กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 550 คุณอยากให้ผมสำลักตายหรือไง
เมื่อครู่หลินซินเหยียนพูดด้วยความรีบร้อนไปโดยไม่ได้คิด ยิ่งรีบอธิบายยิ่งพูดไม่ออก ไม่รู้จะอธิบายกับซูจ้านอย่างไรว่าตัวเองรู้จักกู้เป่ยคนนี้
ผู้ชายคนนี้เธอก็แค่ได้ยินจากปากจงจิ่งห้าว แต่ไม่เคยเห็นตัว
“กู้เป่ยไปเมืองCเพื่อตามหาเธอ” ทันใดนั้นจงจิ่งห้าวก็พูดขึ้น
ซูจ้านระเบิดอารมณ์ทันที “เขาไปหาพี่สะใภ้ทำไม หรือว่าเพราะ…”
ซูจ้านไม่ได้พูดจบ ไม่กล้าพูดเพราะหลินซินเหยียนอยู่
เพราะเรื่องของกู้เป่ยเกี่ยวข้องกับเหวินชิง
ข้างหน้ามีจุดพักรถ จงจิ่งห้าวให้ซูจ้านเข้าไป ซูจ้านตอบตกลงแล้วหักเข้าไปยังจุดพักรถ
จงเหยียนซีขยี้ตาอย่างงัวเงีย ร้องเรียกหาหลินซินเหยียน “หม่ามี๊ หนูอยากเข้าห้องน้ำค่ะ”
หลินซินเหยียนดึงทิชชูเปียกมาเช็ดหน้าให้เธอ ไม่นานสาวน้อยก็ตาสว่าง “หม่ามี๊จะพาหนูไป”
จุดพักรถตอนกลางคืนไม่ค่อยมีคน เธอพาลูกสาวไปเข้าห้องน้ำ จงเหยียนเฉินท่าทางครึ่งหลับครึ่งตื่น นอนอยู่ในรถไม่ได้ลง จงจิ่งห้าวเปิดประตูฝั่งนี้ ถามเขาว่าอยากไปห้องน้ำหรือเปล่า
เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ส่ายหน้าและพูดว่า “ผมหิวนิดหน่อยครับ”
“ลูกลงมา แด๊ดดี้จะพาลูกไปซื้อของกิน” จงจิ่งห้าวบอก
เขาลงจากรถ เอื้อมมือไปจับมือของจงจิ่งห้าว และเงยหน้าขึ้นถามเขา “พวกเราจะถึงบ้านเมื่อไรครับ”
จงจิ่งห้าวเหลือบมองดูเวลาแล้วบอกว่า “อีกไม่นานแล้ว”
เวลานี้ไม่มีอาหารขาย มีแค่ของว่างนิดๆ หน่อยๆ จงเหยียนเฉินอยากทานโอเด้ง “ซื้อให้น้องสาวกับหม่ามี๊ด้วย”
เขาพูดอย่างมีน้ำใจ จนสุดท้ายก็เพิ่มอีกประโยค “แด๊ดดี้หิวไหมครับ และก็ซื้อให้คุณอาซูจ้านด้วยเขาขับรถน่าจะเหนื่อย”
จงจิ่งห้าวลูบศีรษะของเขา รู้สึกโล่งใจ คิดในใจว่าเขาสามารถคิดถึงคนอื่นได้แบบนี้เป็นเรื่องที่ดีมาก
ต่อมาก็ซื้อข้าวโพดกับบ๊ะจ่างอีก และยังมีพวกเครื่องดื่มด้วย
ในจุดพักรถไม่ได้มีของให้ซื้อมากนัก
ซูจ้านไปห้องน้ำแล้วกลับมา เอาสุนัขลงจากรถมารับลมยืดเส้นยืดสาย เขายืนอยู่ข้างรถขยับกล้ามเนื้อ นั่งนานเกินไปร่างกายเกิดอาการตึง
“คุณอาซู” จงเหยียนเฉินยื่นของกินที่ซื้อกลับมาให้เขา “คุณรองท้องแก้ขัดไปก่อนนะครับ ไม่ได้ทานข้าวเย็นคงจะหิวแน่ๆ”
ซูจ้านยื่นมือไปรับมาแล้วส่งเสียงถอนใจ “มีมนุษยธรรมมากกว่าพ่อของเธออีกนะ”
จงจิ่งห้าวเลื่อนสายตามามอง เขาทำปากโดยไม่มีเสียงว่าหุบปาก
