กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 618 ฉันจะหายไปจากสายตาของคุณตลอดไป
หลินซินเหยียนมองซูจ้าน จนเกือบจะพูดเรื่องของฉินยาออกมาแล้ว ให้เขารู้ว่าในใจของฉินยานั้นเจ็บปวดขนาดไหน
แต่สติก็ควรจะมาก่อนทุกสิ่ง เธอเคยสัญญากับฉินยาเอาไว้เลยบอกซูจ้านไม่ได้
“เสี่ยวยาเธอลำบากมาก คุณเป็นผู้ชาย ไม่ว่าเธอจะด่าคุณ ตบคุณ คุณก็ต้องทน”
“ฉันรู้” ซูจ้านก้มหน้าลง “ก่อนหน้านี้ฉันผิดเอง……”
“ซูจ้าน” หลินซินเหยียนให้เขาหยุดพูด “ฉันไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น ไม่ว่าเธอจะทำอะไรเพราะอะไร คุณก็ต้องยอมเธออย่างไม่มีข้อแม้ สัญญากับฉันได้ไหม?”
ซูจ้านไม่สบายใจอยู่ลึกๆ “พี่สะใภ้ คุณมีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ คุณเป็นแบบนี้ทำให้ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร เหมือนมีเรื่องอะไรที่ซ่อนอยู่เลย”
“คุณสัญญากับฉันก็พอแล้ว” หลินซินเหยียนปิดปากเงียบ เรื่องนี้ต้องให้ฉินยาเตรียมใจ ตอนที่ตัวเองสามารถเผชิญได้แล้ส ค่อยบอกซูจ้านตรงๆ ดีกว่า
ไม่ว่าสุดท้ายพวกเขาจะสามารถกลับมาคบกันได้อีกหรือไม่ สถานการณ์ของฉินยาก็ต้องให้เธอเป็นคนพูดเอง
ฉินยาเคยตั้งท้องลูกของเขา แต่โชคไม่ดีที่ไม่ได้คลอดออกมา แต่ก็ยังมีความหมายอยู่บ้าง
หลินซินเหยียนเอาถ้วยชามออกมาจากตู้ใส่ชาม ก่อนจะใส่ข้าวและน้ำแกง แล้วก็หยิบชามเล็กๆ ที่ไม่ได้ใส่อะไรออกมา ก่อนหน้านี้ไม่ได้อยากจะเหลือกับข้าวเอาไว้ ดังนั้นเลยต้องตักจากโต๊ะกับข้าว
เธอหยิบถาดส่งให้ซูจ้าน ให้เขาถือ
ซูจ้านตามอย่างเชื่อฟัง เหมือนเด็กที่ทำผิด ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ฉินยาเจอเรื่องแย่ๆ เพราะเขาไม่ได้จัดการเรื่องของหลิวเฟยเฟยให้ดีเลยเป็นแบบนี้ เขาคิดบุญคุณฉินยาอยู่ จากนั้น เขาเลยต้องทำดีทดแทน
และรักเธอให้ดี
หลินซินเหยียนเลือกกับข้าวที่เหมาะกับฉินยา ก่อนจะใส่ในถาด “คุณเอาเข้าไปให้หน่อย”
ซูจ้านพูดขึ้น “พวกคุณไม่ต้องรอฉัน”
“ใครรอคุณ เราจะกินให้หมดเลย” เสิ่นเผยซวนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะคีบกับข้าวเข้าปาก
ซูจ้านหัวเราะ “คุณกินเถอะ อย่าสำลักก็แล้วกัน”
เมื่อพูดจบก็หันตัวเดินจากไป
จงเหยียนซีหัวเราะอยู่ข้างๆ “คุณอาเสิ่น คุณถูกคุณอาซูเถียงแล้วใช่ไหม?”
“ได้ยินแล้วยังพูดแบบนี้อีก รู้สึกแย่กว่าการที่เขาเถียงฉันอีก รู้ไหม?” เสิ่นเผยซวนมองเด็กน้อย
จงเหยียนซียิ้มอย่างมีความสุขมากกว่าเดิม “ฉันรู้แล้ว ดังนั้นเลยตั้งใจถามไง คิกๆ”
เสิ่นเผยซวนโกรธจนหัวเราะออกมา “เด็กอย่างคุณ ทำไมปากคมกริบมากขึ้นเรื่อยๆ เลย เดี๋ยวโตขึ้น จะไม่มีใครกล้าแต่งงานกับคุณนะ”
เมื่อได้ยินเสิ่นเผยซวนพูดแบบนี้ จงจิ่งห้าวก็เงยหน้าขึ้นมา พลางมองไปที่ลูกสาวสุดที่รัก เธอยังเด็กมาก ใบหน้าที่สวยเหมือนหยกแกะสลักนั้นเหมือนตุ๊กตาน่ารักเลยล่ะ
จู่ๆ เขาก็วางตะเกียบลง และคิดว่าถ้าลูกสาวโตแล้วจะแต่งงาน เขาจะต้องเศร้าใจมากแน่นอน
ลูกสาวของเขา ไม่มีใครคู่ควรหรอก!
