กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 534 หลบไม่พ้น
“ฉันมีของชิ้นนึง จะส่งไปให้นายที่บริษัท หรือว่านายจะมาเอา?”เสียงของฉินยาดังขึ้น
ที่จริงแล้วจนถึงตอนนี้ฉินยาก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงได้ให้ซูจ้านออกหน้ามาพาเด็กทั้งสองคนไป
แล้วก็ยิ่งไม่รู้ว่าเขาไปที่ไป๋เฉิง
“ของอะไรเหรอ?”จงจิ่งห้าวมองออกไปนอกหน้าต่าง ตามตำแหน่งที่เฉิงยู่เวินส่งมาให้ ทางข้างหน้า ยิ่งมองยิ่งไม่เหมือนทางที่จะมีโรงพยาบาลได้
“คุณนายจงได้รับพัสดุ คนรับคือหลินซินเหยียน แต่ว่าบนนั้นไม่ได้เขียนชื่อหรือที่อยู่ หลังจากที่พี่หลินเห็น ก็ให้ฉันเอามาให้นาย ส่วนข้างในคืออะไรฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ยังไม่ทันจะพูดจบเธอก็อธิบายอีก “ที่อยู่ไหนก็ให้ซูจ้านมาพาเด็กทั้งสองคนไป เธอก็น่าจะรู้ตัวแล้วล่ะ”
จงจิ่งห้าวรู้ว่าการที่ซูจ้านปรากฏตัวที่ที่อยู่ของเธอ เธอก็น่าจะสังเกตได้ เสิ่นเผยซวนส่งข้อความมาหาเขาบอกว่า คดีของเหวินชิงอีกไม่กี่วันก็จบแล้ว
เพราะฉะนั้นเขาก็เลยคิดว่า พอเขากลับมาจากไป๋เฉิง คดีของเหวินชิงก็จะถูกตัดสินแล้ว
“เอาไว้ที่เธอก่อนแล้วกัน พาฉันไปเธอค่อยเอาให้ฉัน”
เขามาที่ไป๋เฉิงก็ใช้เวลาประมาณชั่วโมง พอเยี่ยมจงฉีเฟิงเสร็จก็ต้องกลับไป ตอนนี้เขาก็ไม่ได้อยู่ที่เมืองB ส่งไปที่บริษัทเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไร
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ พอนายมาแล้วค่อยติดต่อฉันมาแล้วกัน”
“ที่นี่จะมีโรงพยาบาลเหรอ?”ซูจ้านขับรถอยู่ด้านหน้า พร้อมกับมองไปด้านหลัง “สถานที่นี้มันค่อนข้างคุ้นตานะ”
ฉินยาที่อยู่อีกฝั่งนึงได้ยินเสียงของซูจ้าน เธอพูดว่าถ้าไม่มีอะไรก็วางสายแล้วนะ แล้วเธอก็วางสายไปในทันที
จงจิ่งห้าวเก็บโทรศัพท์ เขาสังเกตเห็นแต่แรกแล้วว่า ที่นี่เหมือนสถานที่ที่หลินซินเหยียนไปเรียนการทำผ้าไหมกวางตุ้งกับเฉิงยู่เวิน
“ไปตามที่อยู่เถอะ”คิดว่าจงฉีเฟิงจะไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาล
หลังจากขับรถไปตามถนนปูนซีเมนต์ได้สักพัก ก็ได้เห็นบ้านหลังนึง พื้นที่ขนาดใหญ่มาก ลักษณะอาคารดูโดดเด่น เป็นบ้านสไตล์จีนที่ดูมีสง่าราศีมาก
“ที่นี่ที่ไหนกัน?”ซูจ้านสงสัย
“ที่นี่คือบ้านของคุณย่า”จงเหยียนเฉินต่อ ครั้งที่แล้วหลินซินเหยียนเคยพาเขากับน้องสาวมาที่นี่ เขาก็เลยรู้
ซูจ้านมองเขาผ่านทางกระจกหลัง แล้วสายตาก็มองไปที่จงจิ่งห้าว ชัดเจนว่าย่าของจงเหยียนเฉินก็คือเฉิงยู่ซิ่ว ถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็คือบ้านของตระกูลเฉิงเหรอ?
