กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 444 สนามธุรกิจเปรียบเสมือนสนามรบ ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร
- Home
- กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม
- บทที่ 444 สนามธุรกิจเปรียบเสมือนสนามรบ ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร
“ฉันได้ยินมาว่าอสังหาริมทรัพย์ของไป๋ซื่อกรุ๊ปและเจ้านายสวี่ขัดแย้งกัน” จงจิ่งห้าวตั้งใจพูดแค่ครึ่งหนึ่ง ที่เหลือให้เขาวิเคราะห์เอง
ท่าทางของหลี่ฉีรุ่ยนิ่งไป “นายหมายความว่า……”
ก๊อกๆ —
ขณะนี้เลขาก็เคาะประตู จงจิ่งห้าวพิงไปด้านหลัง พูดนิ่งๆ “เข้ามา”
เลขายกกาแฟเข้ามา แก้วหนึ่งวางไว้ด้านหน้าของจงจิ่งห้าว อีกแก้วหนึ่งวางไว้ด้านหน้าของหลี่ฉีรุ่ย จากนั้นเดินออกไปแล้วปิดประตู
หลี่ฉีรุ่ยยิ้ม “น่าสนใจ”
เขาจิบกาแฟหนึ่งคำ ครุ่นคิด “ถ้าเจ้านายสวี่โหดเหี้ยมพอ ไอ้พิการนั่นต้องหัวไฟลุกแน่ๆ ฉันเข้าไปแทรกอีก เขาต้องเสียหายไม่น้อย”
จงจิ่งห้าวยกกาแฟขึ้น หลุบสายตาลงไม่พูด ให้เขาคิดเอง
เขาดื่มกาแฟคำใหญ่ “พี่เขยของฉันเป็นผู้ว่าการธนาคารฮุ่ยเฟิง สู้สงครามราคากับเขา เฮอะ……”
อันดับแรกเขาไม่เงิน
ถ้าสามารถใช้โอกาสบีบไป๋ซื่อกรุ๊ปออกจากตลาด อย่างนั้นเขาก็ครองสองในสามของตลาดในประเทศ
เดิมทีเขาและไป๋ซื่อกรุ๊ปครองตลาดเกือบจะคนละครึ่ง อีกครึ่งหนึ่งเป็นนักลงทุนรายย่อยบางส่วนเป็นบริษัทขนาดเล็ก ไม่อยู่ในสายของเขา
จู่ๆ หลี่ฉีรุ่ยก็ตบโต๊ะ “แบบนี้แหละ”
เขาก็ไม่โง่ คิดถึงข้อดีและข้อเสียอย่างแน่ชัด บีบไป๋ซื่อกรุ๊ปออกจากตลาด เป็นข้อดีสำหรับเขา
และตอนที่เขามา พี่เขยของเขาเตือนมากมาย ให้เขาฟังคำสั่งอย่างเดียว จงจิ่งห้าวให้เขาทำอะไรเขาก็ทำอันนั้น
คนอื่นไม่รู้ เป็นน้องชายของภรรยาของถังเช่อ เขารู้ดี ของในมือของจงจิ่งห้าวมีเยอะแยะมากมาย
ธนาคารเพื่อการลงทุนโจว๋เยว่ถังเช่อแค่มีนามแล้วบอกกล่าวให้คนนอกรู้ว่าลงทุนด้วยกัน จริงๆ แล้วถังเช่อไม่ลงเงินแม้แต่นิด ไม่ใช่ไม่อยากลง แต่จงจิ่งห้าวไม่ให้โอกาสนี้
ความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่เลว ขณะที่จงจิ่งห้าวเพิ่งรับช่วงต่อว่านเยว่กรุ๊ป ถังเช่อเป็นคนที่ไม่ลอบกัดจริงๆ
