กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 603 อยากกลายเป็นผู้หญิงที่สามารถช่วยเหลือเขาได้
- Home
- กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม
- บทที่ 603 อยากกลายเป็นผู้หญิงที่สามารถช่วยเหลือเขาได้
เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าถ้าไม่มีกฎหมายอยู่ในสังคม ทุกอย่างมันต้องวุ่นวายมากแน่ๆ
แต่พอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่ มันก็รู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
เสิ่นเผยชวนไม่รู้จะปลอบเธอยังไงดี เรื่องแบบนี้คนนอกไม่เข้าใจหรอก แต่เขาเคยเจอกับเรื่องเลวทรามพวกนี้มาไม่น้อยเหมือนกัน
อย่างเรื่องพ่อกับแม่ของซางหยู ในความเป็นจริงนั้นมีหลายอย่างเกิดขึ้น ทุกๆคนล้วนเป็นคนเหมือนกัน แต่ต่างก็มีความคิดและวิธีการเป็นของตัวเอง เพราะงั้นทุกคนเลยไม่เหมือนกัน ฉะนั้นพอทำเรื่องแบบนี้ออกมา มันจึงเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงมาก่อน
สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือดูแลเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารคนนี้
ตอนนี้เขารู้เหตุผลจริงๆแล้วว่าทำไมแม่ของเธอถึงต้องโดนจับเข้าไป ตอนที่ดูจากสำนวนคดีมันเขียนบอกว่าถูกจำคุกเพราะคดีฆาตกรรม แต่ไม่ได้บอกว่าทำไมถึงก่อเหตุฆาตกรรม ทว่าตอนนี้เขารู้แล้วว่าที่จริงมันคือความอัดอั้นที่มีมานานถึงได้เกิดพฤติกรรมการต่อต้านที่รุนแรง แล้วจึงเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น มันก็น่าเห็นใจอยู่หรอก แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามการฆ่าคนยังไงก็คือการฆ่าคนวันยังค่ำ
ถ้าเกิดว่ามีใครคนใดคนหนึ่งสามารถลงโทษคนเลวได้ตามอำเภอใจ สังคมนี้คงวุ่นวายกันไปหมดแน่
ซางหยูก็ไม่รู้ว่าเมื่อกี้ตัวเองเป็นอะไร ถึงได้พูดเรื่องตัวเองออกมา“ขอโทษด้วย พูดเรื่องน่าอายซะแล้ว”
เสิ่นเผยชวนพูด“ไม่เลย อย่าถือสา รู้ไหมว่าทำไมบางประเทศบ้านเมืองเขายังจลาจลวุ่นวายอยู่?”
ซางหยูพูด“ก็เพราะว่าไม่มีการตั้งกฎหมายที่สมบูรณ์ไง ได้ยินมาว่าบางประเทศสามารถพกปืนได้ ถ้าได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นล่ะก็คงจะไม่ได้นอนหลับอย่างสงบสุขแน่ๆ”
“เพราะเหตุนี้กฎหมายถึงสำคัญไง กฎหมายที่สมบูรณ์ไม่เพียงแต่สามารถปกป้องความปลอดภัยของคนเราได้ แต่มันยังควบคุมสังคมเราได้ด้วย ถึงแม้เรื่องของแม่คุณจะน่าเห็นใจ แต่การทำผิดก็คือการทำผิด ยังไงก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย ไม่ว่าใครก็ต้องปฏิบัติตามนี้”เสิ่นเผยชวนพูด
“ฉันรู้ เมื่อกี้มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ”เธอก้มหน้าลง เธอรู้ทั้งรู้อยู่แก่ใจ ต้องโทษตอนนั้นที่ยังไม่โตพอ เลยไม่รู้ว่าควรติดต่อให้หน่วยงานไหนมาช่วย ทว่าตอนนี้มีนโยบายเกี่ยวกับผู้หญิงออกมามากมาย ฉะนั้นเรื่องการใช้ความรุนแรงในบ้านจึงมีมาตรการแก้ไขปัญหาที่ดีออกมาแล้ว
เสิ่นเผยชวนถาม“พวกเราจะไปที่ไหน?”
เขาไม่รู้ว่าควรจะขับไปทางไหน
“ฉันไม่คุ้นทางนี้ คุณช่วยขับไปทางเมืองฝั่งตะวันตกหน่อย”ซางหยูยิ้มพลางพูดขึ้น“ใช่สิ ลืมเรื่องกินข้าวไปเลย คุณคงหิวแล้วสินะ?”
เสิ่นเผยชวนบอกไปว่ายังไม่ค่อยหิว
พูดจบทั้งสองก็เงียบ ทั้งรถเงียบสนิททันที
ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากเมืองฝั่งตะวันตกมาก ไม่กี่นาทีก็ขับมาถึงแล้ว ซางหยูมักจะมาทำงานพารท์ไทม์ที่นี่บ่อยๆ เพราะงั้นเลยคุ้นเคยกับที่นี่
“เลี้ยวขวาที่สี่แยกข้างหน้า”
เสิ่นเผยชวนเลี้ยวขวาที่สี่แยกข้างหน้าตามที่เธอบอก
“ตรงตามถนนเส้นนี้ไปเรื่อยๆ”ซางหยูพูด
เสิ่นเผยชวนเหลือบมองเธอ“มีอะไรอร่อยหรอ?”
