กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 638 จนปัญญาแล้ว
ทั้งสองเดินเข้ามาร้านอาหาร เพราะว่าจองไว้แล้ว หลังจากบอกชื่อพนักงานก็พาพวกเขามาที่โต๊ะที่จองไว้
“ของหวานที่นี่รสชาติไม่เลว” ขนมของร้านอาหารร้านนี้เชฟเชิญมาจากประเทศF ขนมหวานมีชื่อเสียงมาก คนมากมายมาที่นี่เพื่อกินขนมหวานของที่นี่
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว “คนยังไม่มาเลย เรากินกันก่อนหรอ?”
“คุณกินก่อนสักหน่อยเถอะ” จงจิ่งห้าวพูด
รู้ว่าหลังจากที่หลินซินเหยียนตั้งครรภ์ มักจะชอบกินของหวาน เลยนัดเจอกันที่นี่ ก็เพื่ออยากให้เธอได้ชิมของหวานของที่นี่ ปกติออกมาด้วยกันน้อยมาก
หลินซินเหยียนไม่ได้ปฏิเสธ รู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่หรูหรามาก ค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่เข้าและออกต่างก็มีมารยาทมาก
ที่นี่ล้วนเป็นพนักงานชาย พวกเขาสวมเสื้อกั๊กสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว คอเสื้อสวมหูกระต่ายสีดำ ยืนอยู่หน้าโต๊ะยื่นเมนูมาให้
จงจิ่งห้าวเปิดเมนู ถามว่า “คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย?”
หลินซินเหยียนส่ายหน้า “คุณสั่งเถอะ”
วันนี้เธอไม่ได้อยากกินมาก แล้วก็ไม่ได้อยากกินอะไรตอนนี้ทันที
จงจิ่งห้าวไม่ได้ถามความเห็นเธอ สั่งของหวานสองอย่างและนมแพะหนึ่งแก้ว
เขาปิดเมนูยื่นให้พนักงาน “เอาเท่านี้ครับ”
“เราจะรีบนำอาหารมาเสิร์ฟให้ท่านอย่างไวเลยครับ” พูดจบพนักงานชายก็หมุนตัวเดินออกไป
หลินซินเหยียนอยู่ในระหว่างรอ เบื่อจนเอาดอกกุหลาบสีแดงบานสดที่ปักอยู่บนโต๊ะมาเขี่ยเล่นไปมา
จงจิ่งห้าวมองเธอเงียบๆ รู้สึกว่าเธอในตอนนี้เหมือนกับเด็กน้อยคนหนึ่ง ทั้งอายุน้อย ทั้งน่ารัก
เขาเอื้อมมือผ่านเส้นผมของเธอ “ระวังทิ่มมือ”
จิตวิญญาณของดอกกุหลาบที่มีอยู่นั่นก็คือมันสวยมาก แต่มีหนามแหลมทิ่มคน
คนที่อยากจะครอบครองมัน มักจะต้องบาดเจ็บเล็กน้อย
หลินซินเหยียนเก็บมือ คิดว่าดอกกุหลาบนี้เป็นเหมือนฉินยาตอนนี้ ทั้งตัวเป็นหนาม แต่ว่าหนามของเธอ ทิ่มแทงแค่ซูจ้านคนเดียวเท่านั้น
ผ่านไปครู่หนึ่งพนักงานก็นำของหวานยกเข้ามา
ทั้งหมดมีของหวานสองอย่าง อย่างแรกคือทาร์ตมะนาว จำพวกทาร์ตเป็นขนมหวานที่นิยมหลักของประเทศF ทาร์ตมะนาวที่แท้จริง สูตรต้นตำหรับวิธีทำคือคั้นน้ำจากเลม่อน และผสมครีม น้ำตาล ไข่ฯลฯมาทำไส้ทาร์ต เติมเปลือกเลม่อนเล็กน้อยเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม สตรอว์เบอร์รี่และมะนาวที่ทำจากน้ำตาลกรอบมาจัดแต่งเป็นของประดับ
มะนาวและครีมรวมกัน หวานแต่ไม่เลี่ยน มีกลิ่นหอมของมะนาว แล้วก็ความนิ่มของเค้ก ทำให้รู้สึกเบิกบานใจ รสชาติก็ดีมาก เป็นขนมหวานที่ได้รับความนิยมอย่างมากอย่างหนึ่ง
อีกอย่างคือมิลเฟยสไตล์F ทำแป้งพายต้องพับซ้ำๆไปมาหกครั้ง แป้งพายที่อบออกมาถึงจะกรอบ แป้งพายแต่ละชั้นทาด้วยไวน์เล็กน้อย ทับแป้งพายชั้นหนึ่ง หนึ่งชั้นประกอบด้วยคัสตาร์ดครีมวานิลลาเป็นชั้นๆ สุดท้ายโรยผงน้ำตาลที่ชั้นบนสุด ผลไม้อบแห้ง เสิร์ฟพร้อมกับนมแพะหนึ่งแก้วมีสารอาหารแล้วก็อร่อย
“ดูแล้วเหมือนจะอร่อยเลย” หลินซินเหยียนหยิบช้อนขึ้นมา อาจจะเป็นเพราะกำลังตั้งครรภ์อยู่ เลยรู้สึกอยากกินเล็กน้อย
