กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 542 ผมขำผู้ชายที่ไม่รู้จักโตคนนั้น
เขายืนอยู่ในระยะใกล้ตัวเธอ บนใบหน้าหล่อเหลาไร้ซึ่งการแสดงออก ดวงตาเย็นชาเฉียบคมจ้องตรงไปยังไป๋ยิ่นหนิง
ทันทีที่เห็นเขา หลินซินเหยียนก็พลันชะงักไป ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่
ชะงักอึ้งไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง
เธอคิดเอาไว้ว่าอยู่เมืองB หรือพบกันที่เมืองC แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นที่ไป๋เฉิง ทั้งยังอยู่ในงานแต่งของไป๋ยิ่นหนิงด้วย เขามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ยังไง
เขาอยู่ที่นี่ ถ้าอย่างนั้นแล้วเด็กสองคนล่ะ
“ประธานจงมาดื่มฉลองงานแต่งของผมเหรอครับ” ไป๋ยิ่นหนิงยิ้ม
จงจิ่งห้าวก้าวเดินอย่างมั่งคงและค่อนข้างมีความหนักหน่วง มุ่งตรงเข้ามา สายตาดุดันจ้องมองไป๋ยิ่นหนิงสองวินาที “ผมกับประธานไป๋มีมิตรภาพต่อกันด้วยเหรอ”
อืม เห็นเขาโกรธ ไป๋ยิ่นหนิงก็ยิ่งอารมณ์ดีเข้าไปใหญ่ เสียงหัวเราะก็ยิ่งกวนประสาทเป็นพิเศษ “คุณกับผมไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง แต่ผมกับภรรยาคุณยังคงมีมิตรภาพที่ค่อนข้างดี ไม่ใช่ว่าสามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียวกันหรอกเหรอ หรือว่าคุณกับเหยียนเหยียนมีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน”
ทุกครั้งที่ได้ยินไป๋ยิ่นหนิงเรียกชื่อหลินซินเหยียนด้วยความสนิทสนมว่าเหยียนเหยียน เขาก็มีแรงกระตุ้นอยากบีบคอผู้ชายคนนี้
“ประธานจงอย่าได้โกรธเลย เพื่อไม่ให้คุณหึง ผมจึงแต่งงานไป คุณควรขอบคุณผมนะ” ไป๋ยิ่นหนิงพูดยิ้มๆ ต่อไป “ผมอยากสังสรรค์กับประธานจงนะ แต่ประธานจงมีอคติต่อผมลึกล้ำมาก เหมือนผมเป็นคนชั่วที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรงอะไรแบบนั้นเลย”
“คุณมองตัวเองดีเกินไป ความชั่วทุกประเภทไม่สามารถอธิบายเป็นตัวคุณได้หรอก คุณมันต่ำช้าหน้าด้าน” จงจิ่งห้าวมายืนข้างหลินซินเหยียน จับมือของเธอ พูดน้ำเสียงปกติ “เมื่อเทียบกับคนเลวก่อกรรมทำชั่วนับไม่ถ้วน คนที่ภายนอกเป็นสุภาพบุรุษ แต่ที่จริงเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายมันยิ่งน่าขยะแขยงกว่ามาก”
พูดจบเขาก็ดึงหลินซินเหยียนออกไป
ไป๋ยิ่นหนังมองตามหลังพวกเขาเดินผ่านฝูงชนจากไป มุมปากก็ค่อยๆ เหลือไว้เพียงรอยยิ้มจางๆ
“ยิ่นหนิงคุณยิ้มอะไรเหรอคะ” โจวฉุนฉุนรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาทะเลาะกัน แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าพวกเขาทะเลาะกันทำไม
