กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 536 ทำไมถึงมีคนที่หน้าด้านกว่าเขาได้อีก
ผู้หญิงที่ทำให้จงจิ่งห้าวกลับลุงทะเลาะกันได้ ก็มีเสน่ห์แค่ไหนกันเชียว?
“คุณชายกู้คุณจะทำอะไรเหรอครับ?”พี่สี่ถาม
พี่สี่คือผู้มีอำนาจอันดับ 2 ที่อยู่ข้างกู้เป่ย คนแรกคือผู้จัดการ ตอนนี้ผู้จัดการเข้าพบไปแล้ว ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ก็คือเขา
กู้เป่ยพบว่าตัวเองถูกหลอกใช้ แล้วก็เกือบต้องเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ก็ให้พี่สี่ตามสืบเรื่องของจงจิ่งห้าว
ถึงแม้ว่าจะสืบไม่ได้ว่าสรุปแล้วจงจิ่งห้าวกลับเหวินชิงมีเรื่องไม่พอใจอะไรกันแน่ แต่ว่า กลับสืบพบหลินซินเหยียน
“ฉันอยากจะร่วมงานกับมันด้วยใจจริง แต่ว่ามันกลับหรอกใช้ฉัน ทำให้ฉันเกือบโดนลากเข้าไปมีเอี่ยวด้วย ทำให้ฉันโดนตาแก่นั่นด่าจนเละ ฉันกู้เป่ย เพลงคนไร้ประโยชน์ขนาดนั้นได้เหรอ?” กู้เป่ยฉีกยิ้ม เขาถอดเสื้อสูทของตัวเองออก เราก็ส่งสายตาให้พี่สี่ ฉันอยากเจอผู้หญิงของจงจิ่งห้าวซะหน่อย อยากเห็นว่าเธอมีเสน่ห์ยังไง ทำให้เขาไม่เอาแม้แต่ลุงของตัวเอง”
พี่สี่ก้มหน้า “แล้วคุณคิดจะทำอย่างไรล่ะครับ?”
“ก็เล่นบทวีรบุรุษมาช่วยสาวสวยดีไหม?”กู้เป่ยยิ้มอย่างเต็มไปด้วยแผนการ
พี่สี่เข้าใจในทันที ถ้าเกิดเขาไม่เข้าใจความคิดของเจ้านาย แล้วก็ถูกเจ้านายให้ความสำคัญได้ยังไง?
หลังจากเขาคิดแผนการในใจแล้ว ก็เปิดประตูรถและลงไป เดินเข้าไปหาหลินซินเหยียน ยืนอยู่ข้างๆ หลินซินเหยียน
เขายืนอยู่ใกล้เกินไป หลินซินเหยียนเดินเข้าไปด้านในเล็กหน่อย พี่สี่ก็เดินตามไป อาศัยตอนที่เธอไม่ทันระวัง สอบเข้ามือเธอไว้ พร้อมกับยิ้มแก้มปริ “สาวน้อย จะไปไหนเหรอ? ให้ฉันไปส่งไหม?”
หลินซินเหยียนกลัวจนสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที เธอพยายามสะบัดข้อมือที่ถูกเขาจับไว้ออก และก็ตำหนิด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง “ปล่อยฉันนะ!”
“ไม่ต้องตื่นเต้นไปหรอก ฉันเห็นว่าเธออยู่คนเดียว ไม่อยากให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนเหรอ?”พี่สี่ทำหน้าตาน่าสงสาร ยื่นมืออีกข้างหนึ่งไปพยายามจะกอดเธอ
หลินซินเหยียนหลบ นี่มือสกปรกของเขา เธอบังคับให้ตัวเองสงบลง ร่างกายของเธอแบบนี้ ไม่กล้าไปเผชิญหน้ากับเขาเลย ยังไงซะความแข็งแกร่งของผู้ชายกับผู้หญิงก็ต่างกันมาก ถ้าเกิดว่าออกแรงมากเกินไปก็กลัวว่าจะทำร้ายลูกในท้อง “นายปล่อยฉันนะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะตะโกนเรียกคนมาช่วยนะ!”
