กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 552 ตำแหน่งยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
เสิ่นเผยซวยนั่งตัวตรง เห็นว่าร่างที่เปิดประตูคือกู้เป่ย เขาพูดเสียงต่ำ “คนมาแล้ว”
ตามมาด้วยเสียงหัวเราะอันจอมปลอมของกู้เป่ย “ขออภัยด้วย มัวแต่ติดธุระอยู่ มาช้าเกินไป พวกคุณไม่ได้รอนานเกินไปหรอกนะ?”
“ประธานกู้เป็นคนงานยุ่ง พวกเราก็ต้องไม่ถือสาอยู่แล้ว ตอนนี้ไม่ใช่สมัยโบราณ ยังให้ความสำคัญเรื่องมารยาทในการรับแขก” เสิ่นเผยซวนพูดประโยคที่ส่อสองความหมาย เขาไม่ให้ความสำคัญ คือเขาไม่มีมารยาท
พวกเขาไม่ถือสา คือความใจกว้างของพวกเขา
กู้เป่ยสีหน้าหม่นหมองไปเล็กน้อย ยิ้มพูดว่า “หัวหน้าเสิ่น ไม่เพียงแค่ตำแหน่งยิ่งอยู่ยิ่งสูง คำพูดก็ยิ่งอยู่ยิ่งพูดเก่งแล้ว”
“ประธานกู้ชมเกินไป ผมก็เป็นเพียงแค่เด็กใหม่ตัวเล็กๆคนเดียว จะไปมีหน้ามีตาสู้ประธานกู้ได้ยังไง” เสิ่นเผยซวนก็ยิ้ม
การแสดงออกแบบจอมปลอมแบบนี้ใครไม่เป็น?
กู้เป่ยไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ แต่หันหน้าไปทาง “ประธานจงนี่คือรอผมจนกลับไปเลยเหรอ?”
เสิ่นเผยซวนกำลังจะพูด จงจิ่งห้าวก็ค่อยๆลืมตา ไม่มีท่าทางสะลึมสะลือเหมือนเพิ่งตื่น แววตาแจ่มใส่ผิดปกติ เขายิ้มเล็กน้อย “ดูแล้วที่นี่ของประธานกู้เป็นแหล่งฮวงจุ้ยดี ยังมีความสามารถในการสะกดจิตด้วย”
กู้เป่ยหัวเราะเสียงดัง “นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว ไม่แหล่งฮวงจุ้ย ก็ไม่สามารถอยู่เขตนี้ สมัยแบบนี้ ยังยืนหยัดไม่ล้ม”
นี่คือการบอกจงจิ่งห้าวทั้งทางตรงและทางอ้อม เขามีความสามารถแค่ไหน ที่พึ่งก็แข็งแกร่งขนาดไหน
เขานั่งลงบนโซฟา เหยียดแขนเอนหลัง “ประธานจงช่างไร้น้ำใจจริงๆ สาวงามข้างกายยังเก็บยังซ่อนไว้ คือกลัวผมจะแย่งกับคุณเหรอ?”
จงจิ่งห้าวหรี่ตา คลื่นอารมณ์ซัดอยู่ในตา
ท่าทางที่แสดงออกมานั้นใจเย็นเรียบเฉย ยิ้มพูดว่า “ประธานกู้สาวงามแบบไหนบ้างที่ไม่เคยเห็น? ถึงแม้ข้างกายผมจะมีผู้หญิง ก็ไม่ถึงขั้นเรียกว่าสาวงาม”
“ประธานจงถ่อมตัว คนนั้นชื่อ……” กู้เป่ยแกล้งทำท่าทางความจำไม่ดี จับขมับครุ่นคิด เหมือนคิดได้แล้ว ก็ตบต้นขาอย่างแรง พูดด้วยท่าทางเคร่งเครียด “ใช่แล้ว ชื่อหลินซินเหยียน ครั้งที่แล้วเจอกันเมืองC ผมก็ค่อนข้างพอใจ ถ้าหากวันไหนประธานจงเล่นพอแล้ว ส่งมาให้ผมเล่นบ้าง?”