จงเหยียนเฉินทานลูกชิ้นปลา มันเหนียวนุ่มเด้งดึ๋ง รู้สึกว่าอร่อยดี จึงยื่นให้จงจิ่งห้าว “แด๊ดดี้ก็ทางสักลูกสิครับ อร่อยมากเลยนะ”
เขาหมุนปิดฝาขวดน้ำ โน้มตัวลงมาหามือลูกชาย กัดไปหนึ่งคำกินมันเข้าปาก ขณะที่ซูจ้านกำลังจะถามเขาว่ากู้เป่ยไปหาหลินซินเหยียนเพราะต้องการแก้แค้นใช่ไหม โทรศัพท์มือถือของจงจิ่งห้าวก็ดังขึ้น เขาหยิบมันออกมาดู บนหน้าจอแสดงชื่อเสิ่นเผยซวน ส่งข้อความไปให้เขาเกือบชั่วโมงแล้ว เพิ่งตอบกลับมาตอนนี้
เขาเดินไปรับโทรศัพท์อีกทาง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
เสิ่นเผยซวนที่อยู่อีกฝั่งเอ่ยปากอย่างยากลำบาก “ขอโทษ ฉันไม่ได้ไปเมืองC มีเรื่องทางนี้ให้ต้องจัดการนิดหน่อย ทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้ในรถ ฉันเลยเพิ่งเห็นข้อความ”
จงจิ่วห้าวส่งเสียงอืม ไม่ได้มีความหมายเชิงตำหนิ เขามีงานมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเวลาว่างตลอดเวลา เขาเหลือบมองไปทางซูจ้าน แล้วพูดกับเสิ่นเผยซวนว่า “กู้เป่ยจับฉินยาไป”
“อะไรนะ” เสิ่นเผยซวนคาดไม่ถึงจริงๆ และคิดแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าเขารู้เรื่องฉินยาได้อย่างไร แต่ต่อให้รู้ ตอนนี้ก็เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปแล้ว ทำไมถึงสามารถหาเธอเจอได้
“เกิดอะไรขึ้น ถูกจับจากเมืองCเหรอ จับเธอไปได้ยังไง” เสิ่นเผยซวนถาม
จงจิ่งห้าวก็ไม่รู้รายละเอียดแน่ชัด แต่ก็เดาได้ไม่ยาก กู้เป่ยสามารถจับฉินยาได้ก็แสดงว่าเขาต้องรู้จักหลินซินเหยียน เรื่องรูปถ่ายเขาก็เป็นคนทำแน่นอน เป็นการพยายามยุยงในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลินซินเหยียน บางทีคนที่เขาอยากจับอาจเป็นหลินซินเหยียน แต่ไม่มีโอกาส หรือไม่อาจเพราะหลินซินเหยียนมาที่ไป๋เฉิงเขาจึงหาไม่เจอ และรู้ความสัมพันธ์ของฉินยากับหลินซินเหยียนจึงจับไป
แบบนี้คือสิ่งที่เขาคาดเดาบนพื้นฐาน เพียงแต่จงจิ่งห้าวไม่รู้ว่าแผนยุยงเพื่อหลอกล่อของกู้เป่ยนั้นไม่สำเร็จ ผลลัพธ์ถูกทำลายโดยช่าวหยุน สุดท้ายก็หมดหนทางจับคนได้ สามารถส่งรูปถ่ายให้หลินซินเหยียนได้ก็แสดงว่าสืบหาที่อยู่ของเธอเจอ
เขาให้พี่สี่พาคนไปจับ ปรากฏว่าหลินซินเหยียนไม่อยู่ จึงจับมาแค่ฉินยา คิดว่าสามารถอยู่ด้วยกันได้ ความสัมพันธ์คงไม่ธรรมดาแน่นอน
ตอนที่ตรวจสอบหลินซินเหยียนรู้ว่ารอบตัวเธอมีคนชื่อฉินยา เพียงแต่ตอนนี้ฉินยาเปลี่ยนรูปลักษณ์แล้ว พี่สี่จึงคิดว่าฉินยาเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่งของหลินซินเหยียนเท่านั้น