ถังเช่อฉลาดมาก รู้ความสามารถของจงจิ่งห้าว เมื่อจงจิ่งห้าวบอกว่าไม่มีระบบการถือหุ้น เขาก็รู้เลยว่า จงจิ่งห้าวไม่อยากให้ใครมายุ่ง
ดังนั้นเขาจึงไม่ขอถือหุ้น เป็นถึงผู้ว่าการธนาคารฮุ่ยเฟิงเขาก็มีเส้นสาย จึงเสนอให้บอกกล่าวว่าเป็นการร่วมลงทุน แบบนี้ก็จะลดพวกมีความคิด ตอนนั้นที่จงจิ่งห้าวตกลง หนึ่งเพราะถังเช่อมีมิตรภาพที่ดี สองคือเขาไม่อยากยุ่งยาก ประหยัดคนสร้างปัญหาและเสียเวลาแก้ปัญหา
จงจิ่งห้าวก็ตัดสินใจหลังจากชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย
จากนั้นธนาคารเพื่อการลงทุนโจว๋เยว่ก็ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างที่ทุกคนรู้ และรู้ว่าคือผู้ว่าการธนาคารถังและจงจิ่งห้าวลงทุนด้วยกัน ความจริงเป็นจงจิ่งห้าวคนเดียว
ในส่วนนี้จงจิ่งห้าวไม่โอ้อวด
แต่จงจิ่งห้าวก็ไม่ปฏิบัติไม่ดีต่อถังเช่อ ได้รับเงินปันผลทุกปี
มีความสุขมากๆ เช่นกัน ไม่ต้องทำอะไร มีเงินข้าบัญชีธนาคารมากมาย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาธนาคารเพื่อการลงทุนโจว๋เยว่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ในว่านเยว่กรุ๊ปมีกลุ่มนักลงทุนมือดี ควบคุมแนวโน้มเศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำ ว่านเยว่กรุ๊ปเปิดบริษัทหลายสาขาในต่างประเทศ สามารถคว้าโอกาสได้ตลอดเวลา ลงทุนน้อยที่สุดในเวลาที่ดีที่สุด ได้กำไรมากที่สุด
เขาตั้งเครือข่ายเศรษฐกิจ
แต่ว่ารู้ไม่มาก รู้เพียงว่าเขาลงทุนในประเทศ
หลี่ฉีรุ่ยนอนบนโต๊ะ มองจงจิ่งห้าวแล้วยิ้มตาหยี “นายว่าฉัน……”
เขายังพูดไม่จบ จงจิ่งห้าวเชยตา มองเขานิ่งๆ
แค่ก–
“คือ ฉันได้ยินพี่เขยพูดอะไรบางอย่าง ฉันไปก่อน กินข้าวอย่าลืมเรียกฉัน” หลี่ฉีรุ่ยเกือบหลุดปาก นึกถึงประโยคที่ถังเช่อพูดไว้ เขาปิดปากทันพอดี
ถังเช่อบอกเขาว่า “ใจแลกใจ นายช่วย ไม่ต้องพูด เขาก็จำได้ นายเปิดปากขอ นายก็แพ้แล้ว เขาก็ใช้เงินส่งนายกลับ ถ้านายไม่พูด เขามีธุรกิจที่ทำกำไรก็จะเรียกหานาย ไปๆ มาๆ ก็มีไมตรีจิต มีส่วนร่วมมากขึ้น ก็กลายเป็นเพื่อนแล้ว เป็นเพื่อนแล้ว ร่วมมือกันอีกก็ง่ายแล้วไม่ใช่เหรอ? ฉีรุ่ยนายว่าฉันพูดถูกไหม?”
