กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 504 ยิ่งคาดหวังยิ่งสับสน
เสิ่นเผยซวนพิงไปที่พนักเก้าอี้ มืออีกข้างกุมไปที่ศีรษะ เขาควรจะผลักซางหยูออกตั้งแต่แรกแล้วสิ ทำไมสติเขาถึงล่องลอยไปไหนล่ะ
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังรังแกเด็กสาวที่อายุน้อยกว่านะ ทั้งที่เด็กคนนั้นก็เป็นคนเริ่มก่อน แต่เขาเป็นผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่า แล้วอายุก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วด้วย ทำไมตอนนั้นถึงไม่โต้แย้งในสิ่งที่เธอทำกันนะ
ในขณะที่เสิ่นเผยซวนกระวนกระวาย โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้น เป็นสายของซูจ้านที่โทรมาจะถามเขาว่าจะไป ประเทศYไหม
เสิ่นเผยซวนรู้สึกงุนงง ว่าจะไปที่นั่นตอนนี้ทำไม
ซูจ้านไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมเพียงแต่ถามเขาว่าจะไปหรือไม่ไป
เสิ่นเผยซวนคิดไปคิดมาสักพัก ก็นึกขึ้นได้ว่าถึงตัวเองอยู่ที่นี่ก็คงคิดอะไรไร้สาระไปเรื่อยๆ จึงตอบไปว่า ” เออกูไปด้วย ”
” ก่อนบ่ายสามรีบไปที่สนามบิน ไม่งั้นอย่าหาว่าพวกกูไม่รอมึงแล้วกัน ” พูดจบซูจ้านก็วางสายไป
เขาที่ยังนั่งนิ่งอยู่ในรถ ก็หยิบบัตรเชิญขึ้นมา ยังคงสำรวจรูปคนในนั้น ฉากหลังเป็นเวลาและสถานที่ นิทรรศการครั้งนี้ไม่ได้จัดในประเทศ แต่เป็นนิทรรศการแฟชั่นเสื้อผ้าระดับนานาชาติ ถูกจัดใน ประเทศYซึ่งเป็นแหล่งรวมของสายงานเกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้าที่ทรงพลัง แต่รอบนี้จัดทำเป็นวาระพิเศษ
เขาจิ๊ปาก” ไม่เข้าใจเลย เขาไปทำอะไรที่นั่น…. ”
เหมือนว่าภายในชั่วขณะ ซูจ้านจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หลินซินเหยียนก็เป็นช่างออกแบบเสื้อผ้าเหมือนกัน หรือว่าเขาจะไปหาหลินซินเหยียน
พอคิดถึงตรงนี้ ก็หันไปมองจงจิ่งห้าว ถามว่า ” คิดว่าพี่สะใภ้จะปรากฏตัวไหม ”
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้วแน่น เห็นได้ชัดว่าไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ ก็เลยทำเป็นพิงเก้าอี้หลับตาทำเป็นงีบหลับไป
ในใจเขาก็คิดแบบนั้นเช่นกัน แต่เขาก็ไม่แน่ใจนะว่าจะเจอเธอหรือไม่ หรือเธออาจจะไม่ไป ถ้าเธอยอมเผยตัวตน บนบัตรเชิญนั่นก็คงไม่ได้มีแค่ฉินยา แต่มันกลับไม่มีแม้แต่เงาของเธอ
เขาไม่ค่อยแน่ใจ ในใจลึกๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยกล้าเผชิญหน้ากับเธอเสียเท่าไหร่ แต่ยิ่งคาดหวังก็ยิ่งเกิดสับสนขึ้นในจิตใจ
ซูจ้านก็พอจะเข้าใจ เลยไม่ได้ถามต่อ ได้แต่นั่งเงียบรอเสิ่นเผยซวนอย่างรู้งาน
ในระหว่างที่รอ ก็หยิบบัตรเชิญขึ้นมาดูอีกครั้ง เขาก็ไม่รู้ว่ามันมีอะไรน่าดูนักหนา แต่เมื่อดูแล้วเขารู้สึกเหมือนอยากจะมองผู้หญิงในรูปนี้อีกเรื่อยๆ พอรู้ว่าเหมือนเป็นการหักหลังต่อฉินยา ก็รีบทิ้งบัตรเชิญไปอีกทาง
