กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 471 คนทำผิดที่ไม่น่าให้อภัย
” ฉันไม่มีเวลา “หลินซินเหยียนปฏิเสธตัดบท แล้วยังลากจงจิ่งห้าวขึ้นรถไป หลี่จ้านเลยรีบสาวเท้าตามไป ป้าของเขาแดงเล็กน้อย ” พี่สะใภ้….. ไม่สิไม่ควรเรียกอย่างนี้… ”
” คุณจะทำอะไร! ” จู่ๆ หลินซินเหยียนตัดบทเขาเสียงเข้ม
หลี่จ้านนึกไม่ถึงเลยว่าหลินซินเหยียนจะมีปฏิกิริยาที่โต้ตอบเขารุนแรงแบบนี้ จากนั้นเขาก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าเพราะอะไรเธอถึงเป็นอย่างนั้น
แล้วก็เข้าใจแล้วว่าทำไมวันนั้นเธอถึงเกือบจะเป็นลมอยู่หน้าบ้านของตระกูลเหวิน
วันนั้น เขายืนอยู่ที่ประตูบ้านของตระกูลเหวิน เห็นรถหลินซินเหยียนขับออกไปแล้ว เขาไม่ได้กลับเข้าไปหาคุณไจแอ้นแต่กลับไปทีบ้านตระกูลเหวินแทน เพื่อที่จะกลับไปถามเหวินชิงว่าได้ทำอะไรใส่หลินซินเหยียนหรือเปล่า เพราะว่าตอนนั้นหลินซินเหยียนถ้าที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาเลยอยากจะถามเรื่องราวทั้งหมด เมื่อผลักประตูเข้าไปในบ้าน ก็เห็นหลี่จิ้งกำลังยืนทำสีหน้าตกใจยังผิดปกติในห้องห้องรับแขก เมื่อเห็นลูกชายกลับมาเธอจึงทำตัวปกติ
ตอนนั้นหลี่จิ้งยื้อให้หลินซินเหยียนอยู่กินข้าวเย็นที่บ้านก่อน แต่หลินซินเหยียนไม่ได้สนใจหล่อนเลย ก็เลยคิดว่าตัวเองทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า จึงทำให้เธอโกรธ ก็เลยยืนงงงวยอยู่ในห้องรับแขก
แต่หลังจากเห็นลูกชายแล้ว ก็ไม่สนใจอะไร เลยรีบเดินเข้ามา ” ลูกกลับมาแล้วเหรอ พอดีเลยแม่ทำอาหารไว้เยอะมาก วันนี้อยู่บ้านกินข้าวเย็นกับแม่ก่อนนะ ”
หลี่จ้านไม่มีอารมณ์จะกินข้าวด้วยซ้ำ แต่ถามขึ้นมาว่า ” พ่อผมอยู่ไหนล่ะ ”
หลี่จิ้งขมวดคิ้ว ” ทำไมวันนี้กลับมาก็ถามหาพ่อแกเลยล่ะ ”
หล่อนรู้ดีว่าลูกชายกับสามีตัวเองไม่ค่อยถูกกันนัก ก็เลยรู้สึกกังวล โดยเฉพาะหลี่จ้านที่ถามหาเหวินชิงด้วยน้ำเสียงแบบนี้ หล่อนเลยไม่กล้าให้ลูกชายของตัวเองเจอเหวินชิงในตอนนี้
หลี่จิ้งลากตัวลูกชาย กลัวว่าเขาจะไปหาเหวินชิง” แค่จะหาพ่อแกทำไม ”
” เมื่อกี้ผมเห็นพี่สะใภ้ท่าทีไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หรือไปเจอพ่อมา ” หลี่จ้านมองหน้าแม่ของตัวเอง นับว่าเขายังพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ถึงจะมีปัญหากับเหวินชิง แต่กับแม่ของเขาก็ยังคงแสดงความเคารพอย่างที่ควรเป็น
หลี่จิ้งพยักหน้า
หลี่จ้านยิ้มอย่างเย็นชา ” มิน่าล่ะเมื่อกี้เธอเกือบจะเป็นลมอยู่ตรงประตูแล้ว พ่อทำอะไรอีกแล้วล่ะ ”
เมื่อพูดถึงเหวินชิง หลี่จ้านโกรธจนกัดฟันกรอด
