กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 600 ที่แท้นายรักเด็กนี่เอง
เสิ่นเผยชวนยิ้มตอบ ไม่โต้ตอบใดๆ อย่างที่ซูจ้านบอกว่าเขาไม่เข้าใจความรัก เขาไม่สามารถคัดค้านได้
“เข้ามานั่งก่อนเถอะ” ผู้บัญชาการซ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่โซฟา เมื่อเห็นพวกเขาเดินเข้ามา จึงวางหนังสือพิมพ์ลง
เสิ่นเผยชวนเดินเข้ามา ชางหยูนั่งลงด้านหลังเขาอย่างเงียบๆ
“เผยชวน พวกเธอนั่งรอเดี๋ยวนะ อาหารเที่ยงใกล้จะเสร็จแล้ว” ซ่งหย่าซินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เสิ่นเผยชวนพยักหน้ารับ “ถ้างั้นวันนี้ต้องลำบากเธอแล้วนะ”
ซ่งหย่าซินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าคิดว่าฉันลำบาก นายก็เข้ามาช่วยฉันทำสิ?”
“อย่ารังเกียจฉันทำไม่เป็นแล้วกัน” เสิ่นเผยชวนลุกขึ้น ทีท่าคิดที่จะเข้าไปช่วย ซ่งหย่าซินโบกมือ “ฉันล้อเล่น คิดจริงหรือไง”
“พวกเธอนั่งเถอะ” จบประโยคเธอกลับหลังหันเดินเข้าไปในครัว
คุณนายซ่งยืนอยู่อีกด้าน จับจ้องชางหยูสักพัก ในใจรู้สึกเบื่อ จึงหมุนตัวเข้าไปในห้องครัว ทีแรกคิดที่จะจับคู่เสิ่นเผยชวนกับลูกสาวของตนให้อยู่ด้วยกัน แต่เขากลับพาแฟนสาวมาด้วย เธอจึงไม่สามารถรู้สึกสุขในใจได้
เธอเห็นว่าลูกสาวยังคงทำอาหารอยู่ จึงเข้ามาคว้ามีดในมือของเธอ “คุณออกไปอยู่ต้อนรับแขกเถอะ ในนี้ฉันคนเดียวก็พอแล้ว”
“ด้านนอกก็ไม่มีคนนอกนี่นา มีคุณพ่ออยู่” ซ่งหย่าซินไม่แยแสความในของแม่
ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ เพียงแต่เธอเองก็นึกประหลาดใจที่เสิ่นเผยชวนพาผู้หญิงมาด้วย เธอไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไร
มารดายืนอยู่อีกด้าน ถอนหายใจเฮือก “ทีแรกพ่อของคุณให้แต่งงานกับเสิ่นเผยชวน คุณไม่ยอม ดูเขาตอนนี้สิ เป็นรองผู้อำนวยการแล้ว หลายปีมานี้ข้างกายเขาก็ไม่เคยมีเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับผู้หญิงมาก่อน……”
“แม่” ซ่งหย่าซินไม่อยากจะฟังมารดาพึมพำ “เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ เลิกพูดสักทีจะได้ไหม?”
บนโลกนี้ไม่มียารักษาการเสียใจทีหลังสักหน่อย ต่อให้เสียใจทีหลังจะมีประโยชน์อะไร?
“เฮ้อ” คุณนายซ่งถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนเดินเข้าไปช่วยลูกสาว “ไม่รู้ว่าเขามีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
ซ่งหย่าซินไม่โต้ตอบใดๆ น้ำมันในกระทะร้อนแล้วเธอเทของที่หั่นเสร็จแล้วลงไปในกระทะ ใช้ไฟอ่อนผัดขิงให้มีกลิ่นหอม ก่อนที่จะใส่เครื่องเทศ ก่อนที่จะเทเนื้อไก่ที่หั่นเสร็จแล้วลงไปในกระทะ
เสียงดังฉ่า กลิ่นอายที่หอมกรุ่นของเครื่องปรุงพวยพุ่ง
“เสิ่นเผยชวนมีวันนี้ได้ เพราะการเกื้อหนุนของพ่อคุณ” คุณนายซ่งยิ่งพูดก็ยิ่งขุ่นเคือง “เด็กผู้หญิงคนนี้ดูแล้วยังเด็กเกินไป ไม่เหมาะกับเสิ่นเผยชวนเลยแม้แต่น้อย”
“โถ่ แม่ ท่านจะพูดอะไรกันแน่?” ซ่งหย่าซินจับจ้องผู้เป็นแม่อย่างไร้หนทาง “เผยชวนแข็งกระด้างอย่างกับท่อนไม้ เขาหาแฟนได้ เราควรจะดีใจกับเขาถึงจะถูก ดูแม่สิ ทำไมถึงได้ดูไม่ดีใจเลย?”