ไม่นานนักเสิ่นเผยซวนก็มาถึง ถ้าพวกเขาเริ่มไปตั้งแต่ตอนนี้ ก็คงถึงที่นั่นตอนเช้า บวกลบหนึ่งวัน ตอนกลางคืนก็คงถึงเวลานิทรรศการเสื้อผ้าพอดี
หนึ่งวันหนึ่งคืนนี้จงจิ่งห้าวดูเงียบเป็นพิเศษ ซูจ้านก็พอจะเข้าใจ แต่กับเสิ่นเผยซวนทำไมเขาถึงเงียบเป็นเป่าสากแบบนี้
นึกว่าวิญญาณหลุดไปแล้ว ก่อนหน้านี้คนก็ดูเหมือนไม่มีมีจิตวิญญาณอยู่ในร่าง ซูจ้านรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังพาผู้ป่วยเรื้อรังสองคนออกมาข้างนอก
การที่พวกเขามาที่นี่เป็นความลับและส่วนตัว ดังนั้นก็เลยจัดการอย่างเงียบๆ และดูธรรมดา ตกกลางคืนก็ออกจากโรงแรมไปถึงนิทรรศการก็โบกแท็กซี่เอา ใจกลางนิทรรศการใหญ่มาก ตั้งอยู่ท่ามกลางตึกใหญ่มากมาย ความเจริญของเมืองใหญ่ไม่อาจถูกลดทอนความหรูหราลงได้เพียงเพราะว่าเป็นเวลากลางคืน ตึกของคูเมือง เมื่อตกกระทบกับน้ำก็ส่องแสงระยิบระยับอยู่ใต้ดวงไฟ ทำให้บรรยากาศดูคึกคักขึ้นกว่าเดิม
เมื่อมาถึงทางเข้าสถานที่จัดงานแล้ว ก็มีป้ายชี้บอกทางขนาดใหญ่ บนนั้นก็มีรูปภาพเหมือนในการ์ดเชิญทั้งหมด ด้านล่างมีตัวหนังสือเพิ่มมาอีกประโยคเป็นการแปลคำในการ์ด
บัตรเชิญนี้ในแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน โดยการใช้ภาษาในการจัดทำที่แตกต่างกัน เพราะว่าคุณนายเวลเลี่ยนให้การช่วยเหลือหลินซินเหยียน ดังนั้นเมื่อบัตรเชิญถูกส่งออกไป ผลตอบรับที่ส่งกลับมาก็ได้ผลไม่น้อย หลังจากที่หลินซินเหยียนได้สร้างชื่อเสียงแล้ว แน่นอนว่าคนแรกที่มาถึงนิทรรศการเสื้อผ้า ก็คือคนแรกที่เห็นแววหลินซินเหยียน นั่นก็คือคุณนายเวลเลี่ยน และยังเปลี่ยนเสื้อผ้าและการแต่งกายเป็นชุดกี่เพ้า ที่บรรจงปักเป็นรูปวิจิตรงดงาม ประกอบกับผ้าคลุมไหล่สีเรียบอ่อน ทำให้ความสง่างามและภูมิฐานของหญิงสูงวัยนั้นถูกขับให้เด่นออกมา
ไฟในโถงใหญ่นั้นสว่างไสว ย้อมทั่วบริเวณราวกับว่าเป็นช่วงเวลากลางวัน นักข่าวที่มาจากทั่วโลกกำลังตรวจเช็คความเรียบร้อยกล้องของตัวเอง ผู้ที่มาร่วมงานนี้มาจากหลากหลายอาชีพ ทั้งด้านชุดแต่งงาน ด้านสตูดิโอถ่ายภาพ อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเครื่องแต่งกายก็จะมารวมกันที่นี่ งานครั้งนี้ชื่อเสียงตึกก้องไปทั่ว คนที่มางานจึงเยอะเป็นธรรมดา
ตอนนี้ในโถงเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เจอแต่คนเต็มไปหมด พนักงานที่คอยช่วยรับผิดชอบ ก็ใส่เครื่องแบบที่ผมจะเตรียมไว้แล้ว ทำให้คนที่มาร่วมงานมองออก จากนั้นพวกเขาก็ยืนทำหน้าที่อยู่หน้าเวทีT ก่อนจะจัดวางแผ่ผ้ากำมะหยี่สีขาว บนนั้นก็จัดวางเหล้าชั้นดีและของว่างหลากสีไว้มากมาย ทั้งสองข้างก็เป็นเก้าอี้ที่วางเรียงกัน ถูกเตรียมไว้สำหรับคนที่มาร่วมงาน เพื่อที่จะได้นั่งขณะชมนิทรรศการ