หลี่จิ้งตะลึงไปชั่วขณะ ในใจก็คิด หรือว่าหลินซินเหยียนกับเหวินชิงมีเรื่องขัดแย้งกันอยู่ในห้องหนังสือ ถึงตอนที่หล่อนชวนเธอให้อยู่กินข้าวต่อ เธอก็เลยไม่ตอบอะไรกลับมาสักคำ
” เขาอยู่ที่ไหน ” หลี่จ้านถาม
ไม่ใช่ว่าหลี่จิ้งไม่กล้าบอก แต่เห็นท่าทางของหลี่จ้านเป็นแบบนี้แล้วหากอยู่กับเหวินชิงสองคนต้องทะเลาะกันอย่างแน่นอน
” พ่อแกอยู่บ้านนอกจากสมคบรวมหัวอยู่กับเฉินชิงแล้ว ก็น่าจะชอบขลุกอยู่ในห้องหนังสือละมั้ง “หลี่จ้านพอจะเข้าใจเหวินชิงอยู่บ้าง จึงปัดมองหลี่จิ้งออก แล้วเดินไปยังห้องหนังสือ เขาไม่เคาะประตู แต่ใช้เท้าถีบประตูเข้าอย่างจัง จนทำให้เกิดเสียงดังปั้ง ประตูกระทบเข้ากับกำแพง จนเป็นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
” เหวินชิง คุณจะทำอะไร…. ”
เขาเรียกชื่อเหวินชิงโดยตรง ยังไม่ทันจะได้ถามจบประโยค เขาก็เหลือบไปเห็นเหวินชิงนอนแผ่อยู่บนพื้น หลี่จ้านชะงักอยู่ตรงนั้น ตัวเองยังไม่ทันจะได้ถามเขาด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึง นอนอยู่บนพื้นแบบนั้น
ด้วยความที่กลัวลูกชายกับสามีตัวเองทะเลาะกันหลี่จิ้งก็เลยวิ่งเข้ามาเพื่อที่จะห้าม แต่เมื่อเห็นสามีตัวเองนอนอยู่บนพื้น ก็ร้องออกมาอย่างตกใจ แล้วรีบพุ่งเข้ามา ” เหล่าเหวิน คุณเป็นอะไรไป อย่าทำให้ฉันตกใจแบบนี้สิ ”
เหวินชิงไม่ได้สลบไป แต่เพราะอารมณ์ที่ตื่นตระหนกเกินไปกระตุ้นให้ลิ่มเลือดเกิดการอุดตัน บวกกับเจอเรื่องที่กระทบกระเทือนทางจิตใจเกินไป ทำให้หัวใจทำงานหนัก เป็นเหตุให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกที่ตื่นตระหนก จนหน้ามืดหมดสติ
งั้นที่จริงสุขภาพและร่างกายของเขาก็ไม่ได้แย่นัก แต่ก่อนหน้านี้เคยสลบไปครั้งหนึ่ง สำหรับคนอายุเกือบหกสิบกว่านั้น ร่างกายคงแข็งแรงสู้กับตอนยังเป็นวัยรุ่นไม่ได้หรอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่กระทบต่อจิตใจ บางทีก็คงรับไม่ไหว
เขาเบิกตากว้าง มุมปากสั่นจนพูดไม่เป็นภาษา มือเท้าแข็งเกร็ง
หลี่จิ้งตกใจน้ำตาไหลออกมา ตะโกนด่าหลี่จ้านที่ยังคงยืนอึ้งอยู่ตรงประตู ” ยังจะนิ่งอยู่ตรงนั้นอีก หรือว่าพ่อแกไปส่งโรงพยาบาลสิ อยากเห็นเขาตายหรือไง ”
ตอนนี้หลี่จ้านเลยมีสติกลับมา แล้วรีบวิ่งไปอุ้มเหวินชิงขึ้น เพราะเหวินชิงเอง ก็เป็นพ่อแท้ๆ ของเขา ถึงในใจจะมีความรู้สึกที่ต่อต้าน แต่อะไรที่เกี่ยวกับชีวิตพ่อตัวเอง มันก็ทำให้รู้สึกกังวลขึ้นมา ไม่รู้ว่าเขาเอาแรงมากมายมันจากไหน ถึงขนาดที่ขณะตัวเขาอุ้มเหวินชิงหน้าผากเต็มไปด้วยเส้นเลือดที่ปูดขึ้น