“ผมขำผู้ชายที่ไม่รู้จักโตคนนั้น เห็นเขาโกรธแล้วผมมีความสุขมาก” จี้จุดเขาเพิ่มไปหน่อย ก็ถือว่าเป็นการล้างแค้นให้ตัวเอง ไป๋ยิ่นหนิงหันไปมองโจวฉุนฉุน และถามว่า “คุณว่าผู้หญิงคนเมื่อครู่ดูดีไหม”
โจวฉุนฉุนพยักหน้า “ดูดี ในท้องเธอมีลูกด้วยใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ” รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋ยิ่นหนิงถูกพับเก็บ เหลือเพียงความรู้สึกแห่งความเศร้าที่ไม่สามารถได้ในสิ่งที่ต้องการ
“พวกเขาเป็นสามีภรรยากันเหรอ” โจวฉุนฉุนถาม
ไป๋ยิ่นหนิงส่งเสียงอืม
“งั้นตอนนี้เราก็เป็นสามีภรรยากันแล้วใช่ไหม” โจวฉุนฉุนถามอีก
ไป๋ยิ่นหนิงพูดอย่างอดทนว่าใช่
“ไปเถอะ” เขาไม่อยากคุยเรื่องนี้อีก
โจวฉุนฉุนเชื่อฟังน่ารักมาก “ฉันเข็นคุณไปเองค่ะ” เธอจับตรงที่จับรถเข็น “พวกเราไปหาทางฝั่งคุณพ่อของฉันกันเถอะ”
ไป๋ยิ่นหนิงพูดว่า “ได้ ตามใจคุณ”
โจวฉุนฉุนยิ้ม ราวกับเด็กน้อยที่ไม่มีไอคิว ทั้งสดใสและไร้เดียงสา
ไป๋ยิ่นหนิงเห็นเธอยิ้มก็ยิ้มตาม
ภายนอกโรงแรม จงจิ่งห้าวลากหลินซินเหยียนไปตลอดทาง เหมือนต้องการให้เธอออกห่างจากไป๋ยิ่นหนิง โดยลืมว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ เดินเร็วตลอดทางไม่มีสัญญาณว่าจะหยุด หลินซินเหยียนได้สติกลับมาจึงพูดว่า “คุณช้าหน่อย!”
เช่นนั้นจงจิ่งห้าวถึงได้หยุดการก้าวเท้า แล้วหันหน้ามามองเธอ
สองสายตามองกัน ไร้ซึ่งคำพูดจา
ผ่านไปเนิ่นนาน
“คุณกอดผมหน่อย ผมกลัวว่าจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้” จงจิ่งห้าวเปิดปากพูดก่อน
ทันทีที่คิดถึงที่ไป๋ยิ่นหนิงสัมผัสท้องของเธอ ในอกของเขาก็ระอุไปด้วยกองไฟ อยากถามเธอว่าทำไมตอนนั้นไม่ผลักไป๋ยิ่นหนิงออก และปฏิเสธเขาไป ไม่ใช่ลูกของเขา เขาถือดีอะไรมาสัมผัส
ไม่พูดก็โอเค ทันทีที่พูดขึ้นมา หลินซินเหยียนก็โกรธมากกว่าเขาเสียอีก
ไม่เห็นตัวคน ก็ยังแค่หงุดหงิด แต่เมื่อเจ้าตัวมาอยู่ตรงหน้า ความหงุดหงิดในอกก็ยิ่งปั่นป่วนรุนแรงขึ้น
“คุณไม่สบายใจมากกว่าฉันเหรอ เป็นฉันที่นอนกับชายอื่นแล้วมีภาพส่งไปถึงตาคุณงั้นเหรอ”
จงจิ่งห้าว “………”
“พวกนั้นมันของปลอม ผมไม่รู้จักผู้หญิงในนั้น” เขาอธิบายอย่างร้อนรน
“จริงเหรอ งั้นคุณบอกมาซิ เรื่องมันเป็นยังไง แล้วคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เหยียนซีกับเหยียนเฉินล่ะ”
สองวันนี้เธอห่วงพวกเขามาก กลัวจะเกิดเรื่องกับพวกเขา ทั้งดวงใจจึงหนักอึ้ง เหมือนกับถูกก้อนหินกดทับ