ขณเนี้โถงใหญ่ก็มีเสียงผู้คนดังระงม ทันใดนั้นก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้น บนเวทีTก็มีไฟสว่างขึ้นมา และก็มีพิธีกรที่ใส่สูทสีดำมาตรฐานออกมาต้อนรับบนเวที ด้านข้างก็มีพิธีกรหญิงอีกหนึ่งคน เธอสวมกี่เพ้าสีแดงที่เป็นสาบเสื้อสลับข้าง ตัวเสื้อนั้นยาวไปจนถึงข้อเท้า พร้อมสวมส้นสูงยาวสิบเซนติเมตร ทำให้ตัวคนสวมใส่ดูสูงเพรียวและสวยงามอย่างมีราศี
คนหนึ่งใส่สีดำอีกคนใส่สีแดง สองสีที่ต่างกันอย่างลงตัว ส่งผลลัพธ์ให้ออกมาดูสะดุดตาและน่ามอง แสงไฟสาดตามก้าวเดินของพิธีกรทั้งสองคน พิธีกรชายได้หยิบใหม่ขึ้นมาก่อน เนื่องจากจุดเด่นเพื่อชูสไตล์ความเป็นประเทศZ ดังนั้นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารทุกกระบวนการคือภาษาของประเทศZ ด้านข้างของเวทีTก็จะมีล่ามแปลภาษายืนอยู่ เมื่อพิธีกรเริ่มพูด ล่ามก็จะทำการแปลภาษาออกมา
” ในค่ำคืนนี้ที่ท้องฟ้าสาดส่องไปด้วยดวงดาว สวัสดีท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษอ่ะทุกท่านที่มาจากแต่ละประเทศทั่วโลกนะครับ ขอบคุณที่พวกท่านได้มาร่วมงานในวันนี้ ”
เมื่อพิธีกรชายลดไมค์ลง พิธีกรหญิงก็ยกใหม่ขึ้นมาด้วยท่าทางที่สง่างาม ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ก้องกังวานและไพเราะ ” ในฤดูกาลที่เต็มไปด้วยความคึกคัก เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง และเต็มไปด้วยความฝัน ได้ทำให้เรามาอยู่รวมกัน ขอบคุณทุกท่านที่มาถึงที่นี่ ที่มาร่วมงานนิทรรศการเสื้อผ้าระดับนานาชาติครั้งนี้ด้วยกันนะคะ ”
เมื่อพิธีเปิดงานผ่านไปแล้ว มันเป็นอากาศก็เริ่มคึกคักขึ้นเรื่อยๆ พิธีกรชายจึงเริ่มพูดอีกครั้ง ” เชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านนั่งประจำที่ได้ครับ ในเวลาสองทุ่มสามสิบนาที《เมฆาในคืนจันทรา》เราจะเปิดม่านโลกทัศน์ของนิทรรศการนี้เป็นครั้งแรก ”
พิธีกรหญิงก็เสริมต่อ ” ทำให้พวกเรารอคอยที่จะได้ชื่นชมมาเลยทีเดียวนะคะเนี่ย ”
จากนั้นพิธีกรทั้งสองคนก็ถอยหลังไป แขกที่ร่วมงานก็นั่งลง ซูจ้านและพวกเขาสามคนนั่งอยู่โซนด้านขวาอยู่ตรงมุมแถวหลังสุด จากนั้นแสงไฟก็มืดลง
โดยรอบมีเพียงความมืดมิดจนมองอะไรไม่เห็น จากนั้นก็ได้ยินเสียงขิมโบราณขับบรรเลงออกมาเป็นเพลง《ภูผาในวารา》ทำให้ผู้คนตกใจ จากนั้นก็ค่อยๆเงียบลง เหลือเพียงความไพเราะอ่อนหวาน เต็มไปด้วยศิลปะและท่วงทำนองของบทเพลง ที่ขึ้นลงไปมาตามจังหวะของมัน ในตอนท้ายของบทเพลงนั้น ไฟทั้งสองข้างของเวทีTสว่างวาบขึ้นมาทันใด ก่อนจะมีแสงไฟที่ดูนวลสบายตาสาดลงมาทั่วทั้งเวที
