กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 517หัวใจของเขาอ่อนยวบ
เป็นห่วงเสิ่นเผยซวนขนาดนี้ ถ้าจะบอกว่าไม่ได้คิดอะไร เขาไม่เชื่อหรอก ไม่ใช่สิ ที่จริงแล้วพวกเขาทั้งสองคนนั้นมีอะไรบางอย่างอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะจูบกันต่อหน้าคนมากมายได้ยังไง?
จากสีหน้าของซูจ้านแล้ว ซางหยูสามารถเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เธอรีบอธิบาย “เพราะว่าฉันทำให้หัวหน้าเสิ่นต้องมาเดือดร้อนด้วย เรื่องนี้น่าจะส่งผลกระทบต่อเขาเยอะอยู่ใช่ไหมคะ?”
“แน่นอน เพราะว่าสถานะเขาค่อนข้างจะพิเศษ”ซูจ้านฉลาดเรื่องของคนอื่นจะตาย แม้ว่ามันจะสามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที แต่ว่าเขาก็อยากพูดให้สถานการณ์ของเสิ่นเผยซวนมันดูรุนแรง แบบนี้จะได้ทำให้ซางหยูรู้สึกผิดต่อเสิ่นเผยซวนมากยิ่งขึ้น จะได้เร่งให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาอย่างรวดเร็ว
เขาแอบคิดอยู่เงียบๆ ในใจ เขาน่าจะเป็นคนที่ดีที่สุดในโลกใบนี้แล้ว ผู้ชายที่จะมาเป็นพี่น้องกับเขาได้ ต้องอาศัยบุญจากชาติที่แล้ว ใครจะเป็นเหมือนเขาได้อีก ที่เขาทำงานอย่างหนักเพื่อเรื่องสำคัญในชีวิตของพี่น้อง?
“เฮ้อ ไม่แน่ว่าตอนนี้เสิ่นเผยซวนอาจจะกำลังโดนดุอยู่ก็ได้ ถ้าเกิดว่าเรื่องร้ายแรง มันอาจจะส่งผลต่ออาชีพของเขาได้เลย”ซูจ้านถอนหายใจออกมา พยายามพูดให้เรื่องราวดูร้ายแรง
ซางหยูกัดริมฝีปากอย่างอารมณ์เสีย รู้สึกว่ามันเป็นความผิดของเธอเองที่ทำร้ายเขา
“ฉันเจอเขาได้ไหมคะ? ”ถึงยังไงอายุเธอก็ยังน้อย จะไปเป็นคู่ต่อกลอนกับซูจ้านได้ยังไงกัน แค่พูดไม่กี่คำก็ทำให้เธอตะลึงไปได้แล้ว ตอนนี้เธอรู้สึกเพียงแค่ตื่นตกใจเท่านั้น
ซูจ้านตอบ “เดี๋ยวฉันพาเธอไปที่นึงก่อนแล้วกัน แล้วจะติดต่อเขา ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเขาจะมีเวลาออกมาเจอพวกเราหรือเปล่า”
พอออกมาจากมหาลัย ซูจ้านกับเธอก็ยืนรอแท็กซี่อยู่ริมถนน เขามองซางหยู “ถ้าเกิดว่าต้องการความช่วยเหลือจากเธอ ขอให้เธอช่วยให้ความร่วมมือด้วยนะ”
“แน่นอนค่ะ ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างแน่นอน ขอแค่สามารถแก้ไขเรื่องเดือดร้อนที่ฉันสร้างขึ้นให้เขาได้”ซางหยูตอบอย่างรวดเร็ว เหมือนกับเป็นการรับรองปณิธานอันแน่วแน่ให้ซูจ้านฟัง กลัวว่าท่าทางของตัวเองจะชัดเจนไม่พอ แล้วทำให้เขารู้สึกสงสัย
“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอก พวกเราจะช่วยเขาได้”ซูจ้านยิ้ม รู้สึกว่าตัวเองน่าจะกดดันเธอมากเกินไป ตอนนี้หน้าเธอซีดจนไม่มีเลือดฝาดแล้ว
