กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 474 กอดอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล
รถจอดลงที่คฤหาสน์ เขาเปิดประตูแล้วรีบลงมาจากรถ ขณะนี้หลี่จ้านก็จอดรถแล้วรีบลงมาเช่นกัน จากนั้นก็รีบเดินตามจงจิ่งห้าวไป
” พี่….. ”
ดูเหมือนว่าคนที่คอยดูแลเขา คนที่เขาเรียกว่าพี่ชายมาโดยตลอด ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสถานะที่เขาจะสามารถเรียกด้วยคำคำนี้อีกแล้ว แต่ว่าหลายปีมานี้ความเคยชินและความรู้สึกไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย
ก้าวเดินของจงจิ่งห้าวชะงักลง ก่อนจะหันไปเห็นหลี่จ้านที่เดินกึ่งวิ่งเข้ามาทางเขา
” ผมไปรอที่บริษัทสักพักแล้ว แม่ของผมโทรมาตามให้ผมกลับบ้าน ดังนั้นก็เลยตัดสินใจมาหาพี่เลย ผมอยากรู้ว่าพี่จะถามอะไร ” หลี่จ้านซองจดหมายฉบับนั้นให้เขา ” พี่ลองอ่านดูก็เข้าใจแล้ว ”
ใบหน้าของจงจิ่งห้าวเหมือนกับน้ำที่สงบนิ่ง ไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ ถึงจะยังไม่ได้อ่านจดหมายแต่ในใจเขาก็พอจะเดาได้แล้วว่าเนื้อความในนั้นคืออะไร เขายื่นมือไปรับมันมา แต่ก็ไม่ได้รีบกลางดูเนื้อหาข้างในทันที เขามองไปที่หลี่จ้าน ” ทีหลัง อย่ามาที่นี่อีก ”
พูดจบเขาก็สาวเท้าจะเดินจากไป
” ทำไมล่ะครับ ”
เมื่อหลี่จ้านอ่านจดหมายนั้นแล้วก็รู้ว่าเฉิงยู่ซิ่วคือแม่ของเขา แต่ไม่รู้ว่าการตายของเฉิงยู่ซิ่วเป็นฝีมือเหวินชิง
จากที่เขาดูๆแล้ว สถานะของหลินซินเหยียน คือตอนจบที่หน้าดีอกดีใจของทุกคน เหวินชิงก็คงไม่คิดจะหาวิธีที่ทำให้พวกเขาต้องแยกจากกัน นี่เป็นเรื่องที่ดีเสียด้วยซ้ำ
จงจิ่งห้าวไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม ความผิดของเหวินชิงกับหลี่จ้านไม่มีอะไรเกี่ยวโยงกัน เขาไม่อยากพาลใส่คนอื่น แต่ก็ไม่อยากเกี่ยวข้องกับหลี่จ้านอีก ทั้งสีหน้าที่แสดงออกและน้ำเสียงก็ดูเย็นชาและจืดชืด ” นายไปเถอะ ”
” พี่ ”
หลี่จ้านอยากจะถามเสียให้รู้เรื่อง แต่จงจิ่งห้าวที่เดินไปถึงประตูทางเข้าแล้วก็เรียกบอดี้การ์ดที่เฝ้าคฤหาสน์ด้านนอกออกมา ” ผมไม่อยากให้ใครเข้าไปรบกวน ”
