กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 394 พูดความจริง
หัวหน้าเฉินที่พึ่งเลื่อนขั้นคนนี้จัดการไม่ได้ง่ายๆ เลย เขาเหลือบมองหลินซินเหยียนที่ยังคงตื่นตระหนก ยิ้มแล้วบอกกันเสิ่นเผยซวน “หัวหน้าเสิ่น คิดว่าผมโง่เหรอครับ คุณยิ่งคนตาย ปืนจะไปอยู่ในมือเธอได้ยังไงครับ”
“เธอเก็บได้” เสิ่นเผยซวนยังคงแก้ต่างให้หลินซินเหยียน
“เธอเก็บได้ งั้นยิ่งดีเลย กฎหมายต้องให้ความยุติธรรมกับเธอแน่นอนครับ” เขาตั้งใจหยุดชะงัก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หวังว่าปืนจะมีรอยนิ้วมือของคุณนะครับ เพื่อให้เธอรอด”
ต่อมาออกคำสั่ง “พาตัวไป”
เสิ่นเผยซวนสบตากับซูจ้าน ไม่มีคำพูดใดๆ ทว่าเข้าใจกันในทันที เสิ่นเผยซวนพุ่งตัวเข้าไปขวางทางเจ้าหน้าที่ ซูจ้านจับหลินซินเหยียนเอาไว้ตั้งใจจะพาออกไป
หัวหน้าเฉินราวกับเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว ขณะที่เสิ่นเผยซวนและซูจ้านขยับตัวก็มีคนวิ่งเข้ามาอีกเจ็ดแปดคนได้ จนเต็มทางเดิน
ซูจ้านไม่มีทางพาเธอออกไปได้แน่นอน
หลินซินเหยียนนิ่งงันตั้งแต่ตอนที่เหอรุ่ยเจ๋อพุ่งเข้ามาจับมือเธอไปยิงตัวเองแล้ว
เดิมเธอไม่ใช่คนขลาดกลัว แต่ภาพที่เหอรุ่ยเจ๋อนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นนั้นมันติดตา จนทำให้เธอนิ่งค้าง
เมื่อได้สติกลับมา ปืนในมือหล่นลง กระทบพื้นเสียงดัง เธอได้สติ
เมื่อเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างในตอนนี้แล้ว เธอพอจะเดาอะไรได้บ้างแล้ว
หัวหน้าเฉินออกคำสั่งอีกครั้ง “เอาตัวไป”
เพื่อไม่ให้เสิ่นเผยซวนและซูจ้านได้มีดโอกาสทำอะไรอีก พวกเขาจึงล้อมทั้งสองคนเอาไว้
ปืนที่ตกอยู่บนพื้นนั้น หัวหน้าเฉินใช้มือที่สวมถุงมืออยู่หยิบลงถุงใส
เขาเหลือบมองเสิ่นเผยซวนที่อยากขยับแต่ไม่สามารถขยับตัวได้อย่างเสิ่นเผยซวน แกว่งถุงในมือไปมา “นี่เป็นหลักฐาน”
เสิ่นเผยซวนหรี่ตาลง อยากคิดขัดขืนไม่สนผลที่จะตามมา
หลินซินเหยียนรู้ทันความคิดของเขา เธอหันไปส่ายหน้าให้เขา นี่เป็นแผนการที่ถูกวางเอาไว้ก่อนแล้ว ถ้าพวกเขาสองคนยังขัดขืน อาจทำให้ตัวเองโดนลากเข้าไปเกี่ยว และยังช่วยเธอไม่ได้อีกด้วย
“โทรหาเขา” เธอบอกเสียงเรียบ
เสิ่นเผยซวนรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา หัวหน้าเฉินเหลือบมองเขาเล็กน้อย เขาจับหลินซินเหยียน แต่ไม่มีสิทธิ์ห้ามให้เสิ่นเผยซวนติดต่อใคร สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือพาตัวเธอไป
บ้านตระกูลจง
