กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 39 ฉันไม่ใช่ผู้ชายเลว
คำพูดของหมอในวันนั้นยังดังก้องอยู่ข้างหู เต็มไปด้วยน้ำเสียงที่ไร้หัวใจ “น้องชายของเธอไม่รอดแล้ว—“
น้ำตาที่คลอ ไหลลงมา
เธอกอดจวงจื่อจิ่นแน่น “น้องเรียนอยู่ ครั้งหน้าฉันพาเขามาหาท่าน”
ความคิดของจวงจื่อจิ่นค่อนข้างวุ่นวาย พยักหน้าอย่างประหลาดใจ แล้วไม่พูดต่อ
หลินซินเหยียนเช็ดน้ำตา พูดด้วยรอยยิ้ม “คุณแม่ท่านอยากกินอะไรคะ? ฉันซื้อมาให้ท่าน”
จวงจื่อจิ่นไม่พูด มือกอดเข่า เป็นท่าทางที่รู้สึกไม่ปลอดภัย
หลินซินเหยียนคุยกับดธอ เธอเพียงแค่มองที่อื่นอย่างว่างเปล่า สายตาไม่โฟกัส กระจายเล็กน้อย
“คุณแม่—” หลินซินเหยียนจับไหล่ของเธอ แล้วเขย่า “ท่านพูดกับฉัน ดูฉัน ฉันคือเหยียนเหยียนไงคะ ลูกสาวของท่าน”
เมื่อกี้เธอยังรู้ ยังเรียกชื่อของเธอ
หลินซินเหยียนไม่สามารถยอมรับความสับสนในความทรงจำของเธอได้ เดี๋ยวจำได้ เดี๋ยวจำไม่ได้
“คุณอย่าทำแบบนี้” พยาบาลที่มาตรวจเห็นหลินซินเหยียนตื่นตระหนกเล็กน้อย เข้ามาห้าม
หลินซินเหยียนมองพยาบาล “แม่ของฉันอาการหนักอีกแล้วใช่ไหม?”
“ผู้ป่วยทางจิตเป็นแบบนี้” พยาบาลดูเวลา “ใกล้จะหมดเวลาเยี่ยมแล้ว คุณอย่าตื่นตระหนกต่อหน้าผู้ป่วย จะกระตุ้นต่อได้”
หลินซินเหยียนพยักหน้า “ฉันทราบแล้ว”
หลินซินเหยียนพูดเรื่องเมื่อก่อนกับเธอ ตกเข้าไปในความทรงจำ
พยาบาลเรียกเธอเมื่อถึงเวลา เธอถึงจะมีสติ มองจวงจื่อจิ่นอย่างไม่อยาก “คุณแม่ อีกสักสองสามวันฉันมาเยี่ยมท่านอีก”
“เหยียนเหยียน” ขณะที่หลินซินเหยียนเดินถึงหน้าประตู จู่ๆ จวงจื่อจิ่นก็มีเสียง หลินซินเหยียนหมุนตัว พบว่าจวงจื่อจิ่นไม่ได้แม้ตัวเอง
จวงจื่อจิ่นมองไปที่ใดที่หนึ่งอย่างว่างเปล่า พูดคนเดียว “ลูกสาวของฉันตั้งครรภ์แล้ว ลูกไม่มีพ่อ อนาคตเธอจะทำอย่างไร?”
เธอพูดและร้องไห้
หลินซินเหยียนรู้สึกว่าหัวใจถูกเผาไหม้แล้ว เจ็บมาก
เธอกลัวตัวเองยับยั้งอารมณ์ไม่ได้ หมุนตัวเดินออกจากห้อง
นั่งคนเดียวบนม้านั่งในทางเดิน
“เหยียนเหยียน” เหอรุ่ยเจ๋อสวมชุดกาวน์เดินมา
หลินซินเหยียนลุกขึ้น
เหอรุ่ยเจ๋อเดินมาข้างหน้าของเธอ ตบบ่าของเธอ ให้เธอนั่งลง “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
หลินซินเหยียนนั่งลง เหอรุ่ยเจ๋อนั่งลงข้างๆ เธอ “เธอเห็นแล้วใช่ไหม?”