ยิ่งคิดในใจก็ยิ่งไม่มีความสุข จงจิ่งห้าวลุกขึ้นออกจากห้องอาหาร เสิ่นเผยซวนเบลอไปหมด เลยมองหลินซินเหยียนพลางถาม “พี่สะใภ้ เขาเป็นอะไรเหรอ?ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่า?”
หลินซินเหยียนมองจงจิ่งห้าวเล็กน้อย ก่อนจะพูด “ไม่เป็นไร คุณกินข้าวเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปดูเขาเอง”
เสิ่นเผยซวนพยักหน้าก่อนจะกินข้าวต่อ แล้วก็เถียงกับเด็กสองคนนั้นบ้าง
ฉินยายังนอนอยู่ในห้องไม่อยากออกมา ซูจ้านเรียกเธอหลายครั้ง แต่เธอทำเป็นไม่ได้ยิน
ซูจ้านนั่งข้างเตียง “คุณจะไม่ชอบฉันอย่างไร ก็ต้องกินข้าวนะ ทำไม่ดีกับตัวเองแบบนี้ อยากให้ฉันเจ็บปวดใจเหรอ?”
“ใช่ ฉันไม่ชอบคุณมากๆ ดังนั้นออกไปเถอะ” ฉินยารำคาญที่จะฟังเขาแล้ว
“คุณไม่ชอบฉันก็ไม่เป็นไร ฉันจะสอนให้คุณชอบฉันเอง” ซูจ้านยื่นมือออกมาดึงผ้าห่มของเธอออก จากนั้นก็เรียกเธอไปกินข้าว แต่ฉินยาโกรธแล้ว
“ไสหัวไป!” เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป
“ขอแค่คุณกินข้าว ฉันก็จะไปให้คุณดู” ซูจ้านยิ้มแย้ม “ขึ้นมาเถอะ”
ฉินยานั่งขึ้นมา ในตอนนั้นซูจ้านถึงจะเห็นตาของเธออย่างชัดเจนว่ามันทั้งแดงและบวม ในตอนนั้นก็ปวดใจไม่น้อย เลยยื่นมือมาจับ แต่กลับถูกฉินยาเห็นเข้าเลยปัดออก “ถ้าเกิดกล้ามาตอแยกับฉัน ฉันจะหายไปจากคุณ แล้วจะไม่ให้คุณได้เห็นอีกเลย ซูจ้าน ฉันพูดจริงทำจริงนะ”
ซูจ้านไม่กล้าพูดอะไรมากอีก เลยยืนขึ้นมา “ฉันไปก็ได้ๆ คุณยังบาดเจ็บอยู่ พักผ่อนดีๆ ล่ะ คุณกินข้าวเถอะ ฉันจะออกไปแล้ว”
เมื่อพูดจบก็รีบเดินออกไป กลัวว่าฉินยาจะหลบหน้า แล้วไม่ให้ตัวเองได้เจอเธออีก
เสิ่นเผยซวนกินข้าวเสร็จแล้ว เมื่อเห็นซูจ้านออกมา เลยพูด “เราไปกันเถอะ”
ซูจ้านยังอยากนั่งอยู่สักพัก เพราะกลัวว่าฉินยาจะไม่กินข้าว
เสิ่นเผยซวนเห็นว่าเขามีเรื่องในใจ เลยยื่นมือไป “เอากุญแจรถมาให้ฉัน คุณรอสักพักให้คนขับรถไปส่งคุณกลับไปเถอะ หรือบางทีคุณขับรถของจิ่งห้าวก็ได้ เพราะเขามีรถเยอะ”
ซูจ้านคิดสักพัก “ฉันกับคุณไปด้วยกันเถอะ ตอนนี้เธอไม่อยากเจอฉัน”
เสิ่นเผยซวนยิ้ม “งั้นไปเถอะ”
“พี่สะใภ้ เราไปก่อนนะ” ทั้งสองคนบอกลาหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนพูด “โอเค ตอนกลางคืนขับรถให้ช้าๆ หน่อย”
ซูจ้านตกลง
ทั้งสองคนไปที่บ้านพัก ตอนที่ขึ้นรถซูจ้านเลยถาม “ให้ไปส่งคุณกลับบ้านไหม?”