หลี่จ้านเดินวนไปมาอยู่ในห้องรับแขก มองหลินซีเฉินและหลินลุ่ยซีที่นั่งอยู่บนโซฟา
ปากก็บ่น “เมื่อก่อนทำไมฉันยังไม่รู้นะ”
พวกเขาเป็นลูกของจงจิ่งห้าว
รู้เรื่องความสัมพันธ์ของหลินซินเหยียนและจงจิ่งห้าว เขายังอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ จึงอยากมาดูให้ชัดเจน
และแล้ว…
ความจริงก็เป็นอย่างที่เห็น
“คุณครู เป็นอะไรครับ” หลินซีเฉินไม่เข้าใจ เขามาครึ่งชั่วโมงแล้ว คอยจ้องมองเขาและน้องสาวอยู่ตลอด ปากยังบ่นไม่หยุด ราวกับโดนเข้าสิง
หลี่จ้านนั่งลงตรงหน้าหลินซีเฉิน “เด็กน้อยบอกฉันมาตามตรง เธอปิดบังฉันมาตลอดใช่ไหม”
หลินซีเฉินตอบด้วยความใสซื่อ “เปล่าครับ”
“จริงเหรอ”
หลี่จ้านมีท่าทางไม่เชื่ออย่างชัดเจน
“คุณครูบอกว่า เป็นเด็กห้ามโกหก ผมจึงพูดความจริงครับ”
หลี่จ้านเชื่อใจหลินซีเฉิน
“คุณเชื่อเธอ ต่อไปนี้ ฉันจะปกป้องเธอเอง” หลี่จ้านกอดคอหลินซีเฉินราวกับพี่น้อง “พาฉันไปดูห้องเธอหน่อย”
เฉิงยู่ซิ่วกำลังเตรียมอาหารเย็น เดิมหลี่จ้านไม่มาที่บ้าน ไม่ใช่จงจิ่งห้าวเข้ามาอยู่ อยากมาเขาก็มาไม่ได้
เฉิงยู่ซิ่วเอ่ยด้วยท่าทางมีมารยาท “อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันนะคะ”
หลี่จ้านไม่ได้พูดอะไร
เมื่อก่อนจงจิ่งห้าวและเฉิงยู่ซิ่วมีความสัมพันธ์แข็งข้อต่อกัน เหวินชิงกับเธอยิ่งไม่ลงรอยกันราวกับน้ำกับไฟ ดังนั้นเขาจึงเย็นชาต่อเฉิงยู่ซิ่ว
หลินลุ่ยซีอยู่ที่นี่มาสักระยะแล้ว เธอรู้สึกผูกพันกับเฉิงยู่ซิ่ว เมื่อเห็นว่าเธอถูกเมิน เด็กน้อยจึงไถลตัวลงจากโซฟาและวิ่งเข้าไปกอดขาเฉิงยู่ซิ่วเอาไว้ “คุณย่าคะ คุณย่าจะทำอะไรอร่อยๆ ให้หนูทานคะ”
เฉิงยู่ซิ่วอุ้มเธอขึ้นมา “หนูอยากกินอะไรคะ ย่าจะทำให้กิน”
เด็กน้อยเอียงคอ ราวกับคิดไม่ออกว่าเธออยากกินอะไร
เฉิงยู่ซิ่วกอดเธอเอาไว้ นั่งลงบนโซฟา “ค่อยๆ คิด”
จงจิ่งห้าวจัดการกับเอกสารที่ถูกส่งมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อมองดูเวลา เขาจึงหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาโทรหาหลินซินเหยียน นานขนาดนี้แล้ว เธอน่าจะไปส่งจวงจื่อจิ่นเรียบร้อยและกลับมาแล้ว
เขายังไม่ทันได้กดโทรออก เสิ่นเผยซวนก็โทรเข้ามา เขากดรับสาย
น้ำเสียงร้อนใจของเสิ่นเผยซวนถูกส่งมา “แย่แล้ว พี่สะใภ้โดนจับ”
จงจิ่งห้าวกำโทรศัพท์แน่น “เกิดอะไรขึ้น”
เรื่องนี้คุยผ่านโทรศัพท์คำสองคำไม่รู้เรื่องหรอก “เจอกันที่สถานีตำรวจ”
จงจิ่งห้าววางสาย หยิบเสื้อนอกที่วางอยู่พนักเก้าอี้แล้วเดินออกไป
มองเห็นจงจิ่งห้าวเดินออกมา หลินลุ่ยซีถาม “พ่อจะออกไปข้างนอกเหรอคะ”