จบก็สาวเท้าเข้าไปข้างใน หลี่จ้านที่ตามมาข้างหลังก็ถูกบอดี้การ์ดยื้อเอาไว้จากประตูด้านนอก เขาไม่ละทิ้งความพยายามพร้อมตะโกนไปทางจงจิ่งห้าว ” สถานะของพี่สะใภ้ มันก็เป็นเรื่องดีแต่พวกเราไม่ใช่หรือไง แบบนี้พ่อของผมก็จะไม่แยกพวกพี่ออกจากกันแล้วทำไมพี่กับพี่สะใภ้ถึงแก้ปัญหาด้วยการคิดเส้นกั้นกันแบบนี้ ก่อนหน้านี้พ่อของผมได้ทำเรื่องที่ผิดมหันต์อย่างมากมายแต่ว่าตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่ามันผิด อีกทั้งยังรับกับผลกระทบที่ตามมาอย่างยิ่งยวด ก็ถือว่าได้รับผลของการกระทำนั้นแล้ว พี่สะใภ้ก็ไม่ได้คิดว่าพ่อของผมว่ามีสถานะเป็นญาติของเธอไม่ใช่ไง”
“ขอโทษครับ คุณไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ “ท่าทีของบอดี้การ์ดดูชัดเจนมากว่าไม่ให้เขาเข้าไปข้างใน หากไม่มีคำสั่งของ จงจิ่งห้าว พวกเขาจะไม่ยอมง่ายๆ แล้วก็จะไม่ยอมปล่อยเขาไปด้วย
หลี่จ้านโกรธจนแทบอยากจะกระทืบเท้าแรงๆ แต่จะทำอย่างไรได้เพราะถึงยังไงตัวเขาเองก็คงเข้าไปไม่ได้อยู่ดี ทำได้แค่ยืนอยู่ตรงนั้น
พอเข้าไปในบ้าน เมื่อเห็นว่า จงจิ่งห้าวกลับมาแล้ว ป้าหยูกลับมีท่าทีประหลาดใจ หล่อนมองไปที่เขา “ไม่ใช่ว่าคุณชวนภรรยาตัวเองไปกินข้าวหรอกเหรอทำไมคุณถึงกลับมาแล้วล่ะ ภรรยากับลูกๆ ไปไหน”
หลังจากฟัง จวงจื่อจิ่นพูดจบเขาก็เดาได้ทันทีว่าทำไม หลินซินเหยียนถึงดูผิดปกติ เพราะตัวเธอคงจะคิดมาดีแล้วว่าจะจากไป
ใบหน้าของเขาผุดรอยยิ้มอันเยือกเย็นออกมา ดวงตานั้นดูนิ่งสงบแล้วว่างเปล่า มองดูแล้วเหมือนมีความหมดอาลัยตายอยากและความเจ็บปวดใจอยู่ในนั้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ “เธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ”
ป้าหยูเหลือบไปมองนาฬิกาบนกำแพง ก่อนจะตอบ “น่าจะสักสองสามชั่วโมงได้นะ”
“ผมรู้แล้วครับ “พูดจบเขาก็เดินขึ้นชั้นบนไป ป้าหยูอยากจะถามเขาว่า หลินซินเหยียนกับพวกเด็กๆ ไปไหนกัน แต่มันเห็นว่าอารมณ์ของ จงจิ่งห้าวจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็เลยเก็บคำพูด ปิดปากไว้ไม่กล้าถาม
ก่อนจะถอยไปเงียบๆ
บนชั้นสอง จงจิ่งห้าวผลักประตูเข้าห้องนอนไป สภาพห้องตอนนี้กับตอนเช้ายังคงเหมือนเดิมไม่มีของชิ้นไหนที่ถูกและต้องมาก่อนเลยสักชิ้น เขาเดินเข้าไปในห้องอย่างช้าๆ เธอไม่ได้เอาของอะไรไปเลย ไม่ได้เอาไปเลยสักอย่าง พาไปเพียงแค่ลูกทั้งสองคนเท่านั้น มีเพียงสิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าต่าง มีดอกไม้วางอยู่ช่อหนึ่ง
เขายืนอยู่ตรงหน้าต่าง กางจดหมายที่ หลี่จ้านให้เขา หลังจากที่ฟัง จวงจื่อจิ่นเล่าแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับเนื้อหาในจดหมายนี้เสียเท่าไหร่
จนสายตาเริ่มไล่ไปตามบรรทัด…..
