กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 608 อยากจะด่าผมใช่ไหม
จงจิ่งห้าวแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วกอดเธอนอนต่อ
หลินซินเหยียนขมวดคิ้วขึ้น“ฉันล่ะอยากจะถ่ายรูปตอนคุณขี้เซาไปให้พนักงานที่บริษัทดูจริงๆ”
จงจิ่งห้าวกอดเธอแน่นขึ้นอีก พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอุดอู้ของคนที่กำลังตื่นนอนออกมา“ให้ผมถอดเสื้อผ้าออกให้หมดก่อนแล้วคุณค่อยถ่ายดีไหม?”
หลินซินเหยียน“……”
ไร้ยางอายคำๆนี้ได้เป็นตัวแทนของเขาไปแล้ว
“เลิกกวนฉันได้แล้ว ฉันต้องลุกไปแล้วจริงๆ”หลินซินเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เดี๋ยวฉันต้องไปดูซูจ้านที่เมื่อวานเมาทั้งคืน ส่วนฉินยาก็ไม่รู้ว่านอนหลับไหม”
ก่อนหน้านี้เห็นฉินยาดูท่าทางมั่นคง ทว่าพอเห็นแววตาเมื่อวานของหล่อนแล้วก็ดูเหมือนว่าจะยังมีความรู้สึกกับซูจ้านอยู่
เห้อ เธอถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าจะช่วยพวกเขายังไงดี ถึงจะเป็นผลดีต่อพวกเขา
“ถอนหายใจเรื่องอะไร?”จงจิ่งห้าวเงยหน้ามองเธอ พระอาทิตย์พึ่งขึ้นเอง ถอนหายใจแต่เช้าเป็นเรื่องไม่ดีเลย
“ฉันก็แค่คิดว่าฉินยามีอะไรในใจที่ยังไม่ได้บอกฉันไหม เพราะฉันรู้สึกว่าหล่อนยังคงไม่ได้ตัดใจจากซูจ้านทั้งหมด โอ๊ย……คุณทำอะไรเนี่ย?”เธอกำลังพูดอยู่ ทว่าจู่ๆจงจิ่งห้าวกลับกัดเธอ
“ไม่ต้องคิดเรื่องคนอื่นแล้วได้ไหม?”จงจิ่งห้าวไม่ง่วงแล้ว เขายื่นมือออกไปลูบที่หน้าท้องของเธอ“เพื่อลูกสาวของเรา คุณต้องกังวลให้น้อยลง”
หลินซินเหยียนเปิดเสื้อออกเพื่อดูเอวของตัวเอง ยังดีที่ไม่มีรอย จงจิ่งห้าวบีบแก้มของเธอ“ผมพูดจริงนะ”
“ฉันนึกว่าคุณ……ช่างเถอะ ลุกขึ้นได้แล้ว”เธอเลิกผ้าห่มออกแล้วเดินลงจากเตียง จงจิ่งห้าวนั่งนิ่ง“คุณจะพูดอะไรต่อ?อยากจะด่าผมใช่ไหม?”
เธอใส่รองเท้าแตะเดินไปที่หน้าลิ้นชักเพื่อหาชุดที่จะใส่วันนี้ แล้วพูดออกมาโดยไม่หันหลังไปมอง“อื้ม ฉันจะพูดว่าคุณนี่มันนิสัยเด็กน้อยจริงๆ”
จงจิ่งห้าวมองแผ่นหลังของเธอแล้วเอามือจับคางไว้พลางชื่นชมเรือนร่างอันงดงามของภรรยา ถึงเธอจะท้องแล้ว แต่ร่างกายก็ยังคงผอมบางมาก เธอสวมชุดนอนกระโปรงสายเดี่ยวเผยให้เห็นแขนที่ขาวนวลละเอียด ผมยาวสีดำขลับปล่อยสยายไปตามแผ่นหลัง ถึงแม้จะยังไม่ได้หวีแต่มันก็ดูไม่ยุ่งเลย
เขาบอกหลินซินเหยียนว่าอีกไม่กี่วันนี้จงฉีเฟิงจะกลับมาจากเมืองไป๋เฉิง เพราะต้องจัดการงานแต่งงานก็เลยต้องกลับมา และอีกอย่าเขาก็คิดถึงเด็กๆด้วย
หลินซินเหยียนถามว่าเฉิงยู่เวินจะมาด้วยรึเปล่า?
