กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 49 เกี่ยวข้องกับพ่อของฉันหรือไม่
ลดกระจกรถลง หลินเซียนเหยียนมองเห็นรูปลักษณ์ของคุณผู้หญิงคนนั้น ก็ยังสง่างามและสูงศักดิ์เหมือนเดิม ถูกต้อง นายหญิงคนนี้คือแม่ของเหอรุ่ยเจ๋อ
เธอหาตัวเองเพื่ออะไร?
หลินเซียนเหยียนพยายามสอบถามสถานการณ์จากโชว์เฟอร์ “นายหญิงของคุณหาฉันมีธุระอะไรเหรอ?”
โชว์เฟอร์ส่ายหัว “เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้ครับ ผมแค่รับผิดชอบมาแจ้งบอกคุณครับ”
เหอรุ่ยเจ๋อดีต่อเธอ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เธอควรจะตอบตกลง ดังนั้นเธอจึงพูดว่า “ไปกันเถอะ”
เมื่อเดินไปที่รถ หลินเซียนเหยียนกล่าวทักทายอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะ”
เซี่ยเจินหยูนั่งตัวตรง อย่างสง่างามและยิ้ม “คุณหลินตอนนี้ว่างไหม? มีร้านกาแฟอยู่ไม่ไกล พวกเราไปนั่งกันไหม?”
หลินเซียนเหยียนลังเลสักครู่ แล้วพยักหน้า
“ขึ้นมาสิ”
โชว์เฟอร์เดินมาเปิดประตูให้เธอ หลินเซียนเหยียนก็ก้มตัวเข้าไปนั่ง
ไม่นานรถก็จอดอยู่หน้าร้านกาแฟ
หลินเซียนเหยียนเดินตามหลังเซี่ยเจินหยูเข้าไปในร้านกาแฟ
เซี่ยเจินหยูเลือกสถานที่ที่ค่อนข้างเงียบสงบเพื่อนั่ง หลินเซียนเหยียนนั่งอยู่ตรงข้ามเธอ และบริกรก็เดินเข้ามา “ขอโทษค่ะ ต้องการดื่มอะไรค่ะ?”
เซี่ยเจินหยูวางกระเป๋าไว้บนโซฟาข้างตัว เขาและมองไปที่หลินเซียนเหยียน แล้วถามว่า “คุณอยากดื่มอะไร?”
“ขอน้ำเปล่าให้ฉันสักแก้ว” หลินเซียนเหยียนตอบเบาๆ
“เอาน้ำเปล่ามาให้ฉันด้วย ถ้าต้องการอะไรเดี๋ยวจะเรียกคุณ”
“ตกลงค่ะ”
บริกรถอยกลับ และตรงนี้ก็เงียบสงบลง
หลินเซียนเหยียนนั่งเงียบๆ รอให้เซี่ยเจินหยูพูดก่อน
จู่ๆเธอก็มาหาตัวเอง อาจจะไม่ใช่แค่การมาดื่มกาแฟใช่ไหม?
เซี่ยเจินหยูดื่มน้ำไปครั้งหนึ่ง และวางแก้วลง อ้าปากขึ้น “คุณกับรุ่ยเจ๋อรู้จักกันได้ไง?”
“น้องชายของฉันป่วย เขาเป็นคนรักษา และเวลานานไปก็รู้จักกัน” หลินเซียนเหยียนตอบตามความจริง
“โอ้ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณคบกันมานานแค่ไหนแล้ว?” ขณะพูดสายตาก็จ้องมองเธออย่างละเอียด “ฉันคิดว่าเธออายุยังไม่มาก รุ่ยเจ๋อเป็นรักแรกของคุณหรือเปล่า?”
คำถามแต่ละคำถามถามจนหลินเซียนเหยียนสับสนไปหมด เธอคิดว่าตัวเองคบอยู่กับเหอรุ่ยเจ๋อเหรอ?
ทันใดนั้นหลินเซียนเหยียนก็นึกถึงงานเลี้ยงในวันนั้น เหอรุ่ยเจ๋อแนะนำเธอให้คนอื่นรู้จักว่าเธอเป็น “แฟนสาว” ดังนั้นเธอจึงมีคำถามนี้
ขณะที่หลินเซียนเหยียนอยากจะอธิบาย เซี่ยเจินหยูก็พูดอีกครั้ง “ฉันไม่ต้องการให้พวกคุณคบกัน?”