“ทีแรกคิดว่าคุณจะอยู่ข้างเขาซะอีก คุณไม่เสียใจทีหลังหรือไง?” คุณนายซ่งคิดว่าลูกสาวราวกับคนที่ไร้หัวจิตหัวใจ
ทีแรกตาบอดเลือกผิดคน ตอนนี้เห็นเสิ่นเผยชวนมีแฟนแล้ว กลับไร้ปฏิกิริยาเลยแม้แต่น้อย
“เสียใจทีหลังแล้วจะมีประโยชน์อะไร? พลาดจากกันไปแล้วนี่” ซ่งหย่าซินเบะปาก “ท่านเลิกพูดสักทีได้ไหม?”
คุณนายซ่งคิดได้อย่างรวดเร็ว ผู้ชายบนโลกเยอะแยะไป อย่าตั้งความหวังไว้ที่ผู้ชายคนหนึ่งมากนักเลย ส่วนคุณน่ะยังสาวอยู่ แถมยังไม่มีลูก อยากจะหาใหม่ที่ดีกว่า ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่มีเพียงแค่เสิ่นเผยชวนคนเดียวสักหน่อย
ซ่งหย่าซินเม้มริมฝีปากแน่นไม่ตอบโต้
คุณนายซ่งหมุนตัวเดินออกจากห้องครัว ซ่งหย่าซินรั้งเธอเอาไว้ “แม่ ไปทำอะไร?”
“ฉันจะไปรินน้ำให้พวกเขาสักหน่อย” คุณนายซ่งกล่าว
“ฉันไปเอง แม่ดูอาหารในกระทะให้ที” ซ่งหย่าซินวางตะหลิวในมือลง
คุณนายซ่งรู้สึกว่าคนหนุ่มสาวมีเรื่องจะคุยกัน จึงเดินเข้ามา รับไก่ผัดเม็ดมะม่วงที่ลูกสาวผัดอยู่ พลันกล่าวถาม “เครื่องปรุงใส่หมดแล้วใช่ไหม”
“อืม ปรุงเสร็จแล้ว” ซ่งหย่าซินล้างมือ ก่อนหยิบแก้วรินน้ำผลไม้ยกออกไปด้านนอก วางลงตรงหน้าของพวกเขา พร้อมวางถาดที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะ นั่งลงบนโซฟาเดี่ยวตัวหนึ่งข้างๆ ชางหยู “เธอดูยังเด็กมากอยู่เลย คงจะเด็กกว่าเผยชวนสินะ?”
ชางหยูกล่าว “อืม”
“เธอทำงานที่ไหนหรือ?” ซ่งหย่าซินหยิบองุ่นลูกหนึ่งจากจานยัดเข้าปาก
ชางหยูไม่ปิดบังแต่อย่างใด ไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้มีอะไร จึงกล่าวตอบ “นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง”
ซ่งหย่าซินนิ่งไปสักพัก เห็นว่าชางหยูยังเด็ก แต่ไม่คิดว่ายังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง สายตาของเธอกวาดไปที่เสิ่นเผยชวน พลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายชอบเด็กขนาดนั้นเลยหรือ? แต่ก่อนคิดว่านายไม่ชอบผู้หญิงซะอีก”
เสิ่นเผยชวนฉีกรอยยิ้มแสยะ “ฉันก็เป็นคนปกติเหมือนกันนะ”
ซ่งหย่าซินหยักหน้า “ใช่สิ นายไม่ใช่ภิกษุที่จะไร้อารมณ์นี่หน่า”
แต่ก่อนรู้สึกว่าเขาน่าเบื่อ ไม่รู้จักความโรแมนติก และไม่เข้าใจความรัก แต่หลังผ่านการแต่งงานมาครั้งหนึ่ง ถึงได้รู้ว่า ผู้ชายแบบนี้น่าเชื่อถือยิ่งกว่า เมื่อเทียบกับผู้ชายที่พูดจาอ่อนหวานแล้ว นิสัยแบบนี้ ไว้วางใจได้มากกว่า
คุณนายซ่งถามเธอว่าไม่เสียใจทีหลังหรือไง? จะไม่เสียใจทีหลังได้ยังไงกัน?