“เดี๋ยวไปถึงก็รู้เอง ถ้าบอกตอนนี้ก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ”ซางหยูบอกเป็นนัยให้เขาเดาเอง
เสิ่นเผยชวนหัวเราะออกมา แล้วไม่ถามต่ออีก แม้ชีวิตในวัยเด็กเธอจะไม่ค่อยดีนัก แต่เธอก็ยังเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี แถมยังเข้มแข็งมาก แม้จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่คนเดียว แต่ก็เห็นถึงความพยายามอย่างหนักของเธอ แถมท่าทางที่ไม่ย่อท้อของเธอก็เป็นอะไรที่หาได้ยากมาก
“จอดรถตรงที่ป้ายสีแดงข้างหน้า”ซางหยูพูด
เสิ่นเผยชวนขับรถไปจอดตรงที่มีป้ายสีแดง ซางหยูเปิดประตูลงรถไป
เธอยืนอยู่อีกด้านเพื่อรอเสิ่นเผยชวนเดินมาแล้วพูดขึ้น“เมื่อก่อนฉันเคยทำงานอยู่ที่ร้านนี้ แล้วก็สนิทกับเจ้าของร้านมาก แถมเป็ดย่างสูตรพิเศษของพวกเขาก็อร่อยมากๆด้วย”
ถึงทำเลที่ตั้งของร้านนี้จะไม่ค่อยดีนักแต่ว่ามันมีพื้นที่กว้างมาก การตกแต่งก็มีเอกลักษณ์และสะอาดสะอ้าน
“พวกเรามาช้าไปหน่อย ถ้าเป็นตอนกลางวันล่ะก็คนคงเยอะมาก พวกเราเข้าไปกันเถอะ”ซางหยูยิ้มพลางพูดขึ้น
เสิ่นเผยชวนพยักหน้าเมื่อเข้าไปในร้านเนื่องจากผ่านช่วงเวลาที่คนแน่นร้านที่สุดในช่วงเช้าไปแล้ว มันก็เลยมีที่ว่างเยอะเลย ซางหยูเลือกนั่งลงตรงข้างหน้าต่างที่สูงพื้นจรดเพดาน
“เห้ย นี่มันซางหยูนี่นา”พนักงานเสิร์ฟเดินเข้ามา พอเห็นเธอจึงเอ่ยทักทาย
ซางหยูหัวเราะแล้วพูดขึ้น“ใช่ ฉันเอง เป็นพนักงานที่นี่แล้วมากินข้าวที่นี่มีส่วนลดให้ด้วยใช่ไหม เดี๋ยวอย่าลืมลดให้ฉันด้วยนะ”
“ได้สิ”พนักงานเสิร์ฟมองมาทางเสิ่นเผยชวน แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยให้ซางหยู“คนนี้เป็น……”
“ลุงของฉัน”ซางหยูรีบพูดขัดหล่อน
“ฉันนึกว่าเป็นแฟนเธอซะอีก เอานี่ สั่งกับข้าวเถอะ”พนักงานยื่นเมนูให้พวกเขา
“ฉันสั่งให้เอง ฉันรู้ว่าที่นี่อะไรอร่อย”ซางหยูอาสาสั่งเองอย่างมั่นใจ
เสิ่นเผยชวนวางเมนูลง
“เอาอันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้ แค่นี้แหละ”ซางหยูเอาเมนูยื่นให้หล่อน
“ได้ เดี๋ยวจะมาเสิร์ฟให้อย่างรวดเร็วเลย”พนักงานเสิร์ฟยิ้มพูดกับซางหยู
หลังจากที่พนักงานเดินจากไป ซางหยูก็ลุกไปเทน้ำแล้วเอามาวางไว้ตรงหน้าเสิ่นเผยชวน“คุณดื่มน้ำก่อนสิ”
เสิ่นเผยชวนยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม ไม่นานพนักงานเสิร์ฟก็ยกอาหารมาให้ ซางหยูสั่งแค่สี่อย่าง แต่พนักงานกับยกมาให้ห้าอย่าง“เจ้าของร้านเห็นว่าเธอพาแขกมาทาน ก็เลยตั้งใจทำจานนี้มาให้อีกจานหนึ่ง”
พอยกกับข้าวลงมาหมดพนักงานเสิร์ฟก็เก็บถาดไป“ทานให้อร่อยนะคะ”พูดจบก็เดินออกไปเลย
ความพิเศษของที่นี่ก็คือหนังเป็ดย่างกรอบๆ เนื้อนุ่มๆฉ่ำๆ เธอหยิบแป้งห่อเนื้อเป็ดออกมาหนึ่งแผ่นแล้วถามขึ้น“คุณชอบทานหวานหรือว่าเผ็ด?”