สีหน้าของจงจิ่งห้าวไม่ได้ดูผันผวน ถึงแม้จะมีความกังวลในหัวใจ แต่ว่าก็ไม่ได้ปรากฏบนใบหน้าของเขา
รถจอดลงที่หน้าบ้าน เขาเปิดประตูและลงมาจากรถ พอได้มาในสถานที่ที่เคยมา เด็กทั้งสองคนก็อดมีความสุขกับความรู้สึกที่ได้มาเยือนถิ่นเก่าไม่ได้ แล้วก็รีบลงมาจากรถ
“คุณปู่อยู่ด้านไหนเหรอคะ?”จงเหยียนซีถาม
“น่าจะใช่นะ”จงฉีเฟิงมาที่ไป๋เฉิง สถานที่ที่จะสามารถพักอาศัยได้ก็คงจะเป็นบ้านตระกูลเฉิงแหละ
ตอนนี้เองเฉิงยู่เวินก็เดินออกมาจากบ้าน เพราะเห็นว่าเด็กน้อยทั้งสองคนมาด้วย ก็ก้าวเดินด้วยความเร็ว “ว้าว พวกหนูทั้งสองคนก็มาด้วยเหรอ”
“พวกเรามาหาคุณปู่” เด็กน้อยทั้งสองคนตอบพร้อมกัน
“โอเค โอเค โอเค”เฉิงยู่เวินพูดว่าโอเคติดกัน 3 ครั้ง เห็นได้ชัดว่าเขาดีใจแค่ไหน
ตอนนี้ความจริงทุกอย่างมันกระจ่างชัดเจนแล้ว จงจิ่งห้าวสามารถพาลูกเข้ามาที่ตระกูลเฉิงได้ แล้วเขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไรกัน?
เขามีความสุขมาก ตอนที่เงยหน้าขึ้นมองจงจิ่งห้าวนั้น กลับพบว่าเขาไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับเขา ยังคงเฉยเมยเหมือนปกติ
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไปเล็กน้อย แต่ว่าตอนมองเด็กทั้งสองคนเขาก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง “เข้าไปกันเถอะ”
เมื่อก้าวขึ้นบันได ข้ามธรณีประตู ซูจ้านก็มองไปรอบๆ แล้วก็ทอดถอนใจออกมา
แค่มองไปรอบๆ บ้านหลังนี้ ก็เห็นแล้วว่าเมื่อก่อนตระกูลเฉิงเคยเป็นครอบครัวที่ใหญ่โต แล้วก็มีภูมิหลังมากมาย อาคารแบบนี้ดูเหมือนว่าบรรพบุรุษจะสร้างไว้มากกว่า ในปัจจุบันมีน้อยมากที่จะสามารถมีบ้านที่พื้นที่ใหญ่ขณะนี้ได้
“ว้าว ชิงช้าของหนูยังอยู่เลย”พอเข้ามาในบ้าน จงเหยียนซีก็ปล่อยมือพ่อของตัวเอง แล้วก็วิ่งไปทางชิงช้าใต้ต้นไม้
จงจิ่งห้าวมองลูกสาว ในใจก็คิดว่า ครั้งก่อนที่มาไป๋เฉิง หลินซินเหยียนหาข้ออ้างพาพวกเขาออกมา น่าจะมาที่นี่แหละ เธอรู้ความลับทั้งหมดจากที่นี่
“พ่อของคุณอยู่บ้านหลังนั้น เขารอคุณอยู่ด้านใน อยากเจอคุณมาก กลัวว่าคุณจะไม่มา ก็เลยบอกให้ผมบอกคุณว่าเขาไม่สบายอยู่โรงพยาบาล” เฉิงยู่เวินอธิบาย
ตอนที่จงจิ่งห้าวพบว่ามันไม่ใช่ทางที่จะไปโรงพยาบาล ก็สามารถคาดเดาได้แล้ว เขาตอบอย่างนิ่งเรียบ “ซูจ้าน ฝากดูลูกๆ ด้วยนะ”
“วางใจเถอะผมก็อยู่นี่” เฉิงยู่เวินรีบพูด ที่นี่คือบ้านตระกูลเฉิง พวกเขามาที่นี่ เขาก็มีหน้าที่ที่จะดูแลพวกเขาให้ดี
ไม่ใช่ว่าจงจิ่งห้าวไม่เชื่อใจเขา แต่ว่ายังไม่เคยคบค้าสมาคมกับเขาเท่าไหร่ ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา ก็เลยเอนเอียงไปหาซูจ้าน
ซูจ้านพยักหน้า “แกเข้าไปเถอะ”
เขาตอบรับ
เฉิงยู่เวินรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาถอนหายใจออกมาช้าๆ ซูจ้านอธิบายแทนจงจิ่งห้าว “เขาก็นิสัยแบบนี้แหละครับ อย่าไปถือสาเลย”
“เชิญนั่งครับ” เฉิงยู่เวินไม่ได้พูดต่อ เฉิงยู่เวินวางเก้าอี้และโต๊ะหวายไว้ใต้ต้นไม้ ด้านบนก็มีน้ำดื่มจากกาต้มน้ำ เขาเทน้ำให้ซูจ้านแก้วนึง “ระหว่างทางมานี้คงเหนื่อยน่าดู”
ซูจ้านตอบว่ายังพอโอเค