เธอเสียใจทีหลังเป็นอย่างมาก แต่ก่อนรู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่างไป แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นข้อดีไปซะอย่างนั้น
“หากมีเวลาว่างพาแฟนมาบ่อยๆ สิ ใช่สิ แฟนนายชื่อว่าอะไร” ซ่งหย่าซินกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
เสิ่นเผยชวนหันไปจับจ้องทางชางหยู ก่อนกล่าว “ชางหยู”
ชางหยูไม่ได้พูดแม้แต่คำเดียว เพียงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสงบเงียบ
“ทุกคนมาที่โต๊ะเถอะ อาหารเสร็จแล้ว” คุณนายซ่งยืนอยู่ที่หน้าห้องอาหาร กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ผู้บัญชาการซ่งลุกขึ้นกล่าวทันที “พอได้แล้ว ทานไปคุยไปเถอะ”
ทุกคนลุกออกจากโซฟามุ่งไปที่ห้องอาหาร เสิ่นเผยชวนประคองเอวของชางหยู เกรงว่าเธอจะอึดอัดท่ามกลางคนแปลกหน้า เพราะงั้นจึงห่วงใยความรู้สึกของเธอเป็นพิเศษ
ชางหยูแหงนหน้าขึ้นจ้องมองเขา มุมปากยกขึ้นยิ้มเล็กน้อย
เขาเป็นคนเฉยชาจริงๆ นั่นแหละ แต่ความอบอุ่นในบางครั้งบางคราว ก็ให้ความรู้สึกสบายใจ
ซ่งหย่าซินจ้องมองอย่างเงียบๆ ก่อนละสายตา
ผู้ชายคนนี้แต่ก่อนเป็นของเธอ ความอ่อนโยนนี้ก็เป็นของเธอ แต่ตอนนี้กลับเป็นของผู้หญิงอื่น ในใจเธอรู้สึกไม่สบายใจนัก
คุณนายซ่งปรับสติอารมณ์ เผยใบหน้าเปื้อนยิ้มให้กับชางหยู ให้เธอทำตัวกันเอง “มาที่นี่แล้วก็ถือซะว่าเป็นบ้านของตัวเองเถอะ”
ชางหยูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ผู้บัญชาการซ่งสั่งให้ลูกสาวนำไวน์ออกมาขวดหนึ่ง “ดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยไหม?”
เสิ่นเผยชวนกล่าว “ฉันขับรถมา ไว้คราวหน้าฉันจะดื่มเป็นเพื่อนเอง”
“ดื่มเป็นเพื่อนพ่อฉันหน่อยเถอะ ฉันจะขับรถไปส่งพวกเธอเอง” ซ่งหย่าซินรินไวน์ให้กับเสิ่นเผยชวน พลันตั้งใจโน้มตัวลงกระซิบข้างหูของเขา “ฉันหย่าแล้ว เขาไม่สบายใจ นายดื่มเป็นเพื่อนพ่อฉันหน่อยนะ”
เธอประชิดตัวเสิ่นเผยชวนอย่างใกล้ชิด ดูสนิทสนม เสิ่นเผยชวนเบี่ยงตัวหลบออก พร้อมกล่าว “ถ้างั้นก็ดื่มหน่อย”
ซ่งหย่าซินร่างแข็งทื่อไปพักหนึ่ง ระยะห่างและความห่างเหินของเสินเผยชวนทำให้เธอไม่คุ้นชิน หรืออาจเพราะความเย็นชาของเขาทำให้เธอรู้สึกไม่สบอารมณ์ เธอปรับอารมณ์สติให้กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เสมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน พลันจ้องมองชางหยูด้วยรอยยิ้ม “เธอดื่มเป็นไหม?”