ตอนนี้เองมีแท็กซี่ผ่านมาคันนึง ซูจ้านยื่นมือออกไปโบก และแท็กซี่คันนั้นก็จอดลงอย่างรวดเร็ว ซูจ้านเปิดประตูหลังและให้ซางหยูเข้าไปนั่งก่อนอย่างเป็นสุภาพบุรุษ พอซางหยูเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้วเขาถึงจะขึ้นไปนั่งบ้าง ตอนปิดประตูนั้นเขาก็มองไปด้านหน้า “ไปว่านเยว่กรุ๊ปครับ”
“ได้ครับ”คนขับแท็กซี่สตาร์ทรถแล้วออกตัวอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางไปว่านเยว่นั้น ซูจ้านก็แนะนำตัวกับซางหยู “ฉันกับเผยซวนเป็นพี่น้องกัน เธอก็น่าจะรู้อยู่”
ซางหยูพยักหน้า มือของเธอกุมกันไว้ รู้สึกไม่สบายใจ เธอรู้สึกเป็นห่วงเสิ่นเผยซวน
“ฉันจะแนะนำตัวหน่อยแล้วกัน ฉันชื่อซูจ้าน เธอเรียกฉันว่าซูจ้านเหมือนที่เผยซวนเรียกก็ได้ ฉันเป็นทนาย มีสำนักงานกฎหมายเป็นของตัวเอง แต่ว่าฉันไม่ได้ทำคดีด้วยตัวเองมานานแล้ว”
ซางหยูเม้มปาก เธอไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าเธอฟังคำพูดของซูจ้าน วันนั้นที่ร้านอาหารเช้า เธอก็รู้อยู่แล้วว่าพวกเขาทั้งสามคนไม่ใช่คนธรรมดา
“แล้วเธอล่ะ จะไม่แนะนำตัวเองหน่อยเหรอ? ”ซูจ้านยิ้มพร้อมกับถาม
ซางหยูก้มหน้าต่ำกว่าเดิม ต่อหน้าของพวกเขา เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ตัวเธอกับพวกเขาไม่ได้อยู่ในโลกใบเดียวกัน สัญชาตญาณของเธอรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธอพูดเสียงเบาว่า “ฉันไม่มีญาติคนไหน พ่อก็เสียไปแล้ว แม่ก็ต้องโทษจำคุก”
ซูจ้านยังไม่เคยถามเสิ่นเผยซวนเกี่ยวกับเรื่องของซางหยูอย่างละเอียด แต่ว่าเขาก็ไม่สนใจเกี่ยวกับภูมิหลังของครอบครัวหรอก ใครกันที่ไม่อยากให้พ่อแม่มีชีวิตอยู่ ใครกันที่ไม่อยากโตมาในครอบครัวที่มีความสุข?
แต่ว่าการที่จะเกิดมาในครอบครัวแบบไหนนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถเลือกได้ อย่างเช่นเขา ในสายตาของคนนอก เขาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย มีธุรกิจของตัวเอง หน้าตาก็ใช้ได้ ตราบใดที่เต็มใจก็สามารถหาผู้หญิงแต่งงานแล้วก็มีลูกได้
แต่ว่า เขาเองก็มีความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบอกใครได้
เขาตบไหล่ของซางหยูเบาๆ แล้วก็บอกเธอ “ไม่ต้องคิดว่ามีอะไรหรอก ที่จริงแล้วคนอื่นก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ เสน่ห์ต่างๆ มันก็เป็นแค่ของภายนอก ใครก็มีเรื่องทุกข์ทั้งนั้นแหละ”
ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของฉินยา ความคิดของซูจ้านก็ชัดเจน จะพูดหรือทำอะไรมีกฎระเบียบอย่างมาก ทำให้คนอื่นรู้สึกมั่นคงหนักแน่น