“อืม” มือของเธอประสานกัน ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ
“เธอต้องทำใจ ยากที่จะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์จากสถานการณ์ดังกล่าว” เหอรุ่ยเจ๋อถอนหายใจ “เธอผลกระทบอย่างแรง ถ้าระเบิดขึ้นมาจะรุนแรงมาก เธอเลือกที่จะลืมเรื่องที่เจ็บปวด ความจำเกิดการสับสน”
หลินซินเหยียนกัดริมฝีปาก “เธอลืมความจริงที่ว่าซินฉีไม่อยู่แล้ว ถามฉันทำไมไม่พาเขามาเยี่ยมเธอ”
เหอรุ่ยเจ๋อเอื้อมมือไปโอบเธอ บีบแขนของเธอ “อย่าร้องไห้ มีพี่อยู่ เธอวางใจได้ แม่เธอฉันดูแลให้”
หลินซินเหยียนก้มหน้าแล้วพูด “ขอบคุณ”
“ยังเกรงใจกับฉัยอีก?” เหอรุ่ยเจ๋อหลุบตาลง คิดดีๆ แล้วพูดความคิดของตัวเอง “เหยียนเหยียน รอสัญญาระหว่างเธอกับจงจิ่งห้าวสิ้นสุดลง ให้ฉันดูแลเธอดีไหม?”
หลินซินเหยียนมองเหอรุ่ยเจ๋ออย่างตะลึง “พี่—“
“ฉันรู้ว่าเธออาจจะรับได้ยากในทันที เธอไม่ได้รู้จักแค่วันสองวัน ฉันไม่ใช่ผู้ชายเลว ฉันแค่อยากดูแลเธอ เธอไม่คิดเผื่อตัวเอง ก็ต้องคิดเผื่อลูกในท้อง ลูกต้องการครอบครัวที่สมบูรณ์ ถึงจะดีต่อการเจริญเติบโต ฉันมีความสามารถนี้”
เหอรุ่ยเจ๋อพูดขนาดนี้ เธอไม่เข้าใจก็โง่แล้ว
สำหรับเหอรุ่ยเจ๋อ เธอก็ทำกับเขาเหมือนครอบครัว
“เธอวางใจได้ ฉันจะดูแลเขาเหมือนลูกแท้ๆ” เหอรุ่ยเจ๋อจริงจังมาก
หลินซินเหยียนไม่รู้ควรตอบอย่างไร “พี่ ฉัน ฉันไม่เคยคิด—“
“อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ” เหอรุ่ยเจ๋อมองเธอ “เคยคิดไหม หลังจากที่ลูกคลอดออกมา อนาคตถามถึงพ่อ เธอจะทำอย่างไร? ฉันเป็นหมอจิตแพทย์ ฉันรู้ว่าเด็กที่โตมาในครอบครัวที่มีพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวมีข้อบกพร่องทางบุคลิกภาพ เพื่อลูกของเธอ คิดดีๆ”
ท่าทางของเหอรุ่ยเจ๋อจริงจังมาก เปลี่ยนความผ่อนคลายก่อนหน้านี้ อาการป่วยของจวงจื่อจิ่นเกรงว่าจะหายยาก เธอไม่มีเงิน ถ้าคลอดลูกอีก ชีวิตในอนาคตนั้นยากที่จะจินตนาการ
เขาอยากดูแลเธอจริงๆ
หลินซินเหยียนก้มหน้า ไม่ยอมรับไม่ได้ว่าที่เหอรุ่ยเจ๋อพูดนั้นคือความจริง ลูกต้องการครอบครัวที่สมบูรณ์ ถึงจะดีต่อการเจริญเติบโตของเขา
แต่ว่า—
สำหรับเธอนั้นยอมรับได้ยาก
ลูกคนนี้ไม่ใช่ของเขา
และครอบครัวของเขาก็ไม่ธรรมดา
“เหยียนเหยียน—”
“พี่” หลินซินเหยียนรีบตัดบทของเขา หยิบเงินออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้เขา “ค่ารักษาครั้งก่อนที่นายจ่ายให้ฉันก่อน คืนให้นาย”
เดิมทีเธอคิดว่าเจอจวงจื่อจิ่น แล้วค่อยติดต่อเขา คิดไม่ถึงว่าเจอก่อน เขา—ยังพูดเรื่องที่เธอไม่คาดคิด
เหอรุ่ยเจ๋อมองเงินก้อนนั้น สีหน้าหมองลง “เงินนี้ เขาให้เธอ?”