ความเคลื่อนไหวของเธออยู่ในสายตาของชางหยู มือที่วางลงบนโต๊ะกำแน่นอย่างควบคุมไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเธอตั้งใจประชิดเสิ่นเผยชวน บางทีอาจเพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน จึงสามารถรับรู้ถึงความหมายของการกระทำของเธอได้
เธอส่ายหน้า “ฉันดื่มไม่เป็น” จบประโยคพลันหันไปกล่าวกับเสิ่นเผยชวน “คุณเองก็อย่าดื่มมาก ช่วงบ่ายคุณยังต้องส่งฉันกลับไปที่โรงเรียนอีก”
“ฉันไปส่งเธอเองก็ได้” ไม่ทันที่เสิ่นเผยชวนจะได้กล่าว ซ่งหย่าซินกลับขัดขึ้นเสียก่อน
ชางหยูกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่รบกวนคุณดีกว่า อันที่จริงเพราะฉันมีเวลาไม่มาก อยากจะให้เผยชวนเขาอยู่กับฉันสักหน่อย”
เธอไม่สามารถทนดูซ่งหย่าซินตั้งใจใกล้ชิดเสิ่นเผยชวนบ่อยครั้งอยู่ได้ แถมตั้งใจสนิทสนมกับเสิ่นเผยชวนต่อหน้าเธอ ต้องคิดไม่สื่อแน่
หากคนที่มาในวันนี้เป็นแฟนของเสิ่นเผยชวนจริงๆ ต้องเข้าใจผิดแน่
ดีที่เธอไม่ใช่แฟนของเสิ่นเผยชวนจริงๆ จึงสามารถคาดการณ์เรื่องราวด้วยมุมมองของผู้รับชมได้อย่างชัดเจน
ถึงได้เข้าใจเหตุการณ์ ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของเสิ่นเผยชวน หากแต่ผู้หญิงคนนี้ตั้งใจเข้าใกล้ ตั้งใจให้คนอื่นเข้าใจผิด
หากตั้งใจแสดงความยินดีกับเสิ่นเผยชวน ต้องรักษาระยะห่างเพราะรู้ดีว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว ไม่ใช่ตั้งใจใกล้ชิดเขา
ผู้บัญชาการซ่งหัวเราะอย่างมีความสุข “ถ้างั้นวันนี้ไม่ดื่มแล้วกัน คราวหน้างานแต่งของพวกเธอ ฉันค่อยดื่ม”
ซ่งหย่าซินวางขวดไวน์ลง รินให้ตนเองแก้วหนึ่ง ไม่รู้ว่าเธอพูดให้ใครฟังกันแน่ “มีคู่รักตั้งมากมายที่รักกันอยู่ดีๆ ก็เลิกรากัน บางคู่เพราะนิสัยเข้ากันไม่ได้ บางคู่เพราะความเคยชินที่ต่างกัน และบางคู่ที่อายุต่างกัน ไม่ถึงนาทีสุดท้าย ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเป็นยังไง”
เสิ่นเผยชวนเข้าใจความหมายในประโยคของเธอ เขารู้สึกอึดอัด รู้สึกว่าประโยคนี้เธอตั้งใจพูดให้เขาฟัง
“วันนี้ฉันมีความสุข จึงให้เผยชวนมาทานข้าวที่บ้าน คุณพูดบ้าอะไรกัน? คุณอารมณ์ไม่ดี อย่าลงกับคนอื่นสิ ไม่หิวก็ยังไม่ต้องกิน กลับเข้าห้องไปก่อน” ผู้บัญชาการซ่งเอ็ดลูกสาวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “หยุดพูดเรื่องที่ทำให้หมดสนุกบนโต๊ะอาหาร”
“ฉันเป็นลูกพ่อใช่ไหม? ทำไมถึงได้ไล่ฉันแบบนี้?” ซ่งหย่าซินกัดริมฝีปาก “ช่างเถอะ ฉันไม่ทานแล้ว”
จบประโยคเธอลุกขึ้นยืน กวาดสายตามองทุกคน “ต้องขอโทษด้วย ฉันอารมณ์ไม่ดี พูดจาใส่อารมณ์ทุกคนอย่าได้ถือสาเลย”
“เราไม่ใส่ใจหรอก นั่งลงเถอะ” เสิ่นเผยชวนรู้สึกไม่สบายใจ แต่กลับไม่แสดงออกบนใบหน้า เห็นแก่ผู้บัญชาการซ่ง เขาเองก็พูดอะไรไม่ได้
ผู้บัญชาการซ่งสีหน้าบึ้งตึง “นั่งลง”
ซ่งหย่าซินเดินเข้าไปโอบรอบคอของบิดาเอาไว้ “ฉันเพิ่งจะหย่าอารมณ์ไม่ดี พูดจาไม่เข้าหู ท่านอย่าถือสาเลย เผยชวนยังไม่โกรธฉันเลย ทำไมท่านถึงไม่หายโกรธล่ะ?”
ผู้บัญชาการซ่งดึงแขนของเธอ “เลิกแสร้งเพื่อหลอกล่อได้แล้ววันนี้เป็นเผยชวนหรอกนะ ต่อให้เป็นใครก็ต้องโกรธทั้งนั้นแหละ”
“ฉันรู้แล้ว จะไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว” ซ่งหย่าซินกลับไปนั่งลงบนที่ของตนเอง จ้องมองเสิ่นเผยชวนด้วยรอยยิ้ม “นายคงไม่ใส่ใจหรอกใช่ไหม?”