กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 391 ดื่มกับฉันสักแก้ว
เด็กสาวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา เรียกพ่ออย่างออดอ้อน
จงจิ่งห้าวทำอะไรไม่ได้พร้อมทั้งยังเอ็นดูท่าทางออดอ้อนของเธอ
หลินซีเฉินยืนอยู่หน้าประตู มองพ่อและน้องสาวตัวเอง ลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร หมุนตัวเข้าห้องไป
ฐานลับหลายพันชิ้นของเขาต่อเสร็จแล้ว เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งวันกว่าๆ เดิมทีอยากเรียกพวกเขามาดู สุดท้ายก็ไม่ได้เรียก
“พี่ชาย ฐานลับของพี่ต่อเสร็จแล้วหรือยังคะ” หลินลุ่ยซีมองเห็นท่าทางผิดหวังของพี่ชาย เธอจึงตะโกนเรียก
หลินซีเฉินครางในลำคอตอบกลับด้วยความรู้สึกเศร้าใจ
“หนูกับคุณพ่อดูได้ไหมคะ”
ร่างของหลินซีเฉินชะงักไปเล็กน้อย ร่างเล็กยืดตัวตรง “ได้อยู่แล้ว”
หลินลุ่ยซีลากจงจิ่งห้าวมาด้วย ‘ฐานลับ’ ที่ต่อเสร็จแล้วกินพื้นที่ว่างในห้องไปมากทีเดียว
รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ล้วนทำออกมาจากความตั้งใจ
“ว้าว” ดวงตาของเด็กสาวเบิกกว้าง เธอไม่คิดเลยว่าเมื่อต่อเสร็จแล้วมันจะออกอัศจรรย์ขนาดนี้
ชิ้นส่วนเล็กๆ น้อยๆ สามารถต่อออกมาได้งดงามราวกับภาพในโทรทัศน์
อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงด้วยความตกใจ
เมื่อเห็นน้องสาวดูตื่นตาตื่นใจขนาดนี้ หลินซีเฉินก็เชิดหน้าขึ้นด้วยความภูมิใจ เขารู้สึกภูมิใจในผลงานของตัวเอง
“พี่ชายยอดเยี่ยมมาก” หลินลุ่ยซีกอดหลินซีเฉินเอาไว้และจุ๊บเขาไปหนึ่งที “พี่ชาย ทำไมพี่ถึงได้เก่งขนาดนี้นะ”
เห็นแววตานับถือจากน้องสาว หลินซีเฉินก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ความจริงมันง่ายมากเลย เดี๋ยวครั้งนี้พี่จะสอนเธอเอง”
“ขอบคุณค่ะพี่ชาย” หลินลุ่ยซียิ้มจนตาหยี หันกลับไปดูฐานลับอีกครั้ง ยื่นมีออกไปจับตรงนี้ มองดูตรงนั้น รู้สึกว่าพี่ชายเธอเก่งมากๆ
สามารถต่อชิ้นส่วนมากมายพวกนี้ได้รวดเร็วและแม่นยำ
จงจิ่งห้าวยืนอยู่ตรงหน้าฐานลับ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า มีอีกข้างยกขึ้นมาลูบฐานลับของลูกชาย ชิ้นส่วนจำนวนเท่านี้ถ้าเป็นผู้ใหญ่อย่างเร็วก็ต้องใช้เวลาประมาณสองวัน ความเร็วของลูกชายน่าตกใจมากเลยทีเดียว
เขามองใบหน้าของลูกชาย มุมปากยกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ความภูมิใจที่ถูกส่งออกมาจากหัวใจ ลูกชายของเขาฉลาดขนาดนี้ ไม่ให้ภูมิใจได้อย่างไรกัน
อีกด้าน หลินซินเหยียนส่งจวงจื่อจิ่นกลับไป ถ้าป่วยจริงๆ ถึงตอนนั้นก็สามารถออกมารักษาตัวได้ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่า เมื่อก่อนอยู่ด้านนอกได้หรือไม่ และออกมานานเกินไปคงไม่เป็นผลดีต่อเสิ่นเผยซวน ยังไงคนก็เขาพาออกมา