“ฉันชอบเธอ มันถือว่าเป็นเกียรติของเธอนะ มา ไปกับฉัน……”พี่สี่สงสัยจะดึงเธอไป ตอนนี้เอง สู้ๆ กู้เป่ยก็ปรากฏตัว พร้อมกับเตะพี่สี่ เพื่อที่จะแสดงให้สมจริง กู้เป่ยก็ออกแรงเตะค่อนข้างแรง
พี่สี่ถูกเตะจนถอยหลังไปหลายก้าว กู้เป่ยเด็ดเดี่ยวและองอาจผึ่งผาย ท่าทางดูเกลียดความอยุติธรรม เขาจะพี่สี่แล้วก็ปล่อยเขา “เพราะว่ามีคนแบบพวกแก ถึงได้ทำลายบรรยากาศ”
กู้เป่ยอร่อยจริง พี่สี่เจ็บจนหน้าตาบูดบึ้ง แต่ว่าก็ยังตะโกนออกมาว่า “แก้วรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? กล้ามายุ่งเรื่องของฉันอย่างนั้นเหรอ? ”
“ฉันไม่สนใจหรอกว่าแกเป็นใคร แต่ถ้ามาเที่ยวก่อความวุ่นวายต่อหน้าฉัน ฉันก็ไม่ปล่อยไว้อย่างแน่นอน”พอพูดจบก็ต่อยพี่สี่ลงไปอีกครั้ง แต่ว่าวันนี้ไม่ค่อยออกแรงเท่าไหร่
กู้เป่ยส่งสายตาให้พี่สี่ บอกให้เขาต่อยตัวเอง
ต้องเจ็บตัวถึงจะทำให้หลินซินเหยียนใจอ่อน ทำให้เธอรู้สึกขอบคุณเขา เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับเธออย่างราบรื่น
ผู้หญิงของจงจิ่งห้าวอย่างนั้นเหรอ?
วันนี้เขาจะต้องเรียนรู้ให้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ปล่อยผู้ชายยังไง แม้แต่คนหน้านิ่งแบบนั้นยังสามารถพิชิตมาได้
แต่ถ้าสามารถสวมเขาให้จงจิ่งห้าวได้ก็ยิ่งดี
และอีกอย่าง เขายังไม่เคยเล่นกับผู้หญิงตั้งครรภ์มาก่อนเลย
พี่สี่ไม่กล้าหรอก ผ่านไปนานก็ไม่กล้าลงไม้ลงมือ
กู้เป่ยถลึงตาใส่เขาให้เขารีบลงมือ เสียเวลา พี่สี่กลืนน้ำลาย หลับตาแล้วก็ต่อยลงไปที่หน้าของกู้เป่ย
กู้เป่ยถูกต่อยจนถอยหลังมาหลายก้าว พี่สี่อาศัยประโยชน์จากช่องว่างจะวิ่งหนี แผนนี้ก็พัฒนามาถึงขั้นตอนที่สามารถจะทำให้กู้เป่ยกับหลินซินเหยียนสร้างสายสัมพันธ์ได้แล้ว ถ้าทำเรื่องให้ใหญ่โตก็จะจบยากขึ้น
แต่ว่าสิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดไว้ก็คือ เขาเพิ่งจะหันหลัง ก็ถูกคนถีบที่หน้าอก ล้มลงหน้าหงายลงกับพื้น
ช่าวหยุนถอดแว่นกันแดดออก แล้วพูดด้วยความโกรธเคือง “ไอ้นี่ รนหาที่ตายซะแล้ว”
พี่สี่อึ้งไป หน้าอกที่ถูกถีบนั้นเจ็บไปหมด หายใจไม่ออกเป็นเวลานานแล้วก็พูดอะไรไม่ได้
“ส่งให้ตำรวจเถอะ”หลินซินเหยียนพูดอย่างเรียบๆ
อาศัยโอกาสตอนที่กู้เป่ยกับพี่สี่กำลังยุ่งเหยิง เธอก็โทรหาช่าวหยุน แล้วก็แจ้งตำรวจด้วย
พี่สี่รีบหันไปมองกู้เป่ย เหมือนกับว่าเรื่องราวจะไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ผู้ชายคนนี้โผล่มาได้ยังไงกัน? แล้วอีกอย่าง ทำไมมันถึงลามปามไปถึงสถานีตำรวจได้?