แต่พอได้เจอกับเรื่องของฉินยา เขาก็กลายเป็นคนโง่มาก
ซูจ้านพูดเก่งมาก เห็นได้ชัดว่าซางหยูไม่กังวลขนาดนั้นแล้ว
พวกเขาคุยกันไปคุยกันมารถก็แล่นมาถึงตึกใหญ่ของว่านเยว่กรุ๊ป ซูจ้านจ่ายเงินแล้วก็ลงจากรถ
เขาไม่ได้ลงไปทันที แต่ก็เปิดประตูให้ซางหยูลงมาด้วย
ซางหยูโค้งตัวลงมาจากรถ ยืนอยู่ริมถนนแล้วเงยหน้าขึ้นมองตึกใหญ่ระฟ้า มันสูงทะลุก้อนเมฆไปเลย กลายเป็นอาคารแลนด์มาร์คบนถนนสารเศรษฐกิจของเมืองB
สถานที่แบบนี้เธอเคยเห็นแค่ไกลๆ ไม่เคยอยู่ใกล้ขนาดนี้มาก่อน
แม้แต่ไม่เคยคิดเลยว่า วันหนึ่งตัวเองจะได้เข้ามาในที่แบบนี้
ซูจ้านยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ไม่ต้องเขินนะ ในนี้ก็ไม่ใช่คนนอกอะไร เหมือนฉันกลับเสิ่นเผยซวนนั่นแหละ วันนี้ต้องมาขอความช่วยเหลือจากเขา ดังนั้นก็เลยต้องพาเธอมาด้วย”
ซางหยูตอบรับ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขอแค่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้เร็วที่สุด ให้ฉันทำอะไรก็ได้”
เธอแสดงให้เห็นจุดยืนของตัวเองอีกครั้ง
ในใจของซูจ้านรู้สึกดีใจแทนเสิ่นเผยซวน เด็กสาวคนนี้ดูเหมือนยังเด็ก แต่ว่าเธอมีความรับผิดชอบมาก ครอบครัวไม่ดี แต่ว่าเสิ่นเผยซวนก็ไม่ได้จะแต่งงานกับครอบครัวของเธอสักหน่อย ขอแค่เธอเป็นคนดีก็พอแล้ว
เขาตบหัวของตัวเองเบาๆ คิดเยอะเกินไปแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องนี้ “พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
เขาคุ้นเคยกับที่นี่ดี พนักงานต้อนรับก็ไม่ห้ามเขา เขาพาซางหยูขึ้นไปชั้นบนสุดอย่างรวดเร็ว กวนจิ้งกำลังออกมาจากห้องของประธานพอดี เขาเรียกกวนจิ้งถามว่าจงจิ่งห้าวอยู่ไหม
“เพิ่งจะกลับมาครับ อยู่ด้านใน”ตอนที่กวนจิ้งพูดอยู่นั้น สายตามองผ่านเขาไป มองซางหยูที่อยู่ด้านหลังของเขา เขายิ้มและพูดว่า “เสิ่นเผยซวนซ่อนไว้ลึกมาก”
เขาไม่รู้เลยว่าเสิ่นเผยซวนมีผู้หญิงแล้ว แถมยังเป็นวัยรุ่นขนาดนี้ ได้ยินมาว่าเป็นนักศึกษาปี 1 ถ้าเกิดว่าชายแก่คนนี้ไม่ริเริ่ม หรือว่าพอเริ่มก็หาว่า ‘ล่อลวง’ ถ้าเกิดว่าไม่เห็นในข่าว เขาคงจะคิดว่าเสิ่นเผยซวนชอบผู้ชายจริงๆ
ซูจ้านมองกวนจิ้งอย่างจริงจัง แล้วเอ่ยปาก “เก็บสีหน้าหน่อย”
เขายังไม่ทันจะได้คบกันเลย เดี๋ยวเธอก็ตกใจจนหนีไปหรอก
กวนจิ้งกระแอมเบาๆ คิดว่าเมื่อกี้สายตาของตัวเองน่าจะเปิดเผยเกินไปหน่อย “เข้าไปเถอะครับ” เขาถอนหายใจออกมา “ผมต้องไปถูกขูดรีดต่อ”
เขาต้องยุ่งวุ่นวายเหมือนหมาทุกวัน
“ให้เขาขึ้นเงินเดือนให้สิ”ซูจ้านแกล้งเขา