“แม่คะ ต่อไปหนูจะมาเยี่ยมบ่อยๆ นะคะ” หลินซินเหยียนเสียงแหบแห้ง
เธอนึกว่าตัวเองจะเข้มแข็งมากพอ คงไม่แสดงความรู้สึกออกมาต่อหน้าจวงจื่อจิ่น แต่เธอคิดผิดแล้ว
ความรู้สึกบางอย่างก็ไม่สามารถซ่อนมันเอาไว้ได้
เหมือนในตอนนี้ มองเห็นแม่เดินเข้าห้องขังไป
หัวใจของเธอหนักอึ้ง
ซ่อนความโศกเศร้าที่อยู่ในใจเอาไว้ไม่มิด
จวงจื่อจิ่นลูบผมของลูกสาว น้ำเสียงอ่อนโยนบอก “เห็นว่าลูกมีความสุข แม่ก็ดีใจแล้ว ไม่ต้องเศร้าเพราะแม่ ทางที่แม่เลือก แน่นอนว่าคิดถึงผลที่ตามมาอยู่แล้ว แม่รู้ว่าทำแบบนี้มันคงจะดูเห็นแก่ตัว เพราะแม่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของลูก ให้อภัยกับความเห็นแก่ตัวของแม่ด้วย ให้อภัยที่แม่ทำให้ลูกต้องเสียใจ”
หลินซินเหยียนเบนหน้าหนีไม่กล้ามองเธอ เธอกลัวว่าน้ำตาของเธอจะไหลออกมา
“เหยียนเหยียน รับปากแม่สักเรื่องจะได้ไหม”
หลินซินเหยียนก้มหน้าเช็ดน้ำตาออกจากหางตา เงยหน้าขึ้นมา “ค่ะ”
“อยู่กับจงจิ่งห้าวอย่างมีความสุข เลี้ยงเด็กๆ ทั้งสองให้เติบใหญ่ แม่เห็นแล้วว่าเขาดีกับลูกมาก แม่ก็วางใจแล้ว”
หลินซินเหยียนสูดน้ำมูก “ค่ะ”
ใช่ จงจิ่งห้าวดีกับเธอมาก ชีวิตในตอนนี้ เป็นชีวิตที่เมื่อก่อนเธอไม่เคยคาดคิด
เธอไม่เคยคิดเลยว่า เธอจะใจเต้นแรงกับผู้ชายคนไหนได้ขนาดนี้
ความตื่นตาตื่นใจของชีวิต อยู่ที่ คุณไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะมีคนแบบไหนที่รอคุณอยู่
“ถ้าคุณอยากมา โทรหาผมได้ตลอด” เสิ่นเผยซวนบอก
ประเทศมีกฎของประเทศ บ้านมีกฎของบ้าน เธอจะฝ่าฝืนเพราะเห็นแก่ตัวไม่ได้
สิ่งที่เขาทำได้คือการดูแลจวงจื่อจิ่นให้ดี และความสะดวกของหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนเข้าใจ
จวงจื่อจิ่นให้หลินซินเหยียนกลับไป “วางใจเถอะ แม่อยู่ที่นี่สบายดี ถ้าให้ออกไปบางทีแม่อาจจะรู้สึกไม่ดี”
หลินซินเหยียนไม่ขยับ ยืนมองเธอโดนพาตัวไป
ร่างของจวงจื่อจิ่นค่อยๆ กลับไปจากทางเดิน พระอาทิตย์กำลังจะตก แสงที่สาดส่องเข้ามาทำให้มองเห็นร่างบางของเธอ
หลินซินเหยียนยืนมองเธออยู่แบบนั้น ค่อยๆ ลับไปจากสายตาของตัวเอง
ราวกับการหายไปครั้งนี้ ก็จะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก
หลินซินเหยียนมองเธอและตะโกน “แม่คะ”
จวงจื่อจิ่นหันกลับมา ยิ้มให้เธอ
หลินซินเหยียนเม้มปาก “ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ หนูจะมาหาบ่อยๆ”
จวงจื่อจิ่นบอก “ได้”
เสิ่นเผยซวนพาจวงจื่อจิ่นเข้าไปด้านใน ถือโอกาสมอบหมายคนให้ดูแลเธอ มีคนของเขาเองคอยดูแลจวงจื่อจิ่นค่อยสะดวกหน่อย