โดยเฉพาะเห็นของกินที่น่าอร่อย เธอหั่นทาร์ตมะนาวชิ้นเล็กชิ้นหนึ่งแล้วตักเข้าปาก ให้ความรู้สึกนุ่มนิ่ม ตามด้วยกลิ่นมะนาวที่เข้มข้น ในความหวานมีรสเปรี้ยวเล็กน้อย ไม่ออกรสมาก กำลังดี ไม่ได้หวานจนเกินไป ไม่รู้สึกเลี่ยนเลยสักนิด เป็นขนมหวานที่อร่อยมาก
มิลเฟยก็รสชาติดี
น่าจะเพราะถึงเวลากลางวันแล้ว ท้องของเธอเลยรู้สึกหิว ดังนั้นเลยกินอย่างไว
“คุณช้าลงหน่อย ไม่มีใครแย่งคุณหรอก” จงจิ่งห้าวหยิบทิชชู่มาเช็ดครีมตรงมุมปากให้เธอ
หลินซินเหยียนตักคำหนึ่งยืนไปที่ข้างปากของเขา “คุณชิมดู”
“ผมไม่ชอบกินหวาน” จงจิ่งห้าวไม่ยอมอ้าปาก
หลินซินเหยียนยังไม่ยอมลดละ งอแงกับเขา “คุณกินคำนึงนะ”
ตอนพูดก็ยื่นไปข้างๆปากของเขา ครีมเลอะริมฝีปากบนของเขาหมดแล้ว จงจิ่งห้าวได้แต่อ้าปากกินของหวานที่เธอยื่นมาข้างๆปากเข้าไป
“ขากลับเอากลับไปสักหน่อยให้เด็กสองคนกิน” จงจิ่วห้าวกลืนอาหารลงไปและพูด
หลินซินเหยียนพยักหน้า ปริมาณไม่มาก พอดีกับคนเดียวกิน ทั้งสองจานหลินซินเหยียนกินหมดเกลี้ยงแล้ว หยิบ‘นมวัว’ข้างๆขึ้นมา ดื่มเข้าไปหนึ่งอึกก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ ไม่เหมือนนมวัวที่ดื่มอยู่ปกติ
เธอขมวดคิ้วแน่น “นี่คืออะไร?”
“นมแพะ”
หลินซินเหยียน “……”
เมื่อเทียบกับนมวัวนมแพะมีสารอาหารต่อสตรีมีครรภ์มากกว่า ปริมาณอนุภาคไขมันของนมแพะคือหนึ่งในสามของนมวัว ร่างกายดูดซึมได้ง่ายกว่า อีกอย่างดื่มนานๆไม่ทำให้อ้วนขึ้น วิตามินและแร่ธาตุในนมแพะก็สูงกว่านมวัวอีกด้วย สำหรับสตรีมีครรภ์ นมแพะมีวิตามินอีสูงกว่า สามารถป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของเซลล์และไขมันในร่างกายได้ แตกออกมา ช่วยชะลอความแก่ของผิว เพิ่มความยืดหยุ่นและความกระจ่างใสให้กับผิว
หลินซินเหยียนวางแก้วลง
“ดื่มซะ” จงจิ่งห้าวหยิบขึ้นมายื่นให้เธอ
เธอไม่รับ มองเขาอยู่แบบนี้
จงจิ่งห้าวจนใจ พูดว่า “มีสารอาหาร ต่อไปนมวัวในบ้านเปลี่ยนเป็นแบบนี้แทนละกัน”
“ไม่เอา” หลินซินเหยียนปฏิเสธเด็ดขาด
“ไม่เอาอะไร? จิ่งห้าวรังแกคุณหรอ?”
ซูจ้านเดินเข้ามา ก็ได้ยินเสียงของจงจิ่งห้าว มองแก้วในมือของจงจิ่งห้าว แล้วมองไปทางหลินซินเหยียน “พวกคุณทำอะไรกัน?”
หลินซินเหยียนรับแก้วในมือของจงจิ่งห้าวมา อยู่ต่อหน้าคน เธอต้องไว้หน้าจงจิ่งห้าว
“ฉินยาไม่ได้มาพร้อมกันกับพวกคุณหรอ?” ซูจ้านมองรอบๆทีหนึ่งไม่เห็นคนก็ลากเก้าอี้แล้วนั่งลง
หลินซินเหยียนไม่ชอบรสชาติของนมแพะ แต่ว่าตอนที่ซูจ้านถามคำถามนี้ เธอเอาแก้วเข้าใกล้ปากโดยไม่รู้ตัว ราวกับเอามาเป็นโล่บังตัวเองไม่รู้จะตอบเขาว่าอย่างไร
พอดื่มเสร็จเธอก็คิ้วขมวด
“ฉินยาไม่ยอมออกมาด้วยกันกับคุณหรอ?” ซูจ้านกดความหดหู่ในใจไว้และถามขึ้น
“อีกเดี๋ยวก็มา” หลินซินเหยียนวางแก้วลงและพูด
ได้ยินว่าฉินยาจะมา ซูจ้านก็ฉีกยิ้มขึ้นมาทันที “พี่สะใภ้ คุณต้องช่วยผมนะ ผมจนปัญญาแล้วจริงๆ ไม้อ่อนไม้แข็งก็ไม่ได้ผล”
เธอราวกับเป็นหินน้ำแข็งก้อนหนึ่ง ไม่ว่าจะอุ่นอย่างไรก็ไม่มีวันร้อน
“ซูจ้านจ๊ะ” หลินซินเหยียนคิดวนไปวนมา ก็นึกคำพูดที่เหมาะสมไม่ออก
ซูจ้านมองหลินซินเหยียนท่าทางเหมือนมีอะไรจะพูด ในใจก็รู้สึกไม่ค่อยสงบขึ้นมา “พี่สะใภ้คุณอยากจะพูดอะไร? ฉินยาไม่รู้สึกอะไรกับผมแล้วจริงๆใช่มั้ย?”