ช่าวหยุนเดินไปเตะอีก 2 ครั้ง เขารู้สึกโมโห พี่สี่นอนหงายอยู่ที่พื้นด้วยความเจ็บปวดลุกไม่ขึ้น ช่าวหยุนมีพลังมากกว่ากู้เป่ยที่ถูกเลี้ยงดูมาเหมือนเจ้าชาย
กู้เป่ยก็ไม่ได้ช่วยเหลือพี่สี่ ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าถูกเข้าคุกไปอย่างมากก็ถูกให้การศึกษาเล็กน้อย แล้วก็ได้รับประกันตัวออกมา
งานใหญ่ล้มลงในตอนสุดท้ายเท่านั้น
เขาเดินเข้ามา ทำตัวสุภาพต่อหน้าหลินซินเหยียน “คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
หลินซินเหยียนของตัวให้เขา “เมื่อกี้ขอบคุณมากนะคะ”
“คนสวะแบบนี้ ไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่” กู้เป่ยยิ้ม ตอนที่เขายิ้มก็ทำให้แผลที่มุมปากแยก มีเสียงออกมา
หลินซินเหยียนถามด้วยความเป็นห่วง “คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
กู้เป่ยส่ายหน้า แล้วก็จับมุมปากของตัวเอง “ไม่เป็นไรครับ แผลเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
และในตอนนี้ ก็มีรถตำรวจสีขาวจอดตรงริมถนน เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายในเครื่องแบบเดินลงมาและสอบถาม “เกิดอะไรขึ้น? ใครแจ้งตำรวจครับ?”
ช่าวหยุนเดินเข้ามา “ผมเอง”
เรื่องแบบนี้ต้องให้เขาจัดการ หลินซินเหยียนยังไม่ค่อยคุ้นชินกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นัก แล้วอีกอย่างหลายปีที่เขามาอยู่ที่เมืองC รู้จักคนมากมายและสามารถแก้ปัญหาได้ เขาชี้ไปที่พี่สี่ที่นอนอยู่ที่พื้นขึ้นมาไม่ได้ แล้วก็สวมบทบาทให้เขาเป็นโจรปล้น “คนคนนี้ จะปล้นคนอื่นกลางวันแสกๆ ครับ”
พี่สี่,“……”
เขาไม่ได้ปล้นสักหน่อย
“แกพูดจามั่วซั่ว ฉันไม่ได้ปล้นสักหน่อย ฉันปล้นอะไรแกงั้นเหรอ?”พี่สี่คิดในใจ ทำไมถึงมีคนที่หน้าด้านกว่าเขาได้อีกละ?
ถีบเขาจนเจ็บจะตายอยู่แล้ว แล้วตอนนี้ยังมาใส่ร้ายป้ายสีเขาอีกอย่างนั้นเหรอ?