“ตอนนี้ฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง” เสิ่นเผยซวนค่อนข้างอารมณ์เสีย คิดว่าถ้าตัวเองไปเมืองC กู้เป่ยอาจจะทำไม่สำเร็จก็ได้
เขารู้สึกว่าตัวเองผิดต่อซูจ้าน
“หกโมงนายไปรอฉันที่วิลล่า”
เวลานั้นพวกเขาอาจจะกลับไปถึงวิลล่าแล้ว
เสิ่นเผยซวนตอบว่าได้
วางสายแล้วเขาก็เดินเข้าไป พวกเขายังคงยืนกินกันอยู่หน้ารถ กระโปรงหน้ารถกลายเป็นโต๊ะของพวกเขา
เขาเดินเข้ามาและพบว่าทำไมของถึงได้ยิ่งกินก็ยิ่งเยอะ
“หม่ามี๊ซื้อมาอีกครับ” จงเหยียนเฉินมองความงุนงงของเขาออกจึงอธิบาย
หลินซินเหยียนไม่รู้ว่าจงจิ่งห้าวซื้อแล้ว ตัวเธอหิวนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับแก่เดือนหรือเปล่า จึงรู้สึกหิวมากเมื่อไม่ได้กิน
บรรดาของทุกอย่างที่ซื้อมาใหม่ หลินซินเหยียนให้เต้าหู้แห้งกับเขาชิ้นหนึ่ง “คุณก็ทานหน่อยสิ มันเยอะมากทานไม่หมดเสียของ”
จงจิ่งห้าว “……….”
เขายังคิดว่าเพราะเป็นห่วงว่าเขาจะหิว ปรากฏว่ากลัวจะเสียของเลยให้เขากิน
หลินซินเหยียนไหนเลยจะรู้ว่าเขาคิดมากขนาดนั้น ยื่นเต้าหู้แห้งไปจ่อที่ริมฝีปากของเขา ใช้น้ำเสียงออกคำสั่ง “ทานเลย”
จงจิ่งห้าวอ้าปากกินเข้าไป ยังไม่ทันจะกลืนหลินซินเหยียนก็ยื่นไม้เสียบลูกชิ้นเนื้อปูให้อีก “อ้าปาก”
จงจิ่งห้าว “………”
เขายังกินไม่เสร็จเลย
“เร็วหน่อย เราจอดอยู่นานเกินไปแล้ว คุณรีบทานเลย” หลินซินเหยียนเร่ง
จงจิ่งห้าวอ้าปากอยากจะพูดว่า ต้องเคี้ยวและกลืนให้เร็วขึ้นอีกแค่ไหน กลืนไปทีเดียวได้ที่ไหนกัน
ปรากฏว่าทันทีที่อ้าปาก หลินซินเหยียนก็ยัดเข้าปากมาอีกหลายลูก
จงจิ่งห้าว “………”
หลินซินเหยียนพบว่าตัวเองร้อนใจเกินไป จึงรีบส่งน้ำให้เขา จงจิ่งห้าวรับน้ำมา หลังจากกลืนอาหารลงไปแล้วถึงได้ดื่มน้ำไปอึกใหญ่ ล้างรสชาติในปากแล้วถามว่า “คุณอยากให้ผมสำลักตายหรือไง”
“เปล่านะ” หลินซินเหยียนกลัวว่าเขาจะไม่คุ้นเคยกับของกินพวกนี้
เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ของดีอะไร อยู่ที่นี่ไม่สามารถร้องขออะไรได้ สามารถรองท้องได้ก็พอแล้ว
หลินซินเหยียนดึงข้อมือของเขาและพูดเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “คุณอย่าโกรธนะ”
เดิมทีจงจิ่งห้าวไม่ได้โกรธ ภรรยาป้อนอาหาร สำลักตายก็ต้องกิน ตอนนี้เห็นท่าทางหน่อมแน้มรับผิดของเธอ แล้วจะทนตำหนิได้ยังไงล่ะ
เขาแกล้งทำเป็นโกรธ “กลับไปค่อยลงโทษคุณ”
หลินซินเหยียน “……….”