หลินซินเหยียนส่ายหน้า “ไม่ใช่ หลินกั๋วอันให้ฉัน”
เธอไม่ได้พูดเจาะจง
เหอรุ่ยเจ๋อไม่เชื่อ ผู้ชายโหดเหี้ยมขนาดนั้น จู่ๆ จะให้เงินเธอ?
“เหยียนเหยียน—”
“พี่ ฉันยังต้องไปทำงาน” หลินซินเหยียนยืนขึ้นยัดเงินใส่เหอรุ่ยเจ๋อ “ฉันติดนาย ก็ต้องคืน”
พูดจบก็รีบเดินออกไป
เหอรุ่ยเจ๋อไม่ได้ตามไป เธออาจจะรับไม่ได้ทันที เขาควรจะให้เวลาเธอ
หลินซินเหยียนถึงบริษัทก็ใกล้จะถึงเวลาเที่ยง
ขณะที่เดินไปที่นั่งก็ถูกคนกันไว้ คนที่กันเธอคืออู๋เหม่ยเซี๋ย เพื่อนสนิทของชิวหยี ชิวหยีถูกไล่ออกเพราะหลินซินเหยียน แม้ว่าชิวหยีมีความผิด แต่ชิวหยีจะไม่ใส่ร้ายเธอโดยไม่มีเหตุผล
ก่อนหน้านี้เธอคงจะทำผิด
“เธอมาสายหรือเปล่า?” อู๋เหม่ยเซี๋ยมองเธอ
“ฉันลาแล้ว” น้ำเสียงของหลินซินเหยียนนิ่งๆ
เธอมาใหม่ คนในห้องทำงานไม่เป็นมิตรกับเธอ ดังนั้นเธอกลับไม่สนใจ เดินหนีอู๋เหม่ยเซี๋ย อู๋เหม่ยเซี๋ยจับแขนของเธอ “เธอโกหก!”
เธอถามจากไป๋จวู่เวยแล้ว หลินซินเหยียนไม่ได้ลากับหล่อน
“ฉันลาแล้วจริงๆ เธอหลีกหน่อยได้ไหม?”
“ไม่ได้!เธอกำลังโกหก!อย่าคิดว่าได้รับการปกป้องจากประธานจงเมื่อครั้งก่อนแล้วจะทำอะไรก็ได้!” เรื่องวันนั้น พวกเธอไม่ได้คิดดีๆ ทำเป็นเหมือนจงจิ่งห้าวโกรธ
น้ำเสียงของหลินซินเหยียนเย็นลง “ตอนนี้ขอให้เธอหลีกทาง ไม่เชื่อก็ไปถามประธานจงเอง”
เธอไม่อยากเป็นศัตรูกับใคร แค่อยากทำงานของตัวเองเงียบๆ ทำไมต้องมาหาเรื่องเธอ?
“ตอนบ่ายสองโมงครึ่ง พบปะกับประธานของ ธนาคารฮุ่ยเฟิง แปดโมงกลางคืนมีงานเลี้ยง—“
มือข้างหนึ่งของจงจิ่งห้าวซุกในกระเป๋ากางเกง เดินเงียบๆ ฟังไป๋จวู่เวยที่อยู่ด้านหลังรายงานตารางงาน
“งานเลี้ยงคืนนี้ให้กวนจิ้งไปแทนฉัน” เขาค่อยๆ พูด
“งานเลี้ยงครั้งนี้คือค่ำคืนร้อยปีของติ่งเฟิงกรุ๊ป ไม่ไปเกรงว่าจะไม่เหมาะสม” บริษัทที่ก่อตั้งโดย ติ่งเฟิงกรุ๊ปในศตวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมเครื่องประดับเริ่มขึ้น
ถึงตอนนี้มีประวัติศาสตร์ร้อยปี—
“ประธานจง เลขาไป๋” อู๋เหม่ยเซี๋ยเหมือนเจอพยาน ดึงหลินซินเหยียนมา “เลขาไป๋ เธอลากับคุณหรือยังคะ?”
ไป๋จวู่เวยเงยหน้าจงจิ่งห้าว ส่ายหัว “ยัง ทำไมเหรอ?”
“เธอมาสาย ยังบอกว่าตัวเองลาแล้ว” เสียงของอู๋เหม่ยเซี๋ยดังขึ้นสองเท่า “คนที่มาใหม่ก็ไม่ต้องทำตามกฎระเบียบของบริษัทเหรอคะ?”