ช่าวหยุนไม่สนใจเขา แล้วก็ดึงตำรวจทั้งสองคนไปด้านข้างและพูดคุย ไม่รู้เหมือนกันว่าพูดอะไร ตำรวจทั้งสองนายนั้นก็เอาแต่พยักหน้า
พี่สี่ลุกขึ้นอย่างเงียบๆ อยากจะอาศัยโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ทันระวังวิ่งหนีไป แต่ว่าเพิ่งจะยืนขึ้น ตำรวจ 2 นายนั้นก็เห็น แล้วก็เดินเข้ามาจับเขาไว้ “ปล้นคนอื่นกลางวันแสกๆ ยังคิดจะหนีอีก ตอนนี้หลักฐานแน่นหนา ผมอยากรู้ว่าคุณยังมีอะไรให้พูดอีก ไป กลับไปสอบสวนกับพวกเรา”
พี่สี่,“……”
“ผมไม่ได้ปล้นจริงๆ นะ”
“กลับไปกับพวกเราก่อน”
ตำรวจทั้ง 2 นายนั้นยัดเขาเข้ารถไป “มีอะไรจะพูด ให้ไปถึงสถานีตำรวจก่อนแล้วค่อยพูด”
กู้เป่ยมองช่าวหยุน ถึงแล้วจะไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไรกับตำรวจ 2 นายนั้น แต่ว่าก็เห็นได้ชัดว่า เขามีคนที่เขารู้จัก ไม่อย่างนั้นตำรวจทั้ง 2 นายนั้นไม่พูดง่ายขนาดนี้หรอก
ช่าวหยุนเดินเข้ามาถามว่าหลินซินเหยียนได้รับบาดเจ็บหรือไม่ หลินซินเหยียนก็ส่ายหน้าและตอบว่า “ไม่”
แต่แค่ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่
“ตอนนี้มีคนทุกรูปแบบเลยเนาะ”กู้เป่ยทำท่าทางเป็นธรรม
ช่าวหยุนมองเขา รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีกับเขาเท่าไหร่ ก็พูดกับหลินซินเหยียนว่า “ไป เดี๋ยวฉันไปส่งเธอ”
หลินซินเหยียนตอบว่าโอเค เธอไม่กล้าไปคนเดียวจริงๆ
กู้เป่ย,“……”
เขาช่วยเธอไว้ ทำไมถึงแค่บอกว่าขอบคุณแล้วก็จบเลยล่ะ?
แล้วอีกอย่าง เขาหล่อขนาดนี้ ทำไมถึงไม่มองเยอะๆ หน่อย?
“คือว่า……”เขาอยากจะเรียกหลินซินเหยียนไว้ คิดว่าเธอควรแสดงอะไรบางอย่างกับเขาหน่อยไหม?
ยังไงเมื่อกี้เขาก็เพิ่งจะช่วยเธอไว้
ช่าวหยุนหันกลับมา “จะทำอะไร?”
กู้เป่ยยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คือว่าผม……”
ช่าวหยุนไม่รอให้กู้เป่ยพูดจบ เขาหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา แล้วก็หยิบแบงก์แดงออกมา 2-3 ใบ พร้อมกับส่งให้เขา “ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยเหลือ เงินพวกนี้ถือว่าเป็นการตอบแทนแล้วกัน”
กู้เป่ย“……”
เขาไม่มีเงินเหรอ?
เขาดูเหมือนคนไม่มีเงินเหรอ?
ใช้เงินเพื่อให้เขาไปเนี่ยนะ?
กู้เป่ยโกรธจนกัดฟันกรอด
ทำไมจู่ๆ คนนี้ถึงได้ปรากฏตัวขึ้นได้? ทำให้แผนเขาวุ่นวายไปหมด
แต่ว่าเขาไม่สามารถปลดปล่อยอารมณ์ได้ ได้แต่กล้ำกลืนทำโมโหลงไป “บังเอิญผ่านมาแล้วเห็นความไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงไม่สนใจไม่ได้หรอกครับ”
ระหว่างที่พูดนั้น สายตาของเขาก็มองไปที่หลินซินเหยียน พยายามเรียกร้องความสนใจของเธอ
หลินซินเหยียนกลับไม่ได้พูดอะไร เมื่อกี้เธอขอบคุณไปแล้ว แล้วอีกอย่าง ก็เหมือนกับที่เขาพูด ระหว่างทางเห็นว่ามีเรื่องเกิดขึ้น ก็แค่ใจดียื่นมือเข้ามาช่วยเท่านั้น
ดังนั้นเธอก็เลยไม่รู้สึกว่ามีอะไรให้น่าพูดมากมาย
ช่าวหยุนเห็นสายตาที่เขามองหลินซินเหยียน ก็บังสายตาของเขาเอาไว้ มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ถ้าไม่เอา งั้นผมเก็บนะ?”
