กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 621 เป็นศัตรูกับฉันจะไม่มีทางลงเอยด้วยดี
- Home
- กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม
- บทที่ 621 เป็นศัตรูกับฉันจะไม่มีทางลงเอยด้วยดี
เสิ่นเผยชวนหันหน้าไปช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเล็กน้อย
“ซูจ้านอารมณ์ฉันไม่ค่อยจะดีนักเพราะงั้นอย่ามาล้อเล่นกับฉัน”
ซูจ้านจับจ้องใบหน้าของเขาเพ่งมองเขาอย่างละเอียดไม่เหมือนกับคนที่พูดเล่นแฮะ เขาเองจึงจริงจังขึ้นมา “บอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ?”
เสิ่นเผยชวนกระดกเหล้าเข้าปากอีกครั้งเขาไม่อยากให้คนอื่นต้องเป็นกังวลเพราะเรื่องของเขาจึงกล่าว “ไม่มีอะไรก็แค่อารมณ์ไม่มีขึ้นมากะทันหัน”
เขาวางแก้วลงพลันกล่าว “ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว”
หากแต่ซูจ้านไม่คิดแบบนั้น “เราเป็นสหายที่ดีต่อกันมีเรื่องอะไรอย่าปิดบังฉันเป็นอันขาด”
“ใครเป็นสหายคุณกัน? ในสายตาของคุณมีแต่ผู้หญิง” เสิ่นเผยชวนแสร้งหยอกล้อเขาราวกับว่าเขาไม่เป็นอะไร
“เห้คนอย่างคุณนี่มันหากในสายตาของฉันมีแต่ผู้หญิงแค่โทรศัพท์คุณสายเดียวฉันจะรีบแจ้นมาหาคุณทำไม? ฉันว่างมากนักหรือไง?” ซูจ้านรินเหล้าให้กับเขา
“คุณอยากดื่มไม่ใช่หรือไงวันนี้ไม่เมาเราสองคนไม่ว่าใครก็อย่าคิดที่จะกลับ!”
เสิ่นเผยชวนไม่ดื่มซูจ้านยกขวดเหล้าขึ้นกรอกใส่ปากของเขา “เหล้าเป็นยาอายุวัฒนะยิ่งดื่มยิ่งแข็งแรง”
“คุณเป็นหนุ่มไปคนเดียวเถอะ” เสิ่นเผยชวนผลักแขนของเขาออกพลันลุกขึ้นยืน “ฉันไปก่อน”
ซูจ้านลุกขึ้นตามหลังพลันเอาแขนพาดบนไหล่ของชายหนุ่ม “คุณนี่มันน่าเบื่อจริงๆ เลยเรียกฉันมาดื่มด้วยยังไม่ทันได้เริ่มเลยก็จะไปซะแล้วต่อจากนี้ฉันจะไม่เชื่อคุณอีกแล้วชอบลวงฉันอยู่เรื่อยเลยนะคะ”
เสิ่นเผยชวนขนลุกซู่ไปทั้งตัวเขากระตุกสั่นด้วยความเย็นวาบ “คุณช่วยทำตัวเป็นคนปกติหน่อยจะได้ไหมวะ”
“แล้วฉันไม่ปกติตรงไหนกัน? ฉันไม่ได้ร้องขอให้นายร่วมรักด้วยสักหน่อยรสนิยมทางเพศของฉันออกจะดี”
เสิ่นเผยชวน “……”
เขารู้สึกเสียใจทีหลังที่เรียกให้ซูจ้านมาหัวเขาต้องได้รับการกระทบกระเทือนแน่ถึงได้โทรหาเขาให้เขามาอยู่เป็นเพื่อนตนเขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
ทำไมถึงได้ลืมไปว่าซูจ้านเป็นคนนิสัยยังไงไปได้?
ในเวลานี้เองพนักงานคนอื่นเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นใบเสร็จค่าเหล้ามาให้ ซูจ้านชี้ไปที่เสิ่นเผยชวน “เขาจ่ายเอง”
“ทั้งหมดสามร้อยแปดสิบ” พนักงานยื่นใบเสร็จเข้ามา
เสิ่นเผยชวนควักกระเป๋าหนังหยิบเอาธนบัตรสีแดงสี่ใบยื่นให้กับเขาพร้อมกล่าว “ไม่ต้องทอน”
จบประโยคเขาเดินออกไปทันทีซูจ้านรีบเร่งเดินตามหลังไปติดๆ
เมื่อเดินออกจากประตูบาร์ซูจ้านกล่าวถาม “เราจะไปไหนกันต่อ?”