กวนจิ้งหน้าตึงในทันที “ไม่พูดจาเรื่อยเปื่อยกับคุณแล้ว”พอพูดจบเขาก็เดินออกไป เงินเดือนของเขายังเยอะกว่าเงินเดือนของหัวหน้าบริษัทเล็กๆ เยอะ
เขาเองก็มีเงินเหมือนกัน ไม่ได้น้อยไปกว่าซูจ้านเลย อาจจะมีเงินเยอะกว่าซูจ้านซะด้วยซ้ำ
ซูจ้านเองก็ไม่ได้ไปพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับเขาต่อ พาซางหยูเคาะประตูห้องทำงาน จงจิ่งห้าวกำลังอ่านข่าวอยู่พอดีเราก็ตอบรับด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ “เข้ามา”
เขาผลักประตูแล้วก็พาซางหยูเดินเข้าไปข้างใน จงจิ่งห้าวไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา เขากำลังอ่านข่าวของเสิ่นเผยซวนอยู่ เสื้อผ้าของเขายังเป็นชุดเดิม เสื้อผ้าหลุดลุ่ยดูไม่ได้ สีหน้าก็ดูเหน็ดเหนื่อย 2 วันมานี้เขายังไม่ค่อยได้พักผ่อนเท่าไหร่นะ พอกลับมาจากเมืองC ก็ตรงมาที่บริษัทเลย
“เรื่องนี้มันจัดการยากมาก ตอนนี้เป็นกระแสอย่างรุนแรง ค่อนข้างจะกระทบกับเผยซวน”ซูจ้านมองผู้ชายที่นั่งอยู่หน้าคอม คิ้วของเขาก็เลิกขึ้น เขาไม่ค่อยเห็นจงจิ่งห้าวในสภาพนี้ หนวดเคราตรงคางก็เริ่มขึ้นมาอย่างชัดเจน ท่าทางที่ดูหยาบของเขาเผยให้เห็นความเป็นผู้ชาย
เพราะมีความคิดนี้ออกมา ซูจ้านก็เกือบจะตบหน้าตัวเอง เขาเป็นผู้ชาย รสนิยมทางเพศของเขาก็ปกติดี การยอมรับว่าจงจิ่งห้าวหล่อ สมองเขาผิดปกติไปแล้วหรือเปล่า?
เขาคิดในใจเงียบๆ หรือว่านี่มันคือเสน่ห์ที่ ‘น่าเกลียด’ของผู้ชายในตำนานหรือเปล่า?
จงจิ่งห้าวละสายตาจากหน้าจอคอม เขาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา เราก็เห็นซางหยูที่อยู่เงียบๆ อยู่ด้านหลังของซูจ้าน แต่ว่าเขามองเธอไม่ถึง 1 วินาทีด้วยซ้ำ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็โทรให้เลขาต่อสายให้แผนกประชาสัมพันธ์ “ต่อสายหัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ให้ผมหน่อย”
มือของเขาถือโทรศัพท์ แต่ว่าสายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์
หน้าจอโทรศัพท์ของเขานั้นมีรูปภาพอยู่รูปหนึ่ง เป็นภาพที่เขาจับมือของหลินซินเหยียนอยู่
ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาหลินซินเหยียนยังคงหลับสนิท ตอนที่เขานั่งอยู่ข้างเตียงแล้วมองเธอนั้น ก็จับมือเธอไว้แล้วก็ถ่ายรูปมา มือของเธอนั้นช่างเล็กจริงๆ เขาจับมือเธอไว้ในฝ่ามือของเขา นิ้วของเธอนั้นเรียวยาว ข้อต่อชัดเจน เล็บไม่ได้เสริมเติมแต่งตามแฟชั่น มันถูกตัดแต่งอยากสะอาดเรียบร้อย ดูดีเป็นอย่างมาก
พอมองแบบนี้ เขาก็ยังรู้สึกได้ว่าความรู้สึกตอนที่เขากุมมือของเธอเอาไว้นั้น มันทำให้หัวใจของเขาอ่อนยวบ