จงจิ่งห้าวยื่นมือดึงคอเสื้อกู้เป่ยไว้ ในสายตาเขาประกายไปด้วยความโมโหอันไม่อาจควบคุมได้ ความโกรธนั้นยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรง สุดท้ายก็แล่นมาถึงปลายนิ้ว เส้นเลือดบนหลังมือผุดขึ้น กู้เป่ยถูกรัดจนหายใจไม่ออก แน่นจนสีหน้าแดงก่ำ แต่ยังฝืนยิ้ม พูดอย่างไม่กลัวตาย “ประธานจง โมโหขนาดนี้ เป็นเพราะว่าใส่ใจผู้หญิงคนนั้นมากเกินไปเหรอ? ก็ใช่ เอาคนไปซ่อนถึงเมืองCโน่น เท่านี้ก็คิดได้แล้วว่าพิเศษกว่าคนอื่นแค่ไหน ไม่รู้ว่าวิชาบนเตียงของเธอดีขนาดไหน ถึงได้มัดใจประธานจงได้……..”
“แกรนหาที่ตาย” แทบไม่มีคนเห็นท่าทางของเขาเลย ได้ยินแค่เสียงขวดเหล้าแตกอย่างเสียงดัง สาดเหล้าฝรั่งสีแดงเต็มพื้น ภายในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจากเหล้า แต่ก็บดบังความหวาดผวาในวินาทีนี้ได้
เขาเอาด้านแหลมคมของขวดจ่ออยู่ที่คอของกู้เป่ย บาดจนเป็นรอยเลือด มีเลือดซึมออกมาทันที
กู้เป่ยเจ็บจนขมวดคิ้ว วินาทีนี้ไม่มีท่าทางอวดดีเหมือนเมื่อครู่แล้ว เพราะว่าเห็นความดุร้ายในสายตาของจงจิ่งห้าว
เสิ่นเผยซวนที่อยู่ด้านข้างตะลึงไปหมดแล้ว ไม่เคยเห็นสายตาจงจิ่งห้าวดุร้ายเย็นชาขนาดนี้มาก่อน
ตลอดเวลาเขาเป็นคนที่หนักแน่นสุด คนที่ไม่ชอบแสดงอาการที่สุด ครั้งแรกที่แสดงท่าทางโหดเหี้ยมอย่างไม่ยับยั้ง
“คุณ คุณ คุณอย่าลืมนะ ในมือผมยังมีผู้หญิงที่ชื่อฉินยา ผมตายแล้ว เธอก็ต้องตายไปพร้อมผม ไม่ พ่อผมไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่”
เขาลูกชายของท่านปู่กู้ที่ได้มายามแก่ เขาตายแล้ว ตระกูลกู้ต้องใช้ทุกวิถีทางช่วยเขาแก้แค้นแน่
เสิ่นเผยซวนถูกเสียงของ กู้เป่ยดึงสติกลับมา พูดเสียงต่ำ “พวกเรามีเวลาในอนาคตอีกยาวนาน”
ตอนนี้ฉินยาอยู่ในมือกู้เป่ย ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่มีวันได้เปรียบ คิดหน้าคิดหลังแล้วก็ต้องหาวิธีช่วยฉินยาออกมาก่อน ค่อยคิดบัญชีกับเขา
กู้เป่ยยกมือสองข้างขึ้น “ประธานจงระงับอารมณ์ก่อน พวกเราคุยกันดีๆ ผมขออภัยสำหรับคำพูดเมื่อครู่ ขอโทษ ขอโทษจริงๆ……”
ระหว่างพูดก็แอบดึงตัวออกไปข้างหลัง จงจิ่งห้าวสังเกตเห็น เพียงแค่ไม่ติดใจ
ยังไงแล้วฉินยาก็อยู่ในมือเขา จุดนี้ เขาจึงจำเป็นต้องยอมก่อน
