กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 611 ไม่เชื่อฉันเหรอ
ครูและนักเรียนทั้งหมด ต่างยืนรวมกันที่สนามออกกำลังกาย นอกจากจะมีการทำกิจกรรมอะไรแล้ว ครูและนักเรียนก็จะมารวมตัวกันแบบนี้
นี่เป็นครั้งแรก ที่เรียกทุกคนมารวมตัว เพียงเพราะ ‘ความผิด’ ของนักเรียนคนเดียว
ในใจของซางหยูจะแข็งแกร่งมากขึ้นเพียงไหน เมื่อเห็นนักเรียนมากมายขนาดนี้ ที่มีแต่คนมองด้วยแววตาเย็นชา ก็ทำใจให้สงบไม่ได้ มือเลยอดไม่ได้ที่จะกำแน่น กระดาษที่อยู่ในมือก็เปลี่ยนไปตามท่าทีที่เธอทำ มันยับยู่ยี่
ครูหันกลับมามองเธอ จากนั้นก็ถอนหายใจ “คุณจะต้องเป็นคนที่ทำผิดแน่นอน ไม่อย่างนั้นเรื่องที่มันผ่านมานานขนาดนี้แล้ว คงจะไม่ถูกหยิบออกมาพูดอีกครั้งหรอก”
ซางหยูคิดไม่ออกว่าตัวเองไปมีเรื่องกับใคร ใครอยากจะใส่ร้ายเธอ นอกจากลู่หว่านหว่านจะเปิดโปงเพื่อทำให้เธอลำบาก เธอก็คิดถึงคนอื่นไม่ออกแล้ว
ตอนนี้มาคิดดูดีๆ ลู่หว่านหว่านเหมือนจะไม่มีความสามารถนี้ ถึงอย่างไรมีเพียงแค่ผู้อำนวยการถึงจะตัดสินใจทำได้ เธอเองก็ได้เก่งกาจพอที่จะทำมัน
แล้วใครจะอยากใส่ร้ายเธอล่ะ?
เธอคิดไม่ออก
“ฉันเองก็ช่วยคุณไม่ได้” ครูเองก็รู้สึกจนปัญญา “คุณเดินไปข้างหน้าเถอะ”
ซางหยูรู้ว่าในเมื่อมีคนอยากจะใส่ร้ายเธอ ครูเองก็ทำอะไรไม่ได้
เธอตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ และรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ในใจเองก็รู้ดี ถ้าเกิดไม่ไปทำ เธออาจจะถูกพักการเรียน เธอจะเสียใบปริญญาไปไม่ได้ นี่เป็นที่เดียวที่จะทำให้เธอมีอนาคตที่ดี เธอจะต้องเรียนจบอย่างคนปกติ
ถึงตอนนี้จะรู้สึกน้อยใจมากเพียงใด แต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทน
เมื่อเดินมาอยู่ตรงหน้า นักเรียนก็เริ่มมีเสียงซุบซิบกัน ครั้งก่อนใครๆ ในมหาวิทยาลัยก็รู้จักเธอแล้ว ถึงแม้จะผ่านไป แต่ก็ยังพอจะจำเธอได้ ครั้งนี้เธอได้มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยแล้วจริงๆ
แน่นอนว่าไม่ใช่ชื่อเสียงที่ดีเท่าไหร่ แต่เป็นชื่อเสียงแย่ๆ ที่ทำผิด
ในตอนนี้ครูพูดขึ้น “เริ่มเลย”
เหล่านักเรียนต่างเงียบลงทันที ก่อนจะรอเธอตำหนิตัวเองตัวเอง
ซางหยูมองแววตาที่แดกดันและอยากจะเห็นความสนุกสนานของพวกเขา จากนั้นในใจก็รู้สึกแย่ไปเล็กน้อย เธอไม่ได้ทำเรื่องผิดศีลธรรมอะไร กลับต้องมาขอโทษต่อหน้าทุกคนเพราะเรื่องแย่ๆ นี้
เธอกดดันจนจะไม่ไหวแล้ว