เสิ่นเผยชวนกล่าว “กลับบ้านพักผ่อน”
ซูจ้านเบิกตากว้างไม่อยากจะเชื่อว่าคำนี้จะหลุดออกจากปากของเสิ่นเผยชวนเขาเป็นคนที่ยุ่งพอๆ กับจงจิ่งห้าวแต่ก่อนเป็นหัวหน้ายังสู้ตายซะขนาดนั้นตอนนี้เป็นถึงรองผู้บัญชาการแล้วไม่ยุ่งกว่าเดิมอีกหรือไง?
แต่กลับบอกเขาว่ากลับบ้านนอน?
นี่เขาได้ยินอะไรผิดไปหรือว่าเขาพูดผิดเองกันแน่?
เขาแคะหูของตนเองพร้อมกล่าวถาม “เมื่อกี้คุณว่าไงนะ?”
เสิ่นเผยชวนไม่แยแสเขาพลันโบกแท็กซี่ข้างทางก่อนยัดตัวเองเข้าไปนั่งด้านในจากไปทันที
ซูจ้าน “……”
เขายืนงงอยู่บนฟุตบาทนี่มันอะไรกัน? เรียกเขามาดื่มเหล้าแต่กลับทิ้งเขาเอาไว้คนเดียว
“สกุลเสิ่นฉันไม่ลืมแน่” ซูจ้านโมโหแต่เมื่อทบทวนให้ดีรู้สึกเหมือนว่าเสิ่นเผยชวนจะผิดปกติน้อยนักที่เขาจะเป็นฝ่ายชวนตนดื่มเหล้า แถมเขาก็ยุ่งมากด้วย เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมากตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ แต่เขากลับพูดว่ากลับบ้านพักผ่อน?
เขาไม่ต้องทำงานหรือไง?
ความผิดปกติของเขาเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?
เขาดื่มไวน์ไปสองแก้วไม่ได้ขับรถหากแต่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวสาธารณะโทรหาจงจิ่งห้าว
ว่านเยว่กรุ๊ปกวนจิ้งหยิบเอาเอกสารสำคัญหลายฉบับเอกสารพวกนี้อันที่จริงต้องเซ็นตั้งแต่เมื่อวันแล้วแต่เมื่อวันนี้จงจิ่งห้าวไม่ได้เข้าบริษัทจึงถูกดองเอาไว้
กวนจิ้งกล่าว “พวกนี้ยืดออกไปไม่ได้แล้วครับ”
จงจิ่งห้าวแหงนหน้าขึ้น “คุณกำลังสั่งฉันอยู่งั้นหรือ?”
กวนจิ้งสะดุ้งโหยงส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่กล้าครับ”
ไม่ใช่ว่าไม่อยากแต่ไม่กล้าต่างหาก
อยากจะกดขี่เขาบ้างให้เขาได้รับรู้ซะบ้างว่าทำงานทั้งวันทั้งคืนมันเหนื่อยล้าขนาดไหน
จงจิ่งห้าวพลิกเอกสารออกในเวลานี้เองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้นเขาเหลือบมองสายเรียกเข้าที่ปรากฏบนหน้าจอไม่ได้รับสายหากแต่เขากดสัญลักษณ์สีแดงเพื่อตัดสายทิ้ง
อีกฝั่งซูจ้านจับจ้องสายที่ถูกตัดทิ้งด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นอะไรกันไปหมด?
แต่ละคน……
หรือว่ากำลังสวีตกับหลินซินเหยียนอยู่? เพราะงั้นจึงตัดสายเขาทิ้งงั้นหรือ?
ซูจ้านคิดในใจตอนนี้คงมีแต่จงจิ่งห้าวที่สุขสมหวังที่สุดมีลูกเมียอยู่ข้างกายความสัมพันธ์กับภรรยาเองก็ดีมากเขานึกอย่างชั่วร้ายคุณไม่อยากถูกรบกวนฉันก็จะรบกวนคุณให้ได้
เขากดโทรออกอีกครั้ง
ถ้าคุณไม่รับสายฉัน ฉันก็จะโทรหาคุณจนกว่าโทรศัพท์คุณจะแหกเลย
โทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้นอีกครั้งจงจิ่งห้าวแหงนหน้าขึ้นหน้าจอยังคงปรากฏสายของซูจ้าน
เขากดรับสายพร้อมกดเปิดลำโพงเพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับงานที่อยู่ตรงหน้า
เขากล่าวถาม “มีอะไรไหม?”
ซูจ้านไม่คิดเลยว่าเขาจะรับสายเร็วขนาดนี้ เขาเตรียมพร้อมที่จะกดโทรออกอีกครั้งแล้วแท้ๆ
เขาไม่ทันได้สติจึงช้าไปบ้างพลันกล่าว “เมื่อกี้ตัดสายฉันทำไมเพราะฉันโทรไปไม่ถูกเวลารบกวนเรื่องดีๆ ของคุณเข้างั้นใช่ไหม?”