เมื่อหลี่จ้านอุ้มเหวินชิงขึ้นมาแล้ว ก็มีกระดาษที่คล้ายจดหมายร่วงลงมาจากมือเหวินชิงตกลงไปที่พื้น เมื่อหลี่จิ้งเห็นว่าในมือของเขามีอะไรบางอย่างอยู่ หล่อนจึงเอื้อมมือลงไปหยิบขึ้นมา เมื่อกำลังอยากจะอ่านเนื้อความในจดหมายนั้น หลี่จ้านก็ตะคอกใส่หล่อน ” เร็วๆ เข้าหน่อย ”
เขาต้องเป็นคนขับรถ ในรถต้องมีคนดูแลเหวินชิงหนึ่งคน
หลี่จิ้งจึงรีบเก็บจดหมายเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วรีบวิ่งตามออกไป
เหวินชิงถูกหลี่จ้านอุ้มไปไว้ที่เบาะหลัง หล่อนจึงรีบเข้าไปช่วยพยุงตัวเอาไว้ เพื่อที่จะไม่ให้เขาล้มลงมา หลี่จ้านก็รีบไปขับรถข้างหน้าทันที
เพื่อที่จะช่วยชีวิตเหวินชิง หลี่จ้านก็เร่งความเร็วรถมากขึ้น แต่กว่าจะถึงโรงพยาบาลก็ใช้เวลาไปยี่สิบนาทีกว่าๆ
เหวินชิงถูกส่งตัวเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน หลี่จ้านได้แต่เดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูอย่างอยู่ไม่สุข ปากก็ได้แต่พร่ำบ่น ” ปกติสุขภาพพ่อก็แข็งแรงดีนี่ ทำไมถึงได้…. ”
ในภาพจำของเขาที่มีต่อเหวินชิง คือชายที่ใส่เครื่องแบบ ร่างสูงโดดเด่น มีใบหน้าที่เคร่งขรึมตลอดเวลา ราวกับว่าคนอื่นติดเงินเขาไว้อย่างไงอย่างงั้น ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้ล้มลงไปแบบนั้นล่ะ
” แม่….. ” หลี่จ้านไปดูหลี่จิ้ง เขาอยากจะถามเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างหลินซินเหยียนกับเหวินชิง ทำไมสองคนนั้นถึงมีเรื่องบาดหมางกัน แต่ยังไม่ทันได้ถามก็เห็นหลี่จิ้งยืนพิงกำแพงขณะที่อ่านจดหมาย
เวลานี้แม่ยังมีกะจิตกะใจจะอ่านจดหมายอีกเหรอ
หลี่จ้านจึงเดินไปตรงหน้าหล่อน” แม่ครับพ่อกับ….. ”
” แกดูเองเถอะ ” เขายังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกหลี่จิ้งพูดตัดบทเสียก่อน แล้วยังยื่นจดหมายในมือให้เขาอีก
หลี่จ้านไม่เข้าใจ ” นี่คืออะไรครับ ”
” ลูกอ่านแล้วเดี๋ยวก็จะรู้เอง ” หลี่จิ้งก็ยังยื่นจดหมายให้เขาอีกครั้ง
ครั้งนี้หลี่จ้านรับจดหมายไว้ ถึงแม้หลี่จิ้งจะไม่รู้สึกช็อกเท่าเหวินชิง แต่ก็ถูกจดหมายฉบับนี้ทำให้ตะลึงงันไปพักหนึ่ง เธอประคองตัวเองไว้กับกำแพงก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวไปนั่งลงตรงเก้าอี้แถว
ตอนนี้หล่อนรู้ว่าแล้วว่าทำไมสามีถึง……
เฮ้อ เธอหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้
หลี่จ้านหันไปมองหลี่จิ้ง เขาลังเลสักพัก ไม่ได้เดินไปหา แต่ก้มหน้าอ่านจดหมายตรงหน้าแทน หน้าแรกที่ทำให้สะดุดตานั่นก็คือ พี่ชายสุดที่รักห้าตัวอักษรนี้ ก่อนเขาจะไล่อ่านลงไปบรรทัดล่างๆ
【พี่ชายสุดที่รัก