ถึงระยะปลอดภัยแล้ว กู้เป่ยโดดลงจากโซฟายืนอยู่ด้านข้าง ใช้มือเช็ดที่คอมือเปื้อนไปด้วยเลือด เขาตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ถ้าหากบาดแรงอยู่นิด บางทีวันนี้ชีวิตของเขาอาจจะต้องทิ้งไว้ที่นี่แล้ว
เขาตาแดงก่ำ ท่าทางโมโห “คุณบ้าไปแล้ว”
จงจิ่งห้าวจัดแขนเสื้ออย่างใจเย็น “ล้อเล่นเท่านั้น ประธานกู้ไม่ต้องจริงจัง”
“เลือดไหลแล้ว คุณบอกผมว่าล้อเล่น? คุณคิดว่าผมโง่เหรอ?” กู้เป่ยหายใจหอบ เหลือแค่พังโต๊ะแล้ว
“ไม่ได้ล้อเล่น หรือผมจะอยากฆ่าประธานกู้จริง?” จงจิ่งห้าวเงยหน้าขึ้น มองเขาแล้วพูดว่า “ผมมาวันนี้ ไม่ได้มาสร้างศัตรูกับประธานกู้ ถ้าหากประธานกู้ยืนยันจะเอาเป็นเอาตาย พวกเราไม่มีใครดี”
กู้เป่ยหรี่ตา “คุณกับเหวินชิงมีเรื่องกันรุนแรงแค่ไหน ใครเป็นใครตายก็ไม่เกี่ยวกับผม แต่ว่าพวกคุณดึงผมลงไปด้วย เห็นผมรังแกง่าย?”
เขาก็มีคนมีอารมณ์
ถ้าหากเขายอมกลืนความโมโหไปแบบนี้ อีกหน่อยยังจะอยู่ในสังคมต่อไหม?
“คุณพูดข้อเสนอ จะทำยังไงถึงยอมปล่อยคน?” จงจิ่งห้าวลุกขึ้นเดินมา กู้เป่ยถอยหลังสองก้าว “คุณอย่าเข้ามา”
ในใจเขายังมีความกลัวต่อจงจิ่งห้าว ผู้ชายคนนี้แม่งน่ากลัวเกินไป
จงจิ่งห้าวยืนนิ่งแล้ว หัวเราะพูดว่า “นี่ทำให้ประธานกู้ตกใจแล้วหรือ? นิสัยไม่ดี ควบคุมไม่อยู่กะทันหัน ประธานกู้อย่าได้ถือสา”
กู้เป่ยแขวะในใจ นี่เรียกว่านิสัยไม่ดี?
“ผมยื่นข้อเสนออะไรคุณตกลงทุกอย่างเหรอ?” กู้เป่ยไตร่ตรองความสำคัญของฉินยาที่มีต่อของจงจิ่งห้าว
ถ้าสำคัญมาก เขาก็ต้องเอาข้อดีให้มากที่สุด
สิ่งที่เขาเสียงเปรียบไป จะไม่เสียไปฟรีๆแน่
“ประธานกู้นี่กำลังล้อเล่นใช่เหรอ? ข้อเสนออะไรก็ตกลง คุณขอพระจันทร์กับผม ผมจะไปเด็ดให้คุณมาได้หรือ? ผมไม่มีความสามารถแบบนั้น” จงจิ่งห้าวสะเด็ดเหล้าที่เปื้อนอยู่คอเสื้อ “ขอแค่ประธานกู้ไม่ได้ขอเกินเลยไป ในขอบเขตความสามารถของผม ผมล้วนตกลงได้หมด”
“ขอผมคิดดูก่อน” กู้เป่ยจับฉินยาก็เพราะทนไม่ไหว จงจิ่งห้าวหลอกใช้เขาหลอกลวงเขา ต้องการแค่คำอธิบาย ตอนนี้ดูแล้ว ความแค้นนี้มีแน่แล้ว
ถ้าอย่างนั้น เขาก็ไม่มีวันปล่อยผู้หญิงคนนั้นง่ายๆ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีอะไรมาเดิมพันกับจงจิ่งห้าวแล้ว
ตอนนี้เขาใช้ได้เพียงแผนถ่วงเวลา
แผนการระยะยาว