กู้เป่ยอยากจะเอาเงินพวกนี้ฟาดหน้าช่าวหยุนจริงๆ
ทำลายเรื่องดีๆ ของเขา!
ช่าวหยุนเสแสร้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้าที่โมโหของเขา เก็บเงินพวกนั้นเข้าไปในกระเป๋าตังค์ เดินไปหยุดอยู่ข้างรถแล้วก็เปิดประตูให้หลินซินเหยียน พร้อมกับพูดว่า “ขึ้นรถ”
หลินซินเหยียนขึ้นรถไฟ พอช่าวหยุนขึ้นรถมาหลินซินเหยียนก็ถามว่า “นายไม่ชอบคนคนนั้นเหรอ?”
ไม่อย่างนั้น ช่าวหยุนก็คงไม่ใช้เงินเพื่อให้เขาไปหรอก
ต้องพูดว่าขอบคุณ ถึงจะแสดงความจริงใจที่แท้จริง
ช่าวหยุนตอบอย่างไม่ปิดบัง “ก็เห็นเขาแต่งตัวไหม?”
หลินซินเหยียนส่ายหน้า เพราะว่าตอนนั้นกลัวมากเกินไป จะมีกะจิตกะใจไปสนใจว่าเขาแต่งตัวยังไงที่ไหนกัน
“ทั้งตัวใส่ชุดแบรนด์เนม อย่างน้อยก็หลายหมื่น นาฬิกาที่ข้อมือซ้ายก็น่าจะราคา 5 ล้านขึ้นไป เธอคิดว่าเขาเป็นคนธรรมดาเหรอ?”ช่าวหยุนหันหน้ากลับมามองเธอ
หลินซินเหยียนไม่ได้ทันสังเกตจริงๆ แต่ว่าการที่เขารวยไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นคนไม่ดีนี่
“นายสังเกตอย่างละเอียดจริงๆ ”
“เขาไม่ได้มีเจตนาดีหรอก”ช่าวหยุนอธิบาย “เธอไม่เห็นเหรอว่าเขาอยากจะตีสนิทกับเธอ? ”
หลินซินเหยียน,“……”
“นายคิดเยอะเกินไปแล้ว” เธอเป็นคนท้อง ใครจะอยากมาตีสนิทกับเธอกัน ก็เหมือนกับที่ช่าวหยุนพูดนั่นแหละ เขาเป็นคนรวย มีผู้หญิงแบบไหนบ้างล่ะที่คนรวยๆ แบบเขาจะไม่เคยเห็น?
“เธอเนี่ยนะ ความรู้และประสบการณ์น้อยเกินไป ฉันจะบอกอะไรให้ ยิ่งเป็นคุณชายที่ร่ำรวย ยิ่งชอบเล่นอะไรประหลาดๆ เล่นบทฮีโร่กอบกู้สาวสวย เพื่อที่จะมาตีสนิทกับผู้หญิง……”
หลินซินเหยียนหัวเราะอย่างอดไม่ได้ รู้สึกว่าช่าวหยุนจินตนาการล้ำเลิศจริงๆ
ฮีโร่กอบกู้สาวสวยงั้นเหรอ?