เมื่อจัดการเรียบร้อยเขาก็เดินออกมา หลินซินเหยียนยังยืนอยู่ห้องโถง เธอพิงผนังก้มหน้าลง อารมณ์เหมือนจะไม่ดีเท่าที่ควร เสิ่นเผยซวนเดินเข้ามา
เขาไม่รู้ว่าควรปลอบอย่างไรดี เอ่ยถามเสียงเบา “คุณโอเคไหม”
หลินซินเหยียนเงยหน้า “ว่างไหม ดื่มเป็นเพื่อนฉันสักแก้วหน่อยได้ไหม”
เสิ่นเผยซวนคิดอยู่ชั่วครู่ บอก “ครับ”
หัวใจเธอนั่นเจ็บปวด เมาแล้วนอนหลับสักหน่อยก็คงดี เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องคิดมาก
เสิ่นเผยซวนบอก “เดี๋ยวผมขับรถ”
หลินซินเหยียนส่งกุญแจรถให้เขา ทั้งสองออกไปพร้อมกัน
เสิ่นเผยซวนเปิดประตูรถให้หลินซินเหยียน เมื่อหลินซินเหยียนขึ้นรถไปแล้ว เขาจึงเดินอ้อมกลับมาขึ้นรถและขับออกไป
“เราจะไปที่ไหนครับ” เสิ่นเผยซวนถาม
หลินซินเหยียนพิงผนัง ไม่มีอารมณ์ เธอปิดเปลือกตาลง “คุณเลือกเลยค่ะ ขอแค่สงบหน่อยก็พอ”
“ครับ” เสิ่นเผยซวนนึกถึงสถานที่เงียบๆ ที่หนึ่ง
เขาขับรถไปอย่างนุ่มนวล ผ่านไปสิบกว่านาที รถก็หยุดลงที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง
เสิ่นเผยซวนมาที่นี่อยู่บ่อยๆ ดังนั้นเขาค่อนข้างคุ้นเคย และเป็นที่เงียบๆ ตรงกับคำขอของหลินซินเหยียน
เสิ่นเผยซวนมีเหล้าที่นี่ เขาพาหลินซินเหยียนเข้าไป ให้คนเอาเหล้าที่เขาเก็บเอาไว้ออกมา
เมื่อจัดการเรียบร้อย เขาจึงบอกเธอว่าขอไปเข้าห้องน้ำก่อน จากนั้นเดินออกมาถึงหน้าประตูเขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา ลังเลว่าจะโทรบอกจงจิ่งห้าวดีไหม
อารมณ์หลินซินเหยียนไม่ดี เขาต้องบอกเขาหรือเปล่า ให้เขามาที่นี่
หลังจากที่บอกจงจิ่งห้าวแล้ว หลินซินเหยียนจะไม่พอใจหรือเปล่า
เขาไตร่ตรอง
หลังจากที่ขบคิดอยู่สักพัก เขาตัดสินใจว่าอย่างไรเขาก็ต้องโทรบอกจงจิ่งห้าวสักหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวอีกหน่อย…เธอดื่มเยอะ เขาไม่รู้ควรอธิบายให้จงจิ่งห้าวฟังอย่างไร
เขาเลื่อนหน้าจอค้นหาชื่อของจงจิ่งห้าว กำลังจะกดโทรออกกลับได้ยินเสียงมีคนเรียกเขา
“เผยซวนเหรอ”
เสิ่นเผยซวนเงยหน้าขึ้นมา เห็นซูจ้านกำลังเดินตรงเข้ามาหา
“ที่แท้ก็เป็นนายนี่เอง ฉันนึกว่าตาฝาดไป ทำไมนายถึงมีเวลาว่างมาดื่มเหล้าได้ล่ะ” ในมือของซูจ้านถือกระเป๋าเอกสารมาด้วย ก่อนหน้านี้นานแล้วที่เขาไม่รับว่าความ หลังจากที่ฉันยาไปแล้ว เขาถึงรับว่าความอีกครั้ง นอกจากอยู่บริษัทก็คืออยู่บ้านดูแลคุณย่า เมื่อไหร่ที่คิดถึงฉินยาก็จะออกมาดื่มสักแก้ว
บังเอิญวันนี้เขาอยากมาดื่มสักหน่อย
เขาเข้ามากอดคอเสิ่นเผยซวน “ไป ดื่มด้วยกันหน่อย”
เสิ่นเผยซวนมองเขา “เกรงว่า แค่เราสองคนคงไม่ได้”
ซูจ้านเบิกตาโต “ยังมีใครอีก”