จงจิ่งห้าวบอกว่าคงจะมา
“แบบนี้ก็ดีเลย จากนี้ไปจะได้ให้เขาอยู่ที่นี่ เขาอายุมากแล้วแถมยังไม่มีคนดูแลอีก เพราะงั้นพวกเราจะดูแลเขาเอง”หลินซินเหยียนหยิบเสื้อผ้าที่จะใส่ในวันนี้ออกมาแล้วหันไปมองเขา“จะจัดงานจริงหรอ?”
จงจิ่งห้าวพยักหน้ารับ“ผมเลือกสถานที่ไว้แล้ว คุณไม่ต้องทำอะไรเลย เดี๋ยวผมจัดการทุกอย่างเอง”
หลินซินเหยียนทำได้แค่พยักหน้า“เดี๋ยวถึงเวลาผมจะเรียกอารองมาด้วย”
จงจิ่งห้าวลงจากเตียงแล้วเดินไปกอดเธอไว้“ถ้าคุณบอกว่าจะเชิญใคร พวกเราก็จะเชิญคนนั้น”
หลินซินเหยียนผลักเขาออก“ฉันไปอาบน้ำก่อน”
จงจิ่งห้าวหอมแก้มเธอเบาๆ“ไปเถอะ”
พอเธออาบน้ำเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้า ที่บ้านมีแขกเพราะงั้นจะใส่ชุดนอนลงไปไม่ได้ หลังแต่งตัวเรียบร้อยเธอถึงออกมา พอเดินผ่านห้องแต่งตัวก็เห็นว่าจงจิ่งห้าวกำลังพับแขนเสื้อของเขาอยู่ เธอเดินเข้าไปเมื่อเห็นสีกางเกงของเขา เธอก็หยิบเนคไทที่มีสีเข้ากันออกมา“ฉันช่วยนะ”
เธอเขย่งเท้าขึ้นพร้อมกับยื่นมือออกไปเพื่อพลิกปกคอเสื้อเขาขึ้นแล้วผูกเนคไทเข้าไป จากนั้นก็พับคอเสื้อลงแล้วดึงผูกปมเนคไทให้เท่ากัน จงจิ่งห้าวก้มหน้ามองสีหน้าที่จริงจังของเธอแล้วพูดขึ้น“ลูกสาวของคุณบ่นว่าผมไม่มีเวลาอยู่กับเธอ”
หลินซินเหยียนเงยหน้ามองแล้วถามออกไป“เมื่อไหร่?”
“เมื่อวาน”เขายื่นมือออกมาลูกท้องของภรรยา“หวังว่าเขาจะออกมาเร็วๆ เดี๋ยวพิธีแต่งงานเสร็จจะได้พาออกไปฮันนีมูนด้วยกัน”
หลินซินเหยียนก้มหน้ามองท้องขนาดใหญ่ของเธอ“ไม่ต้องฮันนีมูนหรอก ถ้าคุณมีเวลาก็ไปเล่นกับเด็กสองคนนั้นเถอะ”
มีลูกตั้งสองคนแล้ว แถมตอนนี้ยังท้องอีก ดังนั้นความฝันที่จะได้เข้าพิธีแต่งงานนั้นมันริบหรี่มาก เพราะไหนๆก็เคยใช้ชีวิตแต่งงานกันมาแล้ว
“ฉันยังดูเด็กอยู่เลยแท้ๆ แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับคนวัยกลางคนเลย”เธอหัวเราะเยาะออกมา
จงจิ่งห้าวไม่ชอบสิ่งที่เธอพูดกับตัวเองนี้มากจึงยื่นมือออกไปจับคางเธอเชิดขึ้น“พูดจาไร้สาระอะไรกัน?”
หลินซินเหยียนปัดมือเขาแล้วหยิบเสื้อสูทลงมา“ใส่ซะสิ”
เขาเอามือสอดเขาไปในแขนเสื้อ จู่ๆก็นึกถึงคำพูดที่ไร้สาระของลูกสาวแล้วพูดออกมา“ลูกสาวเราอยู่บ้านวันๆดูอะไรหรอ?”