เจ้าขาวกินอาหารในส่วนที่ยังไม่หมดไป การจอดรถครั้งนี้ของพวกเขาล่าช้าไปกว่าครึ่งชั่งโมง
เมื่อกลับถึงเมืองBท้องฟ้าก็สว่างแล้ว
จงจิ่งห้าวขับรถตรงไปที่วิลล่า เด็กทั้งสองอยู่บนรถไม่ได้นอนหลับสนิท และก็ไม่ได้กินดีๆ ที่วิลล่ามีป้าหยูที่สามารถคอยดูแลพวกเขาได้ เขาก็จะได้วางใจแล้วไปจัดการเรื่องของฉินยา
ป้าหยูเห็นพวกเขากลับมาก็ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข กอดเด็กทั้งสอง แล้วมองที่ท้องของหลินซินเหยียน ก่อนจะบอกว่าเวลาผ่านไปเร็วนัก
จงจิ่งห้าวขอให้ป้าหยูอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็กสองคน ที่บ้านมีเสื้อผ้าสำหรับเด็กทั้งสอง เขากับหลินซินเหยียนขึ้นไปชั้นบน
เพราะต้องไปเจอกู้เป่ย เขาจึงต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย
หลินซินเหยียนนั่งข้างเตียงรอเขา
ผ่านไปสักพักน้ำในห้องน้ำก็หยุดลง ในไม่ช้าประตูก็เปิดออกเขาออกมาในผ้าเช็ดตัวสีขาว เขาเหลือบมองหลินซินเหยียน “ไม่ได้นอนทั้งคืน ตอนนี้นอนหลับให้สบายนะ อยากทานอะไรก็ให้ป้าหยูทำ”
พูดจบเขาก็ไปแต่งตัวในห้องเก็บเสื้อผ้า
หลินซินเหยียนนั่งอยู่สักพัก แล้วลุกขึ้นไปที่ห้องเก็บเสื้อผ้า เขาสวมเสื้อกับกางเกงเรียบร้อยแล้ว กำลังคาดเข็มขัด เธอเดินเข้ามาแล้วหยิบสูทมาปรนนิบัติให้เขาใส่ เธอนำเนคไทจากชั้นวาง นำเนคไทที่เข้ากับสูทมาผูกให้เขาอย่างนุ่มนวล ในฐานะแฟชั่นดีไซเนอร์ ไม่เพียงแต่รู้เรื่องเสื้อผ้าผู้หญิง แต่ยังรู้การสวมใส่เสื้อผ้าของผู้ชายด้วย
จงจิ่งห้าวเลิกคิ้วใส่เธอที่แทบจะไม่เคย ‘ปรนนิบัติ’ เขาอย่างนุ่มนวลขนาดนี้เลย
“มีอะไรหรือเปล่า” เขาถาม
หลินซินเหยียนจัดคอเสื้อให้เขา ลูบคอเสื้อให้แบนเรียบ แล้วพูดเสียงแผ่วเบาว่า “สัญญากับฉัน ไม่ว่ายังไงก็ตาม ต้องพาฉินยากลับมาอย่างปลอดภัย”