กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 640 หมากัดลื่อตั่งปิง
เขายิ้ม “คุณวางใจเถอะ ผมไม่ได้มีใจต้องการคุณแล้ว ถ้าหากกลัวว่าผมจะรังควานคุณมากนัก ผมไปเอง คุณไม่ต้องไป”
เขาหยิบผ้าเช็ดปากออกวางส้อมและมีดในมือลงและลุกยืนขึ้น “คุณนั่งลงทานเถอะ เพื่อให้คุณวางใจ กินข้าวอย่างสบายใจ ผมไปเอง”
พูดจบเขาก็กล่าวทักหลินซินเหยียนทีหนึ่ง “พี่สะใภ้ ผมไปก่อนล่ะ”
หลินซินเหยียนไม่สามารถพูดอะไรได้ ได้แต่มองอยู่อย่างนั้น
หลังจากที่ซูจ้านเดินไป หลินซินเหยียนดึงฉินยาให้เธอนั่งลง
นั่งลงก็กินข้าวไม่ลงอยู่ดี หลินซินเหยียนหยิบทิชชู่แผ่นหนึ่งยื่นให้เธอ “เธออยากร้องไห้ก็ร้อง ร้องออกมาบางทีในใจอาจจะดีขึ้นมาบ้าง”
จงจิ่งห้าวกับช่าวหยุนเดินออกไป หลินซินเหยียนมองพวกเขาแวบนึง คิดว่าอยู่ที่นี่คงไม่เหมาะ เลยไม่ได้ถามอะไร
ที่จริงก็มีเหตุผลข้อนี้อยู่ อีกอย่างจงจิ่งห้าวมีเรื่องจะพูดกับช่าวหยุน
ครั้งก่อนช่าวหยุนช่วยเหลือเขา แต่ว่าทั้งสองคนต่างค่อนข้างยุ่ง ไม่ได้นั่งคุยกันดีๆเลย
ผ่านเรื่องครั้งนี้ไป จงจิ่งห้าวรู้ว่าพ่อของหลินซินเหยียนเมื่อก่อนก็ไม่ใช่คนธรรมดา ไม่อย่างนั้น ไม่มีทางมีความสัมพันธ์ขั้นนี้ได้หรอก
ถึงแม้จะไม่ได้ออกโรงทำอะไร แต่ว่าเบาะแสที่ให้มา กลับน่ายกย่องมาก เดิมทีเขาไม่มีทางหาเรื่องที่ยาวนานขนาดนั้นเจอได้แน่
“ราบรื่นมั้ย?” ช่าวหยุนถาม
ตอนที่เขาไม่ยิ้มหน้าตาจริงจัง ให้ความรู้สึกสยอง เป็นคนประเภทที่เด็กเห็นแล้วต้องตกใจจนร้องไห้
แต่ว่าตอนที่เขาไม่ปกติ ใบหน้ายิ้มแย้ม กลับเข้าหาได้อย่างง่ายดาย
เขาน้อยมากที่จะหุบรอยยิ้ม ส่วนมากมักจะยิ้มแย้มเสมอ
จงจิ่งห้าวพูด “เบื้องบนได้จัดตั้งกลุ่มทำคดีโดยเฉพาะมาตรวจสอบเรียบร้อย เรื่องใหญ่โตวุ่นวายขนาดนี้ จะต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดแน่นอน”
ช่าวหยุนพยักหน้า “ถ้าต้องการความช่วยเหลือรีบบอกมาได้เลย”
ในสายตาเขานี่ไม่ใช่คนนอก สามีของหลินซินเหยียน นั่นก็คือลูกเขยของพี่ชายใหญ่เขา
จงจิ่งห้าวไม่อยากรบกวนเขามากนัก ตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว
“ฉันพาฉินยากลับก่อนนะ” หลินซินเหยียนเดินเข้ามา อยู่ที่นี่เธอก็กินอะไรไม่ลง อีกอย่างที่นี่ไม่เหมาะกับการนั่งนานๆ ฉินยาไม่อยากกลับวิลล่า เธอก็จะพาฉินยาไปผ่อนคลายใจด้านนอก