เมื่อหายใจเข้าออก ทำมาตั้งหลายครั้งถึงจะได้ตรวจสอบสิ่งที่ที่เขียนเสร็จ ฝ่ามือของเธอนั้นเย็นชา สีหน้าเองก็ซีดเซียว ก่อนจะพูดที่ไมค์ออกมา【หนังสือตำหนิตัวเอง】
“……ครูที่เคารพ……นักเรียน วันนี้ฉันเขียนหนังสือตำหนิตัวเองเอาไว้ด้วยความเสียใจ เพื่อแสดงว่าฉันนั้น รู้สึกผิดอย่างหนักหนาต่อการกระทำที่ไม่เหมาะสมหน้ามหาวิทยาลัยก่อนหน้านี้ รวมไปถึงการตัดสินใจว่าจะไม่ทำอะไรผิดอีก……”
เสียงของเธอสั่นขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออ่านจนถึงประโยคท้ายๆ ก็แทบจะพูดไม่ออก
“ดังนั้นฉันคิดว่าต้องเขียนการตำหนิตัวเองฉบับนี้ให้ครู ให้ฉันได้สำนึกต่อความผิดของตัวเองอย่างลึกซึ้ง……”
“ทำอะไรเนี่ย?” ตำรวจที่มากับเสิ่นเผยซวน ต่างงงเป็นไก่ตาแตก
ในมหาวิทยาลัยจะมีคนที่สบประมาทแบบนี้อีกเหรอ?
ต่อหน้าครูและนักเรียนทุกคน
มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดต่อ “นักเรียนคนนี้เองก็กล้าจริงๆ”
เสิ่นเผยซวนมีแววตาสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะพูดกับคนข้างๆ “คุณพาพวกเขาไปเถอะ”
วันนี้เขามาเพื่อเรื่องของแม่ของซางหยู มันไม่ต้องให้เขามาก็ได้ เพราะจะมีคนมาบอกกับญาติโดยเฉพาะ เมื่อเขารู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับแม่ของซางหยูเลยตามมา เพราะถึงอย่างไรก็รู้จัก แต่คิดไม่ถึงเลยว่า……
เขาชายตามองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า ผู้หญิงผอมๆ เธอมัดผมหางม้าแบบง่ายๆ พลางก้มหน้าก้มตา ถึงจะมองอารมณ์ไม่ออกเท่าไหร่ แต่จากที่เห็นท่าทีที่ยืนอย่างแข็งแกร่งของเธอ ถึงจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ก็ยืนตัวตรง
ตำรวจข้างๆ ต่างมาด้านหน้าเพื่อบอกสถานการณ์กับครู ปกติคนที่ทำผิดนั้นเกิดอะไรขึ้น โทรมาบอกญาติก็พอแล้ว
แต่ครั้งนี้ เสียชีวิตด้านใน เลยต้องส่งต่อให้ญาติ
หมอตามกฎหมายตรวจดีเอ็นเอแล้ว บอกว่าตายเพราะความเจ็บป่วย
พวกเขาไม่รับผิดชอบแต่ก็ต้องบอกกับญาติๆ สักหน่อย
จู่ๆ ก็มีตำรวจในเครื่องแบบเดินมา ทำให้ทุกคนสงสัยมากขึ้น ตำรวจหลายคนนั้นมองอย่างมั่นคง ก่อนจะเดินมาที่ที่เหล่าครูนั่งอยู่ตรงๆ “เรามาจากสถานีตำรวจ ขอถามหน่อย ว่าที่นี่มีนักเรียนชื่อซางหยูไหม?”
ครูของซางหยูยืนขึ้น จากนั้นก็มองพวกเขาด้วยความไม่สบายใจ “พวกคุณ……”
มีนักเรียนชี้มาที่ซางหยูพลางพูด “เธอนั่นแหละ”
ตำรวจหลายคนมองมา จากนั้นก็เห็นเด็กสาวที่อ่านหนังสือตำหนิตัวเองต่อหน้าครูและนักเรียนทุกคน พลางถาม “คุณคือซางหยูงั้นเหรอ?”
