึกว่าจงจิ่งห้าวแปลกใจที่หลินซินเหยียนห่อตัวเองไว้มิดชิดขนาดนั้น ก็เลยอธิบาย
จงจิ่งห้าวไม่ได้สนใจหลี่จ้าน แต่กลับยกมือไปจับแว่นบนหน้าของหลินซินเหยียน
หลี่จ้านดึงหลินซินเหยียนไปข้างหลัง “เธอเป็นภูมิแพ้หนักมาก บนหน้าดูไม่ได้เลย พี่อย่าดูเลยดีกว่า เมื่อก่อนพี่ก็ไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นนี่น่า วันนี้เป็นอะไรไป?”
จงจิ่งห้าวจ้องหลินซินเหยียนไว้ “เธอจะเอาออกเองหรือว่าจะให้ฉันช่วยเธอเอาออก?”
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นหน้าหลินซินเหยียน แต่รูปร่างกับความรู้สึกบอกเขาว่า ผู้หญิงคนนี้ก็คือหลินซินเหยียน
หัวใจของหลินซินเหยียนตึงขั้นมาทันที เธอยกมือขึ้นมาถอดแว่นและผ้าปิดปาก ไม่รอให้จงจิ่งห้าวถามก็อธิบายก่อนเลย “ฉันหาหลี่จ้านเพราะอย่างให้เขาเป็นพรีเซนเตอร์ให้ฉัน บังเอิญไปงานแฟนมิตติ้งของเขา แล้วบังเอิญได้ร่วมรายการกับเขาอีก สุดท้าย……”
หลินซินเหยียนในตอนนี้เหมือนกับเด็กที่ทำเรื่องผิด
จงจิ่งห้าวหลับตา เขารู้สึกว่าปวดหัว
นี่คือจะให้เขาโกรธแล้ว
โตกันขนาดไหนแล้ว?
“เดี๋ยวนะ” หลี่จ้านที่อยู่ข้างๆ เริ่มงง “พวกคุณรู้จัก?”
ดูจากท่าทางของหลินซินเหยียนแล้วรู้จัก ดูจากสีหน้าของจงจิ่งห้าวก็เหมือนรู้จัก
“เธอหาเขาแค่อยากจะให้เป็นพรีเซนเตอร์ ?” จงจิ่งห้าวถาม
หลินซินเหยียนพยักหน้าตามจริง
“รู้ว่าเขาคือใครไหม?”
หลินซินเหยียนพยักหน้า
ดูท่าทางของเธอไม่รู้ว่าหลี่จ้านเป็นลูกชายของเหวินชิง ตอนที่เขาได้ยินกวนจิ้นบอกว่าหลินซินเหยียนตามหาที่อยู่ของแค่ไหน เขาเลยนึกว่าเป็นเพราะเหวินชิง
“เชรดแม่ พวกคุณรู้จักกันจริงหรอเนี่ย?” หลี่จ้านเหมือนค้นพบความลับสุดยอด “พวกคุณรู้จักกันได้ยังไง”
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นครูของหลินซีเฉินยังไม่นานมาก แต่ว่าเขารู้ หลินซีเฉินใช้ชีวิตอยู่แต่ในประเทศA
หลินซินเหยียนรู้จักกับจงจิ่งห้าว
พวกเขามีความสัมพันธ์ยังไงกัน?
ในหัวสมองของหลี่จ้านตอนนี้มีคำถามมากมาย
“พวกคุณเป็นอะไรกัน รู้จักกันได้ยังไง?”
จงจิ่งห้าวไม่ได้สนใจเขา ตาจ้องมือที่ ‘จูง’ ไว้ด้วยกันของพวกเขา
“ถูกล็อกด้วยกุญแจมือ” หลินซินเหยียนรีบอธิบาย แล้วกระชากเสื้อออกให้เขาเห็น เธอไม่ได้อยากจะจับมือกับหลี่จ้าน แต่เป็นเพราะถูกกุญแจมือล็อกไว้
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว
“พวกคุณรีบตอบผมสิ” หลี่จ้านสงสัยจนจะบ้าแล้ว
จงจิ่งห้าวส่งสายตาที่เย็นชามาให้ หลี่จ้านรีบหุบปากลงทันที
ในใจสงสัยจะตายแล้ว แต่ก็ไม่กล้าถาม
จงจิ่งห้าวเดินไปหน้าโต๊ะทำงาน แล้วโทรไปหาเสิ่นเผยซวนเรื่องกุญแจมือเขาคุ้นเคย ถ้าอยากเปิดออกเขาต้องวิธีแน่ๆ
เสิ่นเผยซวนแปลกใจมาก “กุญแจมือ?ใครถูกล็อก?”
“ฉันรอนายที่บริษัท” จงจิ่งห้าวไม่ได้อธิบาย ยังไงก็ตามจะให้เขามาเปิดกุญแจมือให้ได้
เสิ่นเผยซวน “………..”
จงจิ่งห้าววางสาย หันกลับมามองทั้งสองคนที่ยืนด้วยกัน เขาปวดหัวหนักมาก
“พี่…..”
“หุบปาก!” จงจิ่งห้าวด่าว่าเป็นชุด “สนุกไหม?นายอายุเท่าไหร่แล้ว ห๊ะ?”
หลี่จ้านจับหัวทีหนึ่ง “ครั้งนี้เป็นเพราะผมประหม่าเกินไป ก็เลยถูกงานเข้า ใครจะไปรู้ว่าพวกมันจะเล่นเกมที่แปลกๆ อย่างนี้ละ”