สีหน้าเธอดูเคร่งขรึม “ฉันคาดหวังว่าภรรยาของเขา จะมีภูมิหลังครอบครัวที่เหมาะสมกับเขา ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้ครอบครัวของคุณเกิดปัญหา”
หลินเซียนเหยียนกัดริมฝีปากแน่น และในที่สุดก็เข้าใจจุดประสงค์ในการมาหาตัวเอง
“ด้วยสถานการณ์ครอบครัวในปัจจุบันของคุณ ฉันยิ่งไม่สามารถยอมรับคุณได้ คุณคงเข้าใจใช่ไหม?” เซี่ยเจินหยูลดเสียงของเธอลง หยิบการ์ดออกจากกระเป๋าของเธอ วางบนโต๊ะแล้วเลื่อนไปที่หลินเซียนเหยียน “ตรงนี้มีเงิน แม้ว่าจะไม่สามารถช่วยให้ครอบครัวของคุณฝ่าวิกฤตนี้ได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถรับประกันการดำเนินชีวิตประจำวันของคุณได้”
หลินเซียนเหยียนเลื่อนการ์ดคืน และยิ้ม “คุณป้า ฉันมีมือและเท้า ฉันจะเอาเงินของคุณได้อย่างไร”
นี่เป็นการเอาเงินฟาดหัวเธอเหรอ?
เธอยิ้มแหย่ๆในใจ ตอนอายุสิบขวบก็ถูกหลินกั๋วอันส่งไปจากที่นี่ เธอสามารถกลับมาได้เพราะจงจิ่งห้าว คนที่ขาพิการ เธอจึงมีโอกาสกลับมา
เธอไม่เคยได้เพลิดเพลินกับความมั่งคั่งของตระกูลหลิน แต่ตอนนี้เธอต้องแบกรับผลกระทบจากความพ่ายแพ้ของตระกูลหลิน
“ฉันเข้าใจความหมายของคุณป้า ฉันไม่คบกับเขาแน่นอน ฉันปฏิบัติต่อเขาเหมือนพี่ชายเสมอ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับไปก่อน ฉันยังต้องไปทำงาน” พูดเสร็จเธอก็ลุกขึ้น
“เดี๋ยวก่อน” เซี่ยเจินหยูเรียกเธอไว้ เดิมทีเธอคิดคำมามากมาย แต่คำพูดเหล่านั้นจะพูดก็ต่อเมื่อหลินเซียนเหยียนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเธอ แต่เธอพูดง่ายมาก แต่กับดูเหมือนว่าเธอแร้งน้ำใจเกินไป
“ฉันไม่รู้ว่ารุ่ยเจ๋อเคยบอกคุณหรือเปล่า เรื่องของน้องสาวเขา เหตุการณ์นั้นสะเทือนใจเขามาก หลายปีมานี้เขาอยู่ต่างประเทศมาตลอด และตอนนี้เขาเต็มใจที่จะกลับมา กล้าเผชิญกับอดีต ฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง คุณบอกว่า คุณปฏิบัติต่อเขาเหมือนพี่ชาย ฉันคิดว่าสำหรับเขา อาจมีความรู้สึกอื่น บางทีอาจเป็นเพราะคุณน่ารักเกินไป และเขาปฏิบัติต่อคุณเหมือนหลินหลิน”
หลินเซียนเหยียนรู้ว่าเหอรุ่ยเจ๋อมีน้องสาวที่หายตัวไป ก็เคยคิดเช่นนี้
ตอนที่เขาอยู่ประเทศ A เขาดูแลและห่วงใยตัวเองมาก หรือเขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนน้องสาวจริงๆ
เซี่ยเจินหยูพูดถึงลูกสาวที่หายไป สีหน้าขมขื่น ดูโศกเศร้ามาก ในชีวิตนี้เธอให้กำเนิดลูกสามคน และลูกสาวคนเดียวของเธอที่หายไป
แต่ในฐานะนายหญิงของตระกูลเหอ เธอไม่สามารถจมปลักอยู่กับอดีต ไม่อาจเสียใจต่อหน้าสามีได้ เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในตระกูล ต้องมีเธอคอยดูแล
ถ้าคุณต้องการสวมมงกุฎ คุณต้องแบกรับภาระที่หนักหน่วง
เธอเพลิดเพลินกับสถานะที่ตระกูลเหอมอบให้เธอ แน่นอนก็ต้องทุ่มเทกลับไปเหมือนกัน