“มีคนใส่ร้ายผม เรื่องนี้มันยาว กลับไปแล้วผมจะค่อยๆ อธิบายให้คุณฟัง เหยียนซีกับเหยียนเฉินอยู่บ้านเก่าแก่ตระกูลเฉิง เหยียนเหยียน…”
เสียงของจงจิ่งห้าวลดลง เรียกชื่อเธอช้าๆ อารมณ์ที่กระสับกระส่ายในคราแรก ค่อยๆ ตกตะกอนออกมาเป็นคำว่า ‘เหยียนเหยียน’ เขามองแววตาของเธอ ดวงอาทิตย์ที่แผดเผาในฤดูร้อน มันไม่ร้อนแรงเท่าสายตาของเขา
อากาศโดยรอบหยุดไหลเวียน เธอลืมแม้กระทั่งการหายใจ แค่ยืนเฉยๆ ลืมปฏิกิริยาตอบสนอง ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง
เขายื่นมือมาโอบกอดเธอ พูดด้วยเสียงแหบพร่า “ช่วงที่ผ่านมาผมคิดถึงคุณมาก”
ร่างกายที่แข็งทื่อของหลินซินเหยียนเริ่มมีความรู้สึกแล้ว อากาศรอบตัวก็เริ่มไหลเวียน พันความคิดร้อยความรู้สึกผสมปนเป ยังไม่เพียงพอจะอธิบายอารมณ์ที่ซับซ้อนของเธอในขณะนี้
เธอยกแขนขึ้นโดยอัตโนมัติ โอบเอวเขากลับ ใบหน้าซุกซบในอ้อมแขนของเขา ต้องการเก็บซ่อนน้ำตา แต่มันก็ยังหยดลง
ไม่ได้มีความเจ็บปวด ไม่ได้มีความคับข้องใจ ไม่ได้มีความรู้สึกดีใจโหยหาเมื่อพบกันหลังจากไม่เจอกันนาน ไม่รู้เพราะอะไร น้ำตาของเธอรินหลั่งโดยไม่มีสัญญาณ มันไหลโดยเธอไม่ทันตั้งตัว ยากที่จะเก็บซ่อน “ขอโทษ ตอนแรกฉันแค่อยากให้พวกเขาสองคนอยู่ข้างคุณ…”
“ผมรู้ว่าคุณต้องการพวกเขามากกว่าผม” เขาไม่เคยตำหนิ และไม่เคยบ่น เธอเป็นแม่แท้ๆ จึงต้องการให้ลูกอยู่ใกล้ตัวมากกว่าเขา
ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ได้กอดเธอครู่เดียว วันเวลาที่ยากลำบากเหล่านั้นเหมือนจะไม่สำคัญอีก
เรื่องในอดีต ไม่มีใครพูดถึงมัน
แค่กอดกันเงียบๆ ความปรารถนาร้อนรุ่มในการกอดกันเวลานี้ ยิ่งกว่าท้องฟ้าที่แดดแผดเผา
จนกระทั่งโทรศัพท์มือถือของหลินซินเหยียนดังขึ้นขัดจังหวะคนทั้งคู่ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา บนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏคำว่า ‘อารอง’ เป็นช่าวหยุนโทรเข้ามา
เมื่อเธอกดปุ่มรับสาย จงจิ่งห้าวก็ดึงมือเธอไปยืนใต้ต้นอู่ถงตรงริมถนน กิ่งก้านและใบหนาแน่นแออัดเข้าด้วยกัน ป้องกันแสงจากดวงอาทิตย์
เช็ดเม็ดเหงื่อเล็กๆ บนหน้าผากให้เธอ เกลี่ยเส้นผมสีดำที่ติดข้างแก้มออก
เธอเงยหน้ามองเขา
เสียงของช่าวหยุนดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ “ที่เธอให้ฉันช่วยสืบเรื่องนั่น ฉันสืบได้แน่ชัดแล้ว เขาไม่ได้อยู่เมืองB เหมือนว่าไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็แค่ ฉันได้ยินเกี่ยวกับเรื่องอื่น”