ตอนนั้นเขามองหลี่ฉีรุ่ยอย่างจริงจัง “นายขอบุญคุณเล็กน้อยมีประโยชน์อะไร จงจิ่งห้าวขาดเงินแค่นั้นเหรอ? ธนาคารเพื่อการลงทุนโจว๋เยว่นั่น ขาดแค่เปลี่ยนชื่อ เป็นบริษัทการลงทุนโจ๋วเยว่”
หลี่ฉีรุ่ยยังคงอ่อนเกินไป เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งล่อใจก็อดไม่ไหว
จงจิ่งห้าวบอกให้ค่าชดเชยเขา ก็เพราะตั้งใจล่อใจเขา ความคิดเหมือนจิ้งจอกแก่เจ้าเล่ห์อย่างถังเช่อ จงจิ่งห้าวรู้ดี
หลี่ฉีรุ่ยเข้ามาก็พูดแล้ว ถังเช่อไม่ให้เขาขอข้อดี มีอะไรก็พูด ก็เพื่ออยากให้เขาจำน้ำใจของมนุษย์ที่มีต่อกัน
เขาวางกาแฟลง ให้กวนจิ้งมาถามว่าประธานหวางมาหรือยัง
“รอมาครึ่งวันแล้วครับ” หลี่ฉีรุ่ยเพิ่งเข้ามาในห้องทำงานเขาก็มาแล้ว รออยู่ด้านนอกตลอด
“ให้เขาเข้ามา” เขากดขมับ
กวนจิ้งไปเรียกคน ประธานหวางเป็นชายวัยกลางคน หุ่นปานกลาง ใบหน้าสมบูรณ์ ในมือถือแฟ้มสีน้ำเงิน เกร็งเล็กน้อย วางเอกสารไว้บนโต๊ะ “ประธานจง นี่คือข้อมูลของบริษัทเราครับ เมื่อก่อนผมเคยเป็นผู้จัดการโรงงานประตู ก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง ผมมีความคิดเยอะมาก……”
จงจิ่งห้าวยกมือขึ้นหมายความว่าให้เขาหยุด ไม่อยากฟังประวัติการก่อตั้งบริษัทของเขา และไม่สนใจฟังแผนการของเขา เลือกเขา เพราะควบคุมง่าย คนที่ไม่มีพื้นหลัง
เขาไม่มีแรงจะเสียเวลาบนตัวไป๋ยิ่นหนิง งานเร่งด่วนที่สุดคือการค้นหาสิ่งที่อยู่เบื้องหลังหลินซินเหยียน และคนพวกนั้น เขาต้องสืบให้ชัดเจน
อีกอย่าง…..
ดวงตาของเขาเข้มขึ้น ดังนั้นเขาจึงชอบความเรียบง่ายและบุ่มบ่าม
ประธานหวางคิดว่าเขาสามารถลงทุนตัวเอง คิดไม่ถึงว่า……
“แย่งคน ไม่เหมาะสมมั้งครับ……”
“งั้นนายบอกฉัน ฉันต้องลงทุนเท่าไร นายต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการหานักพัฒนา และพัฒนาชิปล็อกกันขโมยขั้นสูงกว่าคนอื่น วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่มีพวกนี้ นายเอาอะไรมาสู้? นายลองพูดมา”
ประธานหวางเงียบ พูดไม่ออก นี่คือปัญหาจริงๆ
“เพียงแต่ว่าไปแย่งตัวคนมา ไม่ค่อยดีหรือเปล่า……”
“สนามธุรกิจเปรียบเสมือนสนามรบ ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร นายชั่งน้ำหนักเอง” เขายกแขนขึ้น ดูเวลา “ให้เวลานายสองนาที”
เดิมทีประธานหวางแค่ต้องการหานักลงทุน ทำธุรกิจของตัวเอง ตอนนี้ดูเหมือนว่า เขาไม่มีพื้นหลัง อยากเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองในเมืองนี้อยากมากจริงๆ
แม้ใจจะไม่อยาก แต่ก็ตกลงแล้ว
จงจิ่งห้าวยืนขึ้น “นายลงมือทำ ฉันจะให้ผู้ช่วยร่างสัญญา เจ้านายยังคงเป็นนาย ฉันเป็นแค่หุ้นส่วน”
ในใจของประธานหวางรู้ เขาเป็นเจ้านายแค่ผิวเผิน ไม่ต่างกับคนรับจ้างมาก
จงจิ่งห้าวเดินออกจากห้องทำงาน เรียกกวนจิ้ง เขาที่กำลังรับโทรศัพท์ ได้ยินเสียง พูดกับอีกฝั่งสองสามประโยค ก็วางสายแล้วเดินมา
“ประธานจง”
“นายให้คนร่างสัญญา ให้เขาไปรับเงินก้อนหนึ่งที่แผนกการเงิน เจ้านายสวี่โทรหานาย อย่าเพิ่งเจอเขา มีอะไรโทรหาฉัน” สั่งเสร็จก็เดินไปขึ้นลิฟต์
กวนจิ้งมืดมนกับช่องทางของในนี้
ไม่พบเจ้านายสวี่เพราะต้องดูว่าเรื่องที่เขาทำ ผลลัพธ์เป็นอย่างไร ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ถึงจะสามารถทำสิ่งต่อไป
ลงจากลิฟต์แล้วขณะที่จงจิ่งห้าวกำลังเดินไปทางที่จอดรถ……