กวนจิ้งก้มหน้าลงส่ายหัวพลันนึกคิดในหัวของไอ้หมอนี่วันๆ คิดอะไรอยู่กัน?
จงจิ่งห้าวไม่ได้แหงนหน้าขึ้นเขาปิดเอกสารที่เพิ่งเซ็นเสร็จวางลงอีกด้านพร้อมกล่าว “นายว่างขนาดนั้นเลยหรือ?”
ซูจ้าน “……”
เหมือนว่ามีแต่เขาที่ว่างที่สุด
ถูกเสิ่นเผยชวนเรียกออกมาดื่มเขาเองก็ยังไม่อยากกลับบ้านยิ่งไม่อยากเข้าสำนักงานดูเหมือนว่าจะว่างจริงๆ นั่นแหละ
เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะที่ปาก “เสิ่นเผยชวนเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า? ดูเหมือนว่าเขาจะแปลกๆ วันนี้เรียกฉันออกมาดื่มดื่มได้แค่ไม่เท่าไหร่กลับเลิกดื่มขึ้นมาซะงั้นฉันถามเขาว่าไปทำอะไรเขาบอกกลับบ้านพักผ่อนเขาเป็นคนที่บ้างานขนาดนั้นกลับบอกว่ากลับบ้านพักผ่อนคุณว่ามันไม่ชอบมาพากลรึเปล่า?”
นี่ไม่ใช่นิสัยเขาจริงๆ นั่นแหละ
จงจิ่งห้าวปิดลำโพงเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นพร้อมกล่าว “ตอนนี้เขาอยู่ไหน?”
“คงอยู่บ้านล่ะมั้ง” ซูจ้านกล่าว
“คุณไปหาเขาพาเขามาที่บริษัท”
“ได้งั้นฉันวางก่อน”
จงจิ่งห้าวหยิบโทรศัพท์ออกวางลงบนโต๊ะในเวลานี้เองเสียงของดังขึ้น “คุณเข้าไปไม่ได้นะคะ”
บุคคลด้านนอกไม่แยแสเลขาเลยแม้แต่น้อยพลันผลักเธอออกอย่างแรง “ไสหัวไปซะ!”
ประตูห้องทำงานถูกออกภายใต้เลขาที่ไม่สามารถรั้งเอาไว้ได้กู้เป่ยเอามือหนึ่งใส่กระเป๋า พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ประธานจง”
“ฉันไม่สามารถห้ามเขาเอาไว้ได้” เลขาสาวก้มหน้าลงต่ำ
จงจิ่งห้าวไม่ได้เอ็ดเขาแต่อย่างใดพร้อมกล่าว “ไปทำงานเถอะ”
เขาวางเอกสารที่เซ็นเสร็จแล้วลงกับโต๊ะ “คุณเองก็ออกไปเถอะ”
กวนจิ้งหอบเอกสารเดินออกไป
กู้เป่ยก้าวขึ้นไปยังโต๊ะทำงานพร้อมถอดแว่นกันแดดออกกวาดสายตาไปรอบห้องกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รสนิยมของประธานจงดีจังเลยนะ”
จงจิ่งห้าวเอนพิงเก้าอี้ “ประธานกู้บุกเข้ามาในห้องทำงานของผมอย่างไร้มารยาทแบบนี้เพื่อที่จะชื่นชมในรสนิยมของผมอย่างนั้นหรือ?”
กู้เป่ยหัวเราะลั่นพลันยันกับโต๊ะด้วยมือเดียวมืออีกข้างควงแว่นกันแดดเล่น “เป็นไง? เสิ่นเผยชวนผู้ช่วยที่เก่งที่สุดของคุณตอนนี้ไม่มีอำนาจอะไรแล้วขอเพียงแค่ฉันเล่นแรงกว่านี้เขาก็จะชื่อเสียงฉาวโฉ่ทันทีไม่แน่อาจจะต้องถึงกับติดคุกติดตะรางเลยนะคุณว่าฉันควรที่จะเล่นแรงกว่านี้หน่อยไหม?”
เขาใส่แว่นกันแดด “ฉันเคยบอกแล้วว่าคุณสู้ฉันไม่ได้หรอก”
จงจิ่งห้าวหลี่ตา
“ไม่ต้องตกอกตกใจไปหรอก” มือทั้งสองข้างของกู้เป่ยยันกับโต๊ะประคองกายจับจ้องเขา “ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนเป็นศัตรูกับฉันไม่มีทางจบลงได้ดีแน่”