เธอไม่ได้หลงตัวเองจนถึงขั้นคิดว่าตัวเองสวย เธอก้มลงมองท้องของตัวเอง เธอกำลังจะเป็นแม่ของลูก 3 คนแล้วนะ
“ฉันจะบอกเธออย่างจริงจังเลยนะ ต่อไปให้ระวังหน่อย ถ้าเกิดว่าไม่ได้ฉันจะหาบอดี้การ์ดสักคนหนึ่งคอยตามเธอ จะได้ไม่ต้องมาเจอเรื่องวุ่นวายแบบนี้”ช่าวหยุนพูดอย่างจริงจัง
หลินซินเหยียนเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าของตัวเอง เธอรู้ว่าช่าวหยุนเป็นห่วงเธอ “ฉันจะระวัง”
“คนรวยในเมืองC ฉันเคยเห็นมาหมดแล้ว แต่ว่าคนนี้ฉันไม่เคยเห็น แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นเศรษฐีใหม่จากไหนกัน”ช่าวหยุนพูด
“เขาไม่ใช่คนของเมืองCเหรอ? ” หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว สีหน้าเธอดูจริงจังขึ้นมาทันที เธอเพิ่งจะได้รับรูปพวกนั้นไม่นาน แล้วก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง มันบังเอิญ หรือว่า……
ถ้าเกิดช่าวหยุนไม่พูดว่าเขาไม่ใช่คนเมืองC เธอก็จะไม่คิดมาก แต่ว่าพอช่าวหยุนบอกว่าเขาไม่ใช่คนเมืองC ก็ทำให้เธอรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
หรือว่าเป็นคนที่มีเรื่องบาดหมางกับจงจิ่งห้าว? รู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเธอ ก็เลยส่งใจมาสร้างเรื่องเดือดร้อนให้เธออย่างนั้นเหรอ?
“ฉันไม่แน่ใจ แต่ว่าฉันรู้จักคนรวยในเมืองCทั้งหมด เธอคิดว่าฉันอยู่เมืองCมาหลายปีขนาดนี้ฉันอยู่กับเสียเปล่าเหรอ? ไม่ว่าจะยังไงJKก็เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ และฉันก็เป็นเจ้านายในนาม ฉันจะไม่เคยเจอใครบ้าง”
หลินซินเหยียนไม่มีอารมณ์จะไปล้อเล่นกับช่าวหยุน หลังจากที่เห็นรูปพวกนั้น เธอก็กลัวว่าจงจิ่งห้าวจะเจอเรื่องเดือดร้อนอะไร แถมลูกทั้งสองคนยังอยู่กับเขาด้วย
“อารอง ช่วยอะไรฉันหน่อยสิ ”
“ต้องการอะไรก็บอกมาได้เลย เรียกว่าช่วยเหลืออะไรกัน? พวกเราเป็นอะไรกัน? ที่เรียกว่าอารองนี่เรียกเฉยๆ งั้นเหรอ? ” ช่าวหยุนทำเป็นโกรธ ไม่อยากจะให้หลินซินเหยียนดูห่างเหินกับเขา เธอไม่ยอมรับJK และก็ไม่ยอมใช้เงินของJKแม้แต่บาทเดียว เห็นได้ว่าเธอมีปมกับเหวินเสียนและจวงจื่อยี่
แต่ว่าที่จริงแล้วหลินซินเหยียนก็ไม่ได้มีปมในใจอะไร เธอแค่อยากพึ่งพาตัวเองเท่านั้น
เธอติดนิสัยมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนเด็กนั้นไม่มีใครให้พึ่งพาได้ ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนก็ต้องพึ่งพาตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์ในตอนนี้ยังดีกว่าตอนนั้นร้อยเท่าพันเท่า
“พ่อของเหยียนซีกับเหยียนเฉิน อยู่ที่เมืองB นายน่าจะเคยได้ยินว่านเยว่กรุ๊ปใช่ไหม”
แววตาของช่าวหยุนดูผิดปกติเล็กน้อย แล้วเขาก็ตอบรับ “เคยได้ยินอยู่ อยากให้ฉันทำอะไรก็บอกมาได้เลย”