【 พี่ ฉันมีอีกเรื่องที่อยากจะบอก ฉันท้อง เด็กคนนี้คือลูกของจื่อยี่ ฉันตรวจแล้วเป็นลูกสาว ฉันบอกกับฉีเฟิงว่า ฉันหวังว่าเธอจะแต่งงานกับจิ่งห้าวเป็นสามีภรรยากัน ฉันก็ได้คิดเห็นแก่ตัวอีกว่า ฉันอยากให้ลูกสาวของฉันชดเชยในสิ่งที่ฉันทำไว้กับตระกูลจง 】
สายตาของเขาหยุดอยู่ตรงย่อหน้าสุดท้ายที่เป็นประโยคนั้นอยู่สักพักใหญ่ๆ
ดืด ดืด……
จู่ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อของเขาก็ดังขึ้น เขาหยิบมันออกมาดู ก็ปรากฏชื่อของ’ คุณภรรยา’
นี่คือชื่อที่เขาตั้งไว้ให้ หลินซินเหยียนโดยเฉพาะ
ข้อความนั้นแจ้งเตือนอย่างชัดเจน
เขามองไปตรงหน้าจอแล้วชะงัก ก่อนจะรีบกดเข้าไปอ่านอย่างรวดเร็ว
【เมื่อคุณเห็นข้อความนี้แล้ว ฉันคิดว่าคุณก็คงรู้เรื่องทั้งหมดอย่างแจ่มแจ้ง ที่จริงก็คิดว่าอยากจะ เล่าทั้งหมดให้คุณฟังด้วยตัวเอง แต่ฉันคิดว่าฉันไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับคุณจริงๆ
เมื่อก่อนก็คิดเสมอว่าตัวเองเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งแต่พอมาเจอเรื่องนี้แล้วฉันมัน ไร้ซึ่งความกล้า ฉันมันขี้ขลาด และอ่อนแอ ฉันสับสนไปหมดจึงไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับคุณ
ได้โปรดยกโทษที่ฉันไปยังไม่บอกกล่าว และขอโทษที่ฉันพา เสี่ยวซีกับเสี่ยวลุ่ยไปด้วย ที่จริงฉันก็อยากจะให้ลูกๆ อยู่ข้างกายคุณ แต่ฉันพบว่า ฉันต้องการพวกเขามากกว่าเดิม เมื่อได้ใกล้ชิดและมองเห็นพวกเขาฉันคงไม่ปวดใจเสียเท่าไหร่
หากเลือกได้ฉันหวังว่าตัวเองจะเกิดมาอยู่ในครอบครัวที่ธรรมดาและคลอดลูกให้คุณหลายๆ คน และใช้ชีวิตที่ธรรมดาอันแสนวิเศษไปด้วยกัน แต่ฉันเลือกเกิดไม่ได้ ในโลกก็ไม่ให้ตัวเลือกสำหรับฉัน
วันนั้นที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อความยากลำบากได้เข้ามากล้ำกรายในช่วงเวลานั้น แม่ก็พุ่งตัวเข้ามาปกป้องฉันโดยที่ไม่ห่วงชีวิตของตัวเอง และยังกันสิ่งที่เป็นอันตรายทั้งหมด เพื่อที่จะปกป้องฉันจากอุบัติเหตุในวันนั้น ทุกครั้งที่ตื่นจากฝันร้ายกลางดึก ฉันก็มักจะเห็นแม่กำลังก้มหมอบอยู่บนตัวคล้ายกำลังปกป้องฉัน แล้วได้บอกกับฉันว่า ‘เหยียนเหยียน ดูแลเขาให้ดีแทนแม่ด้วยนะ ปกป้องลูกของเขาให้ดี ‘ฉันกลัวว่าจะผิดคำพูดไป ที่ไม่ได้ยืนอยู่ข้างคนในช่วงเวลานี้ สิ่งเดียวที่จะทำได้คือ ดูแลลูกของเราให้ดีที่สุด
จิ่งห้าว คุณอยากทำอะไรก็ทำเถอะ อย่าให้ตัวเองต้องเสียใจและโกรธแค้นในภายหลังเลย เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากจะให้มันเป็น