จงจิ่งห้าวมองลูกสาว ยิ้มให้เธอ “พ่อมีธุระ ต้องออกไปข้างนอก เดี๋ยวจะรีบกลับมาครับ”
เด็กน้อยพยักหน้า ยิ้มให้เขา
รอยยิ้มนี้ทำให้จงจิ่งห้าวเจ็บปวดหัวใจ เขาเดินเข้ามาจูบหน้าผากลูกสาวเบาๆ ลูบผมของเธออย่างอ่อนโยน
เฉิงยู่ซิ่วเห็นว่าดึกมากแล้ว “ยังจะกลับมาทานข้าวเย็นไหม”
จงจิ่งห้าวออกไปด้วยความรีบร้อน ไม่ทันได้ยินเสียงของเฉิงยู่ซิ่ว เขารีบขึ้นรถแล้วขับมุ่งหน้าไปยังสถานีตำรวจ
เขาขับรถรวดเร็ว ไม่นานก็มาถึงจุดมุ่งหมาย
ซูจ้านและเสิ่นเผยซวนราวกับแมลงวันหัวขาด เดินไปเดินมาอยู่ตรงนั้น เมื่อมองเห็นจงจิ่งห้าวลงจากรถ พวกเขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที
จงจิ่งห้าวเปิดประตูลงจากรถ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว แขนเสื้อถูกพับขึ้น เผยให้เห็นแขนแข็งแรง ด้านหลังมีรอยยับย่น เป็นรอยที่เขาพิงพนักเก้าอี้ด้านหลัง ด้านหน้าเป็นเพราะลูกสาวของเขา
เขาเอ่ยเสียงเข้ม “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ซูจ้านไม่มีความกล้าที่จะบอก
เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย
“เป็นความผิดของเราเอง” ซูจ้านก้มหน้า
เพราะพวกเขาไม่ได้ปกป้องเธอ
จงจิ่งห้าวไม่ทน ถามเสียงดัง “ฉันกำลังถามพวกนายว่า เธอโดนใครจับไป”
ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถามหาความรับผิดชอบ แต่เขาต้องการรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เสิ่นเผยซวนเดินเข้ามา เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ตำรวจ”
ความอดทนของจงจิ่งห้าวถึงขีดจำกัด เส้นเลือดตรงขมับตึงขึ้น “พูดมา”
เสิ่นเผยซวนรวบรวมความกล้า “พี่สะใภ้ไปส่งจวงจื่อจิ่นแล้ว คงจะเพราะเธอเห็นแม่ของตัวเองเดินเข้าไป จึงรู้สึกปวดใจ เลยให้ผมไปดื่มเป็นเพื่อน ผมตอบรับ เราไปหาร้านเงียบๆ ระหว่างนั้นเธอไปเข้าห้องน้ำ…ไม่นานผมกับซูจ้านก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น เมื่อวิ่งออกมามองเห็นเหอรุ่ยเจ๋อพุ่งเข้าหาพี่สะใภ้ เราเข้าไปห้ามไม่ทัน ต่อมาเสียงปืนก็ดังขึ้นอีกสองนัด เหอรุ่ยเจ๋อตายแล้ว ในมือพี่สะใภ้มีปืนอยู่…”
เหอรุ่ยเจ๋องั้นเหรอ
“คนของนายเฝ้าเขาอยู่ไม่ใช่เหรอ” ออกมาได้อย่างไร
เสิ่นเผยซวนบอก “พอเหอรุ่ยเจ๋อล้มลงไปได้ไม่กี่นาที ตำรวจก็พุ่งเข้ามา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นแผนที่ถูกวางเอาไว้แล้ว ไม่งั้นจะมาได้ทันเวลาขนาดนี้เลยเหรอ ส่วนเรื่องเหอรุ่ยเจ๋ออกมาได้ คนที่อยู่เบื้องหลังคงไม่ธรรมดาแน่”