ชางหยูเองก็มองพวกเขา พลางถาม “ฉันคือซางหยูเอง”
ครูรีบเดินมา ก่อนจะถามต่อหน้าซางหยู “เธอทำอะไรผิดหรือเปล่า?ทำอะไรพลาดหรือเปล่า?อันที่จริงเธอเป็นนักเรียนที่ดีนะ……”
“เปล่า เธอไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เรามาหาเธอเพราะมีธุระนิดหน่อย”
ครูโล่งใจ พลางคิดว่าค่อยยังชั่วที่ไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นซางหยูคงจะถูกทำลายจนป่นปี้
ถึงอย่างไรคดีที่น่าตกใจนั้น ก็ยังจะจะอยู่ในแฟ้มคดีอยู่ดี
“ไปกับเราเถอะ” พวกเขาพูดด้วยความจริงจัง
ซางหยูเดินมาถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในใจเองก็ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ถอย “ฉันจะไปกับพวกคุณ”
เมื่อหันกลับมาสบตาครู พลางยิ้มออกมา “ไม่ต้องกังวล ฉันไม่เป็นอะไรหรอก”
เธอไม่เคยทำเรื่องผิดกฎหมาย อีกอย่างพวกเขาเองก็บอกแล้ว ว่ามีธุระเท่านั้น อาจจะมาเพื่ออยากจะเข้าใจสถานการณ์จากเธอมากขึ้นเท่านั้นเอง
ครูนั้นไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนเธอ ถึงอย่างไร เรื่องของมหาวิทยาลัยนี้ มีคนอยากจะท้าชนกับเธอ ตอนนี้มีตำรวจมาอีก เขาจะไม่กังวลใจได้อย่างไร?
“เราไปกันเถอะ”
ตำรวจหลายคนพาซางหยูไปต่อหน้าทุกคน เพื่อไม่ให้ทุกคนพูดอะไรที่ไม่ดีกับซางหยู เลยบอกเหตุผลที่ต้องพาเธอไป แต่แน่นอนว่าจะพูดตรงๆ ก็ไม่ได้
“ที่พานักเรียนคนนี้ไปไม่ใช่เพราะเธอทำอะไรผิด แต่เป็นเพราะมีคดีที่เกี่ยวกับเธอ เลยอยากจะรู้สถานการณ์จากเธอสักหน่อย”
เมื่อพูดจบพวกเขาก็พาซางหยูไป
ระหว่างทางนั้นซางหยูไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ช่วงนี้เธอไม่ได้เจอเรื่องอะไรพิเศษ ดังนั้นเมื่อออกมาจากมหาวิทยาลัยเลยรีบถาม “พวกคุณมาหาฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
มีคนหนึ่งในนั้นพูด “เดี๋ยวถึงแล้วค่อยว่ากัน”
ซางหยูทำได้เพียงกดความไม่สบายใจเอาไว้ ก่อนจะตามพวกเขาขึ้นรถไป ตอนที่เปิดประตู เธอก็เพิ่งจะเห็นว่าเสิ่นเผยซวนเองก็อยู่ด้วย
“ทำไมคุณ……”
“ขึ้นมาเถอะ” เสิ่นเผยซวนนั่งเข้าไปด้านใน ก่อนจะเว้นที่ให้เธอ
ซางหยูนั่งลง จากนั้นก็ปิดประตูพลางถาม “คุณรู้ไหมว่าพวกเขาจะมาหาฉันทำไม?”
เสิ่นเผยซวนถามกลับโดยที่ไม่ได้ตอบ “เรื่องในครั้งก่อนมันจบไปแล้วไม่ใช่เหรอ?ทำไมวันนี้ยังต้องมาตำหนิตัวเองต่อหน้าครูและนักเรียนทุกคนอีก?”
ซางหยูผลุบตาลงต่ำ จากนั้นก็พูดเสียงเบา “ไม่มีอะไร”
เธอไม่อยากทำให้เสิ่นเผยซวนลำบากใจอะไร
เสิ่นเผยซวนขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้พูดความจริง เลยถามเธอ “เชื่อฉันไม่ลงใช่ไหม?”
ซางหยูรีบส่ายหัว “ไม่ใช่ ฉันจะไม่เชื่อคุณได้อย่างไร……ครั้งก่อนเพราะฉันเลยทำให้คุณลำบาก ฉันรู้สึกผิดกับคุณมาก แต่ไม่อยากจะทำให้คุณลำบากอะไรอีก”