คุณไม่ต้องตามหาฉันหรอกนะอย่าทำให้ฉันรู้สึกต้องมาอะไรกับคุณเลยหวังว่าเวลาจะรักษาทุกสิ่งแต่รอคอยช่วงเวลาบางอย่าง และสถานที่ที่ ไม่พิเศษอะไร คุณและฉันไม่ได้คาดหวังแต่ได้บังเอิญมาพบกัน คุณมองมาที่ฉัน และฉันก็มองไปที่คุณ และเราทั้งคู่ไม่ลังเลที่จะโอบกอดซึ่งกันและกัน
ฉันคิดมาเสมอว่าความรักเหล่านี้มันอยู่ห่างไกลจากฉันมากเกินไป จนถึงวินาทีนี้ฉันได้รู้แล้วว่า ความรู้สึกที่ฉันมีต่อคุณนั้นมันลึกเกินกว่าจะพรรณนาได้ เพราะเหตุนี้หลังจากที่เพิ่งออกมาไม่นาน ก็ทำให้ฉันคิดถึงคุณจนแทบจะเป็นบ้าแล้ว จิ่งห้าว ฉันรักคุณ รักมาก
ให้พวกเราได้รอคอยการมาพบกันอย่างใจจดใจจ่อ คุณคือ จงจิ่งห้าว ส่วนฉันคือ หลินซินเหยียน คุณก็คือคน ฉันก็คือฉัน ไม่ใช่ใครทั้งนั้น และไม่ได้ทำเพื่อเรื่องอื่นใด มีเพียงแค่ฉันและคุณสองคน
สุดท้ายสิ่งที่ฉันอยากถามที่สุดก็คือ คุณจะคิดถึงฉันไหม 】
เขาก้มหน้าลง แววตาเศร้าสร้อย เขายังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ แผ่นหลังอันกว้างใหญ่ของเขานะวินาทีนี้เหมือนกำลังถูกความรู้สึกที่ทุกข์ทรมานกดทับลงไปอย่างหนักหน่วง ปลายนิ้วของเขาสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบโทรไปหาเจ้าของข้อความอย่างรวดเร็ว
หลินซินเหยียนที่นั่งรถออกมาจาก เมืองBแล้ว และเตรียมที่จะปิดโทรศัพท์ จากนั้นจะโยนซิมโทรศัพท์ทิ้งไป ขณะนั้นก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามา เธอเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนจอ ในใจก็เหมือนถูกครีมเหล็กหนีบจนแทบไม่เป็นรูปเป็นร่าง ราวกับถูกกดเอาไว้อย่างแนบแน่น มันเจ็บปวดและทรมานจนแทบจะไม่สามารถหายใจได้
เธอนั่งมองมันอย่างนั้นอยู่นาน ในจังหวะที่สายจะตัดเธอก็รีบกดรับอย่างรวดเร็ว ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าปลายสายคือใคร แต่ก็ไม่ได้เอ่ยทักไปก่อน
…..
ผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงแหบพร่า ดังออกมา “ผมจะคิดถึงคุณ”
หลินซินเหยียนเอนตัวไปพิงตรงหน้าต่างรถ ก่อนจะเม้มปากแน่น สีหน้าที่แสดงออกตรงกลางระหว่างคิ้วบ่งบอกถึงความอะไรอาวรณ์และเสียใจ ดวงตาที่สดใสในทุกๆ วันกลับเริ่มขมุกขมัว และรู้สึกเริ่มเจ็บและแปลบๆ ตรงจมูก จากนั้นน้ำใสๆ ก็ทะลักออกมาจากตา เลยขนาบข้างลงไปยังมุมปากแล้วไหลเข้าไปในปากช้าๆ ให้รสชาติเค็มๆ เธอเบะปากลง ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แม้กระทั่งน้ำตาที่ยังคงทะลักออกมา เธอเอามือปิดปากแล้วเอาแต่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น