“เรื่องระหว่างผู้ชายอย่างเรา คุณจับผู้หญิงคนหนึ่งมา ข่าวลือออกไปผมเกรงว่าจะทำให้ประธานกู้เสื่อมเสียชื่อเสียง” เสิ่นเผยซวนพูดต่อ
“ไม่ต้องมาพูดสำนวนทางการกับผม” ประธานกู้จับคอไว้ “ผมบาดเจ็บแล้ว ผมต้องไปโรงพยาบาล เกี่ยวกับเรื่องปล่อยคน พวกเราคุยกับวันหลัง”
กู้เป่ยพูดจบก็ไป
กู้เป่ยที่เดินออกจากห้องรู้สึกว่ามือเหนียว มองดูมือแล้วยังมีเลือด เขาตะโกนอย่างโมโห “พี่สี่”
ลูกน้องในไนต์คลับรีบวิ่งเข้ามา “ท่านชายสี่ ออกไปแล้ว”
กู้เป่ยโมโหจนตะโกนด่าอย่างเสียงดัง “ไปเตรียมรถให้ฉัน พาฉันไปโรงพยาบาล”
“ครับ ผมไปเดี๋ยวนี้” ลูกน้องวิ่งไปเตรียมรถ
ลูกน้องขับรถส่งกู้เป่ยไปโรงพยาบาล หมอตรวจเสร็จแล้ว บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่หนังถลอกเท่านั้น บาดแผลลึกนิดหน่อย ถึงได้เลือดไหล ไม่ได้บาดโดนจุดอันตราย
เมื่อหมอทำแผลให้เขาแล้ว บอกว่า “อากาศร้อน ไม่เหมาะที่จะใช้ผ้าพันแผล รักษาความแห้ง แผลถึงจะแห้งเร็ว”
กู้เป่ยตอบว่ารู้แล้ว ตอนที่ลุกขึ้นเดินออกจากห้องตรวจ เจอซูจ้านบนทางเดิน
ซูจ้านพาคุณย่ามาให้หมอตรวจร่างกาย ผลตรวจออกมาแล้ว เขามาให้หมอดูที่ห้องตรวจ
ทั้งสองสบตากัน กู้เป่ยไม่อยากพูด เมื่อกี้เพิ่งถูกจงจิ่งห้าวทำให้บาดเจ็บ ตอนนี้ยังอยู่ในอารมณ์โมโห แม้แต่คนที่มีความเกี่ยวข้องกับเขาแค่ดูก็เกลียดไปด้วย
ทำเสียงเย็นชาชนไหล่ของซูจ้านแล้วเดินไป
“ประธานกู้นี่คือบาดเจ็บเหรอ?” ซูจ้านเป็นคนไม่ยอมเสียเปรียบอยู่แล้ว ถูกคนชนไหล่อย่างโมโหร้าย อารมณ์ก็ไม่ดีอย่างมาก
“บาดเจ็บที่คอ ไม่มีอันตรายถึงชีวิตหรอกนะ?” ซูจ้านถามอย่างเย็นชา
กู้เป่ยกัดฟัน หันกลับมาชี้หน้าซูจ้าน “ผมไม่อยากต่อปากต่อคำกับคุณ ช่วยเอาคำพูดไปบอกกับจงจิ่งห้าวด้วย อยากจะช่วยผู้หญิงคนนั้น ให้เขาเข้ามาขอโทษ”
ซูจ้านชะงักไปครู่หนึ่ง ผู้หญิง ผู้หญิงคนไหน ?
หลินซินเหยียนเพิ่งกลับเมืองB ก็เกิดเรื่องแล้ว?
“ผู้หญิง ผู้หญิงคนไหน?”
กู้เป่ยทำเสียงเย็นชา “คุณกับจงจิ่งห้าวใกล้ชิดกันขนาดนั้น จะไม่รู้เหรอ?”
เขารู้สึกว่าซูจ้านก็คือแกล้งโง่กับเขา
ขี้เกียจไร้สาระกับเขา หมุนตัวก็เดินจากไป ซูจ้านเข้าไปจับเขาไว้ “คุณพูดให้ชัดเจน ผู้หญิงอะไร?”
กู้เป่ยสะบัดมือของซูจ้านทิ้ง พูดอย่างโมโห “จะมีผู้หญิงอะไร ก็ผู้หญิงที่ชื่อฉินยาที่ฉันจับมาจากเมืองCคนนั้นไง”