จากนั้นเริ่มโชว์ด้วยการให้นางแบบจาก ประเทศZสองคนขึ้นมาบนเวที นางแบบได้สวมใส่ชุดแต่งงานสไตล์จีนสีแดงและสีชมพู ทั้งสองหุ่นดีไม่มีที่ติ ค่อยๆ สาวเท้าเดินเข้ามา พวกเธอเดินมาอย่างอ่อนช้อย ทำให้แสดงความสวยหยาดเยิ้ม ความขวยเขินของหญิงสาวแสดงสู่สายตาผู้คนที่กำลังดูอยู่ ก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงหน้าเวที ก่อนที่พิธีกรที่ยืนอยู่ข้างๆ จะบรรยาย ” ประเทศZมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาห้าพันกว่าปี และทิ้งร่องรอยวัฒนธรรมไว้อย่างยาวนาน ครั้งนี้《เมฆาในคืนจันทรา》จะพาพวกเราไปพบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ครับ ”
แต่ก่อนเดิมทีชุดแต่งงานที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณจะมีลักษณะค่อนข้างโคล่งและใหญ่ แต่หลินซินเหยียนได้หยิบยกลักษณะการตัดเย็บของฝั่งตะวันตก และการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ก็ทำให้สามารถชูรูปร่างอันสวยงามและเพอร์เฟคของเจ้าสาว อีกทั้งยังโชว์ความสุภาพเรียบร้อยในรูปแบบวัฒนธรรมของประเทศZได้ในเวลาเดียวกัน ในนั้นยังเต็มไปด้วยความทันสมัย ดูชั้นสูง ไม่ทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกคร่ำครึ อยู่ในกรอบเดิมๆ แต่กลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
การออกแบบเช่นนี้ช่างทำให้ผู้คนตกตะลึงอย่างแท้จริง
ชุดแต่งงานแนวตะวันตกดูสะอาดบริสุทธิ์ แต่ก็มีความเคร่งขรึม ผู้คนมักให้ความสำคัญกับรูปแบบชุดแต่งงานมากกว่า สำหรับชุดแต่งงานสไตล์จีนนั้น ผู้คนมักจะมองถึงสัญลักษณ์และแพทเทิลบนชุดพิธีการ จะค่อนข้างให้ความสำคัญถึงความหมายโดยนัยของสัญลักษณ์นั้น สัญลักษณ์ที่ไม่เหมือนกันความหมายที่จะสื่อก็ต่างกัน หงส์และมังกรมีความหมายที่แฝงด้วยพลังและความมงคล นกยวนยังแสดงถึงความรักที่ภักดีต่อกันและความดีงาม
กระโปรงที่ถูกปักด้วยมือนั้นมีสีสันสดใสสวยงาม อีกทั้งยังมีแสงสะท้อนที่ให้ความรู้สึกมีมิติ และพวกด้ายเงินด้ายทองที่ดูเป็นเส้นละเอียด ราวกับสัญลักษณ์พวกนั้นมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ ทำให้คนที่มองดูรู้สึกถึงความสง่าและเลิศล้ำ ถึงแม้งานชิ้นนี้จะกินทั้งเวลาและแรงคน แต่ไม่ว่าวันเวลาหรือสิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนไป ก็ไม่สามารถสูญเสียความมีเสน่ห์ดึงดูดที่มีอยู่หนึ่งเดียวในตัวมันได้
และยังให้ความรู้สึกถึงการสืบทอดในความหมายโดยสิ้นเชิง
สุดท้ายก็มีโชว์งานแสดงงิ้วปิดท้าย
ชุดนี้ให้ความใกล้เคียงกับประวัติศาสตร์มากขึ้น แต่ว่ารายละเอียดได้เล็กๆ น้อยๆ มีการเปลี่ยนแปลงไป เกาะอกใช้ด้ายสีทองร่างเค้าโครงให้ออกมาเป็นดอกบัวที่กำลังผลิบาน แขนเสื้อก็ถูกไหมปักให้เป็นสัญลักษณ์ที่ดูวิจิตรงดงาม ส่วนปากกระบอกเสื้อก็ใช้วิธีปักเช่นเดียวกัน ใช้สีแดงบ่งบอกถึงความมงคลและเฉลิมฉลอง ให้เป็นแบบสไตล์จีนที่ดูอ่อนหวาน ทำให้เห็นถึงความนุ่มละมุนของผู้หญิง เสื้อคลุมก็ยาวลากพื้น พลิ้วไหวตามจังหวะก้าวเดินของนางแบบ สวยงามจนผู้คนต้องสั่นสะท้าน