ทางด้านนี้ จงจิ่งห้าวเดินเข้าไปในห้อง ของตกแต่งภายในดูเหมือนห้องส่วนตัวของหญิงสาว จงฉีเฟิงอยู่ตรงหน้าต่าง ห่มผ้าห่มบางๆ ที่ขาของเขา นั่งอยู่บนเก้าอี้โยก ผมที่ดำขลับในสมัยวัยรุ่นเหมือนกับถูกหิมะในหน้าหนาวตกลงมาใส่ ผมขาวไปทั้งศีรษะ รอยย่นบนใบหน้าของเขาเพิ่มขึ้นจากอดีต
“มาแล้วเหรอ”จงฉีเฟิงไม่ได้หันหน้ามา
จงจิ่งห้าวไม่ได้ตอบ ได้แต่เดินเข้าไปเงียบ เขาเรียกตัวเองมา แสดงว่ามีเรื่องที่จะคุยด้วย
ตอนนี้ เขาอยากที่จะเป็นผู้ฟังมากกว่า
เขายืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่าง มองไปที่ป่าเขานอกหน้าต่าง ฤดูนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ ใบไม้เขียวชอุ่ม ทำให้เกิดร่มเงาขนาดใหญ่ แสงเงาสีดำปกคลุมไปทั่วพื้น
“แกน่าจะรู้ว่าที่นี่คือที่ไหน” จงฉีเฟิงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา เปลือกตาของเขาหย่อนคล้อย แล้วเขาก็ถอนหายใจยาว “ตลอดชีวิตนี้ ฉันทำเรื่องที่น่าเสียใจมาเยอะแยะมากมาย”
“ฉันหวังว่าแกจะไม่ทำผิดซ้ำอีก ต้องรอให้สูญเสียไปก่อนถึงจะมาเสียใจภายหลัง” เสียงของเขานั้นทุ้มต่ำและดูผ่านโลกมาอย่างโชกโชน เผยให้เห็นความอ้างว้างที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ชีวิตของเขา ถ้าเกิดมามองย้อนอย่างละเอียดแล้ว มันก็เหมือนเรื่องตลกอีกเรื่องหนึ่ง ดูเหมือนว่าไม่ได้ทำผิดต่อใคร แต่เพราะว่าเขาเด็ดเดี่ยวไม่พอ ถึงได้เกิดเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นมากมาย
ถ้าเกิดว่าตอนแรกทั้งๆ ที่เขารู้ว่าในใจของเหวินเสียนมีคนอื่นอยู่แล้ว และปฏิเสธการแต่งงานนั้นอย่างเด็ดขาด ก็จะไม่เกิดเรื่องทั้งหมดตามมาแบบนี้
“ตอนนั้นที่เธอแต่งงานกับฉัน ก็เพราะว่าแก 20 ปีที่ผ่านมาเราเหมือนสามีภรรยาที่รักกัน แต่ฉันกลับไม่รู้เลยว่า เธอไม่เคยรักฉันเลย”
ก่อนหน้านี้เธอกับไป๋หงเฟยต้องใจกัน แล้วก็เป็นรักแรกของกันและกัน เพราะแบบนี้ ไป๋หงเฟยถึงไม่เคยแต่งงาน สถานการณ์นี้มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ถ้าเกิดว่าไม่มีใครมาสร้างปัญหา บางทีพวกเขาอาจจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่าเลยก็ได้
เพราะรู้ว่าในใจของเธอมีรักแรกอย่างไป๋หงเฟยอยู่ แถมยังอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาบ้านเดียวกัน เขาก็แบกรับมันไว้เสมอ ภายหลังเพราะเขารู้ใจของตัวเอง แต่ก็ไม่เคยแสดงความรู้สึกกลับเฉิงยู่ซิ่วเลย
จนเธอจากไป เขาถึงได้รู้สึกเสียใจภายหลังเป็นอย่างมาก
เขาไม่อยากให้ลูกชายของตัวเอง ต้องมาทำเรื่องที่น่าเสียใจภายหลังเพราะว่าเรื่องของคนรุ่นก่อน
เขาพูดอย่างจริงจัง “ฉันคิดว่า ดูจากความรักที่เธอมีให้แก เธอต้องอยากให้แกมีความสุข ไม่ใช่เพื่อแก้แค้น แล้วไปทำร้ายคนที่แกชอบ แก่ก็ไม่ใช่เด็กเล็ก แกต้องรู้หัวใจของตัวเองอย่างแน่นอน”
“ ฉันเองก็เคยอยากจะหยุดเหมือนกัน ตอนแรกก็อยากให้แกแต่งงานกับคุณหนูตระกูลเหอ เพื่อที่จะตัดความยุ่งยากที่แกจะรู้ความจริงในภายหลัง……แต่ไม่คิดเลยว่า หลบไปหลบมา สุดท้ายก็ไม่สามารถหลบได้อยู่ดี บางทีมันอาจจะเป็นเพราะโชคชะตา จะหลบก็หลบไม่ได้”