“ฉันก็ต้องการให้ลูกชายของฉันอยู่กับผู้หญิงที่เขาชอบ แต่เขาเกิดมาในตระกูลนี้ และเพลิดเพลินกับความรุ่งโรจน์ความหรูหราทั้งเรื่องกินเรื่องใช้ที่ตระกูลมอบให้ และเขาก็ต้องเสียสละเพื่อสิ่งนี้” เซี่ยเจินหยูรับการ์ดกลับไป และยื่นนามบัตรให้ “คุณเป็นคนที่พูดง่าย และฉันก็ไม่ใช่คนแร้งน้ำใจขนาดนั้น หากในอนาคตคุณต้องการความช่วยเหลือ มาหาฉันได้”
เป็นการไม่สุภาพที่จะปฏิเสธตลอดเวลา หลินเซียนเหยียนเลยรับนามบัตรไว้ “ขอบคุณค่ะคุณป้า”
หลินเซียนเหยียนยืนขึ้น “ถ้าไม่มีธุระแล้ว งั้นฉันขอตัวกลับก่อนค่ะ”
“คือว่า เรื่องที่พวกเราสองคนเจอกัน อย่าบอกรุ่ยเจ๋อนะ นิสัยดื้อรั้นของเขา ถ้าเขารู้เรื่องนี้ ฉันเกรงว่า……”
“คุณป้าไม่ต้องห่วง ฉันไม่บอกเขาหรอก” ปกติเธอก็ไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษกับเหอรุ่ยเจ๋อ คนอย่างเธอ ไม่คู่ควรที่จะอยู่กับใคร
ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่บริสุทธิ์
มีคุณสมบัติอะไรที่จะพูดถึงเรื่องความรัก
เมื่อเดินออกจากร้านกาแฟ เธอเอื้อมมือไปแตะที่หน้าท้อง “มีเธออยู่ แม่ก็ไม่ได้โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพาใจแล้ว”
เด็กคนนี้คือความกล้าหาญของเธอ และเป็นอนาคตของเธอ
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินจากไป
เธอเดินไปตามข้างถนนเพื่อกลับไปที่บริษัท ทันเวลาที่กวนจิ้งกลับมาจากข้างนอก
“คุณไปไหนมา” กวนจิ้งปิดประตูรถแล้วเดินไปหาเธอ “ไหนบอกว่าไปโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ? ฉันไปที่โรงพยาบาลทำไมไม่พบคุณ?”
ก่อนที่เธอจะไปโรงพยาบาล เธอได้บอกจงจิ่งห้าวไว้ เพราะว่าเธอทำงานแล้ว และไม่ได้มีชีวิตอิสระแล้ว
“ฉันกลับมาเร็ว เจอใครคนหนึ่ง แล้วพูดคุยกันนิดหน่อย ทำไมเหรอ?” ดูท่าทางกวนจิ้งดูกังวล
เกิดอะไรขึ้นเหรอ?
“เข้าไปก่อน” กวนจิ้งเดินเข้าไปในห้องโถงอย่างรวดเร็ว หลินเซียนเหยียนเดินตามเขา รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้น เกี่ยวข้องกับฉันหรือเปล่า?”
กวนจิ้งยืนอยู่ที่ประตูลิฟต์ กดปุ่มสองสามปุ่ม แล้วเหลือบมองดูเธอ
“คุณดูเอาเองละกัน”
หลินเซียนเหยียนอ้าปาก เธอหมายความว่าอย่างไรที่ให้ตัวเองดูเอง?
เธอกำลังจะซักถามประตูลิฟต์ก็เปิดออก คุณกวนจิ้งเดินเข้าไปก่อน หลินเซียนเหยียนรูสึกไม่สบายใจ และเดินช้าลงเล็กน้อย กวนจิ้งก็เร่งเธอ “เร็วเข้า”
หลินเซียนเหยียนเดินเข้าไป
“มันเกี่ยวข้องกับพ่อของฉันเหรอ?” หลินเซียนเหยียนยังไม่ยอมแพ้ พยายามถาม
เธอเพิ่งกลับมาจากที่จวงจื่อจิ่น ต้องไม่ใช่จวงจื่อจิ่นแน่นอน ดังนั้นคงจะเป็นหลินกั๋วอัน
ในตอนนี้มีเพียงสองคนนี้เท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับเธอ
คราวนี้ กวนจิ้งส่งเสียงอืม ก่อนที่เสียงเขาจะเลือนหาย ก็มีเสียงลิฟต์หยุดลง และประตูลิฟต์ก็ค่อยๆเปิดออก
กวนจิ้งเดินออกไป และเดินไปที่ห้องทำงานของจงจิ่งห้าว
หลินเซียนเหยียนเดินตามเขาไป
เมื่อไปถึงประตู เขาก็ยกมือขึ้นเคาะประตู
เสียงเคร่งขรึมดังมาจากข้างใน “เข้ามา”
กวนจิ้งเปิดประตู……