ถ้าพี่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว ถึงตอนนั้นฉันคงจากโลกใบนี้ไปแล้วล่ะ อย่าเสียใจเพื่อฉันเลย แล้วอย่าได้ทุกข์ทรมานแทนฉัน เพราะทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ฉันได้เรื่องไว้แล้ว
ชีวิตนี้ฉันได้ทำเรื่องแย่ๆ ไว้มากมาย ที่ทำให้รู้สึกผิดต่อใครหลายคน คนที่ฉันรู้สึกผิดด้วยมากที่สุดก็คือฉีเฟิง ฉันได้แต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่เคยทำหน้าที่เป็นภรรยาควรทำได้เลยสักครั้ง เป็นเพราะฉันเห็นแก่ตัวที่อยากใช้ชีวิตร่วมกับจื่อยี่ จนทำเรื่องบ้าๆโดยการไปหาผู้หญิงคนอื่นมาให้ฉีเฟิง นั่นก็คือคนที่ฉันรู้สึกผิดอีกคนหนึ่ง เมื่อเธอพบฉันเธอก็สูญเสียคนที่รัก เพื่อที่จะต้องกลายเป็นเมียน้อยที่แย่งสามีคนอื่น
เมื่อเขียนมาถึงตรงนี้แล้วฉันว่าพี่ชายคงจะเดาเรื่องราวคร่าวๆ ได้แล้ว ใช่ค่ะ จิ่งห้าวไม่ใช่ลูกที่ฉันคลอดออกมาด้วยตัวเอง แต่เป็นลูกชายที่แท้จริงของยู่ซิ่วกับฉีเฟิง ฉันรู้สึกว่าตัวเองติดหนี้ฉีเฟิงเอาไว้ เพื่อให้เด็กคนนั้นมีสถานะและชื่อเสียงที่สามารถสืบต่อได้ และก็เพื่อให้พี่และพ่อสบายใจ ก็เลยบอกกับทุกคนไปว่าจิ่งห้าวคือลูกชายของฉันเอง ฉันหลอกลวงทุกคนทั้งหมด
ถึงตอนแรกจะบอกว่าเป็นการแต่งงานของทั้งสองตระกูล แต่เพราะคนทุกคนพยายามที่จะแยกฉันออกจากจื่อยี่ เพราะทุกคนคิดว่าเขาคือลูกชู้ แต่…. ฉันรู้จักครอบครัวเราดี ว่าการที่อยู่กับคนแบบนี้ ก็เหมือนน้ำกับไฟที่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่ฉันรักเขา ถึงเขาจะเป็นคนที่มีความผิดและเลวระยำยังไง หากตายไปฉันก็ยอมที่จะตกนรกสิบชั้นไปพร้อมเขา
พี่ ตอนนี้ฉันเขียนจดหมายฉบับนี้ สิ่งที่ฉันเสียใจที่สุดคือการตกลงแต่งงานกับฉีเฟิงตามที่ทุกคนขอ ฉันทำร้ายเขา แล้วก็ได้ทำร้ายผู้หญิงที่ไม่มีความผิดอะไรเลยคนนั้น ฉันรู้นิสัยของพี่ดี พี่ต้องรู้สึกว่าการแต่งงานของฉัน เป็นยู่ซิ่วทั้งหมดที่ทำมันพัง แต่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทั้งหมดนี้เป็นเพราะฉันทำให้มันเกิดขึ้นเอง
ฉันต่างหากที่เป็นคนชั่วเลวระยำคนนั้น
พี่ ฉันมีอีกเรื่องที่อยากจะบอก ฉันท้อง เด็กคนนี้คือลูกของจื่อยี่ ฉันตรวจแล้วเป็นลูกสาว ฉันบอกกับฉีเฟิงว่า ฉันหวังว่าเธอจะแต่งงานกับจิ่งห้าวเป็นสามีภรรยากัน ฉันก็ได้คิดเห็นแก่ตัวอีกว่า ฉันอยากให้ลูกสาวของฉันชดเชยในสิ่งที่ฉันทำไว้กับตระกูลจง
พ่อเขียนมาถึงตรงนี้แล้วสุดท้ายฉันก็พบว่าชีวิตนี้ฉันได้เกิดมาเป็นคนที่ล้มเหลวอย่างมาก ไม่ควรที่จะเกิดมาเป็นภรรยาใคร ไม่เหมาะสมที่จะเป็นแม่คนได้ซ้ำ ถ้ามีโอกาสได้เลือกใหม่แล้วละก็ ฉันจะไม่ยอมโอนอ่อน แล้วก็จะไม่เห็นแก่ตัวเองเพื่อไปทำร้ายคนอื่น แล้วทำให้ชีวิตตัวเองต้องขื่นขมและทุกข์ทรมานเช่นนี้
—เหวินเสียน】