“ยังไม่เปิดเรียน แถมหลังจากกลับมาก็ไม่เรียนเตรียมก่อนเข้าเรียนแล้วด้วย แล้วก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกบ่อยๆ นอกเสียจากว่าตอนที่พาเจ้าขาวไปเดินเล่นรอบๆ ส่วนนอกนั้นก็อยู่บ้านดูทีวี”หลินซินเหยียนจัดปกเสื้อสูทของเขาแล้วเงยหน้าถามขึ้น“เธอพูดว่าอะไรอีก?”
“จากนี้ไปให้เธอดูทีวีน้อยลงหน่อย มันไม่มีสาระ อีกอย่างผมเห็นว่าเธอสนใจในการวาดรูป ไม่งั้นเราไปสมัครคลาสวาดรูปให้เธอไหม”ทุกครั้งที่นึกถึงคำพูดพวกนั้นของลูกสาว เขาก็ปวดหัวขึ้นมาทันที
หลินซินเหยียนเอ่ยขึ้น“เดี๋ยวฉันจัดการเอง ฉันลงไปแล้วนะ”
จงจิ่งห้างตอบอืมออกมา
ทุกคนที่อยู่ชั้นล่างต่างก็ตื่นกันหมดแล้ว แม้แต่คนขี้เซาอย่างจงเหยียนซีก็ถูกป้าหยูปลุกขึ้นมาแล้ว
ตอนที่หลินซินเหยียนลงมาซูจ้านก็กำลังจะกลับพอดี
“กินข้าวเสร็จแล้วค่อยไปสิ”หลินซินเหยียนเรียกเขาไว้
ซูจ้านยืนอยู่หน้าประตู“เมื่อวานลำบากพวกคุณแล้ว”
“ไม่ลำบากเลย แต่คุณต้องดื่มให้มันน้อยๆหน่อย แบบนี้ไม่ดีต่อร่างกาย”หลินซินเหยียนพูดด้วยความเป็นห่วง เพราะการดื่มมากไปมันไม่ดีต่อร่างกาย
ซูจ้านก้มหน้าลง“จากนี้ไปผมจะระวังครับ”
“มากินข้าวเช้าก่อนเดี๋ยวค่อยไป”หลินซินเหยียนถามคุณน้าหวาง“อาหารเช้าเสร็จรึยังคะ?”
“ทำเสร็จหมดแล้ว กินตอนนี้เลยไหมคะ?”
“อื้ม ยกมาได้เลย”เธอให้ซูจ้านเข้ามา“เดี๋ยวฉันไปดูฉินยาก่อนว่าตื่นรึยัง”
เธอเดินมาเคาะประตูห้องฉินยา ฉินยาตื่นแล้ว แถมยังแต่งตัวแต่งหน้าเรียบร้อยเลยด้วย เพราะกลัวว่าจะมีคนเห็นรอยคล้ำใต้ตาดำของตัวเอง
หลินซินเหยียนเดินมาประคองหล่อน”ตื่นเช้าขนาดนี้ เมื่อวานไม่ได้นอนหรอ?”
“ฉันนอนหลับสนิทเลย ไม่งั้นคงไม่ตื่นเช้าขนาดนี้หรอก”ฉินยายิ้มพูดขึ้น
หลินซินเหยียนเงียบ เช้าขนาดนี้เธอก็ไม่อยากถามอะไรหล่อนมาก
คุณน้าหวางยกอาหารเช้าเข้ามา เธอประคองฉินยามานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทานอาหาร เมื่อเห็นซูจ้านไม่เข้ามาจึงเอ่ยถามขึ้น“ทำไมไม่เข้ามาล่ะ ไม่หิวหรอ?”
“ผมยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า แถมบนตัวยังมีกลิ่นเหล้าอยู่ด้วย”ซูจ้านรับไม่ได้กับกลิ่นบนตัวเขา และกลัวว่าพวกเขาจะได้กลิ่นมัน
“พวกเราไม่ได้รังเกียจคุณสักหน่อย”จงเหยียนซีดึงมือเขาไว้“รีบเข้ามากินข้าวเร็ว”
ซูจ้านเดินตามเด็นสาวเข้ามาที่โต๊ะทานอาหาร
จงเหยียนซีเงยหน้ามองฉินยา“คุณน้าเยี่ยนเยี่ยนรังเกียจลุงซูไหมคะ?”
ซูจ้านเงยหน้ามองฉินยาโดยสัญชาตญาณ