เสิ่นเผยชวนพูด“เผ็ดหน่อยดีกว่า รสหวานคงเป็นรสชาติที่ผู้หญิงชอบ”
“ใครบอกกัน ผู้หญิงสมัยนี้ต่างก็กินเผ็ดกันทั้งนั้น”ซางหยูจิ้มซอสเผ็ดแล้วยื่นไปจ่อปากเสิ่นเผยชวน“ลองชิมดู”
เสิ่นเผยชวนมองเนื้อเป็นที่ยื่นมาตรงปาก มันใกล้เกินไปจนเขารู้สึกอึดอัด“คุณกินเถอะ เดี๋ยวผมห่อเอง”
“ทำไมล่ะ คุณว่ามือฉันสกปรกหรอ?ตอนที่ไปเทน้ำให้ฉันล้างแล้วนะ”ซางหยูไม่ยอม เธอยิ้มพูดขึ้น“กินเถอะ”
เสิ่นเผยทำได้แต่อ้าปาก ขณะที่เธอกำลังยัดเข้าไปในปากเขา เธอไม่ทันระวังนิ้วมือเลยพลาดไปโดนริมฝีปากของเขา เป็นสัมผัสที่นุ่มมาก เธอรีบชักมือกลับแล้วเอามือซ่อนไว้ใต้โต๊ะ
เธอมองเขาด้วยความคาดหวังแล้วถามออกไป“เป็นไงบ้าง อร่อยไหม?”
เสิ่นเผยชวนพยักหน้า เขาเองก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสในช่วงเวลาสั้นๆเมื่อกี้นี้ เพียงแต่แกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น“รสชาติไม่เลวเลย ไม่เลี่ยนด้วย”
อร่อยอย่างที่ว่าจริงๆ ปกติหนังเป็ดย่างจะติดมันเยอะๆ แต่ว่าอันนี้มันถูกย่างมาจนกรอบ เนื้อข้างในก็เด้งนุ่ม พอมาจิ้มคู่กับซอสเผ็ด ทุกครั้งที่เคี้ยวจึงให้รสชาติต่างกัน ทั้งเนื้อและหนังมันเข้ากันดี เนื้อมันไม่เลี่ยนเลย แถมหนังกรอบยังมีกลิ่นหอมมากๆด้วย
“ลองซอสหวานดูสิ อร่อยเหมือนกัน”ซางหยูยกซอสรสหวานมาวางไว้ตรงหน้าเขา เสิ่นเผยชวนทำเหมือนกันเธอ เขาหยิบแผ่นแป้งขึ้นมาก่อน แล้วคีบเนื้อเป็ดใส่จากนั้นก็เหยาะซอสหวานลงไปแล้วห่อเป็นคำ จากนั้นก็เอาใส่ปาก ซอสที่ต่างกันก็ให้รสชาติต่างกัน แต่ว่ามันก็อร่อยทั้งคู่
“คุณก็รู้จักอาหารดีๆนะเนี่ย”เสิ่นเผยชวนพูดความคิดของตัวเองออกไป
“ฉันก็เพิ่งรู้ตอนมาทำงานที่นี่ ฉันคงไม่มีเงินมานั่งกินเองหรอก”ซางหยูยิ้มพูดขึ้น ไม่นานเธอก็เปลี่ยนเรื่อง“ภรรยาในอนาคตของคุณต้องเป็นคนยังไงหรอ?ต้องมีพื้นเพครอบครัวที่ดีมาก หรือว่าการงานที่ดีอะไรพวกนั้นไหม?”
ตอนที่อยู่บ้านผู้บัญชาการซ่ง สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดว่าที่เขามีวันนีได้ก็เพราะพ่อของหล่อนทั้งนั้น แต่ในความรู้สึกของเธอ เธอคิดว่าทั้งหมดล้วนมาจากความพยายามของเขาเองต่างหาก
เธออยากเป็นผู้หญิงที่สามารถช่วยเหลือเขาได้
“อายุประมาณผม หน้าตาเรียบร้อยก็พอ ส่วนเรื่องพื้นเพครอบครัวกับเรื่องการงานนั้นไม่ได้กำหนด แค่เข้ากันได้ก็พอ”เสิ่นเผยชวนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เขาไม่ได้ใฝ่หาหรือต้องการคู่ครองอะไรขนาดนั้น ส่วนเรื่องแต่งงานนั้นมันเป็นเพราะเขาถึงช่วงอายุที่ควรต้องแต่งแล้วต่างหาก
นี่เป็นเงื่อนไขที่ไม่สูงมาก แต่สำหรับซางหยูแล้วนี่มันสูงลิบลิ่วเลย อย่างแรกเลยก็คือเธออายุห่างกับเขาเยอะมาก
ซางหยูคีบกับข้าวให้เขา“ฉันอยากเปลี่ยนคณะที่เรียนอยู่ คิดว่าน่าจะไปเรียนโรงเรียนตำรวจ”