จงจิ่งห้าวพูด “ผมไปส่งคุณละกัน”
เขาเป็นห่วงหลินซินเหยียน ตัวเองเป็นหญิงมีครรภ์ยังจะดูแลคนอื่น กลัวเธอเหนื่อยเกินไป
ในเวลานี้ฉินยาไม่อยากให้มีคนอยู่ข้างกายมากเกินไปแน่นอน หลินซินเหยียนปฏิเสธ “เราไม่กลับบ้านตอนนี้ อาจจะอยู่แถวๆข้างนอก ฉันจองห้องพักที่โรงแรมจวินหลันให้อารอง คุณไปส่งเขาพักผ่อนนะ”
เดิมทีเธอต้องการให้ช่าวหยุนพักอยู่ในวิลล่า แต่วิลล่าไม่มีห้องแล้ว คนใช้สองคน แล้วยังมีจงฉีเฟิงกับเฉิงยู่เวิน ฉินยาแล้วก็พวกเด็กๆ ห้องที่เหลือเป็นห้องเก็บของและห้องหนังสือ เก็บกวาดไม่ไหว เธอจองโรงแรมที่ดีไว้ให้
ช่าวหยุนโบกมือ “บอกสถานที่มาฉันไปเอง อายุมากขนาดนี้แล้ว ต้องการคนไปส่งที่ไหน ทำเหมือนฉันเป็นเด็กไปได้”
หลินซินเหยียนยิ้ม “อารอง ตอนกลางวันคุณไม่ได้ทานดีๆ หิวแล้วก็สั่งอะไรกินหน่อยที่โรงแรมนะ ตอนกลางคืนฉันจะจัดต้อนรับคุณอย่างดี”
“วางใจเถอะ ฉันดูแลตัวเองได้ เธอไปดูแลเสี่ยวยาเถอะ พวกเธอควรยุ่งอะไรก็ยุ่งไป ไม่ต้องสนใจฉัน” ช่าวหยุนทำเหมือนฉันไปที่ไหนก็ได้รับความสำคัญ “แค่บอกฉันที่อยู่ของวิลล่าก็พอ ตอนกลางคืนฉันเข้าไปเอง”
ช่าวหยุนก็นิสัยแบบนี้ หลินซินเหยียนบอกที่อยู่เสร็จก็ไปกับฉินยา
ส่วนจงจิ่งห้าวไปส่งช่าวหยุน หรือว่าช่าวหยุนกลับโรงแรมเอง เธอก็ไม่รู้แล้ว
“เราไปดูหนังกันดีมั้ย?” หลินซินเหยียนพูด
ฉินยาไม่พูด
หลินซินเหยียนถอนหายใจทีหนึ่ง “ฉันกำลังท้อง คงดื่มเป็นเพื่อนเธอไม่ได้ ถ้าหากเธอรู้สึกแย่เกินไป ฉันจะไปคุยกับซูจ้านแทนเธอ”
ฉินยาส่ายหน้า “ไม่ต้อง ฉันตัดสินใจไปแล้วไม่เสียใจภายหลังหรอก ก็แค่ตอนตัดใจมันเจ็บนิดหน่อย”
หลินซินเหยียนถอนหายใจ “ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอนะ แต่ว่าไม่รู้จะปลอบเธอยังไง”
“เธอเดินเป็นเพื่อนฉันละกัน” เธอควงแขนของหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนพยักหน้า ตอนกลางวันร้อนมาก แต่เดินลอดใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ใบหนาทึบก็ไม่ร้อนแล้ว
ตอนที่ฉินยาตัดสินใจ ก็เตรียมใจไว้บ้างพอสมควร ก็แค่ต้องการเวลาสักหน่อยเพื่อผ่านมันไป
เธอเชื่อว่าตัวเองสามารถผ่านไปได้ ตอนที่เจ็บปวดขนาดนั้นยังสามารถยืนหยัดผ่านมาได้ ตอนนี้ก็ต้องได้
เทียบกับความเจ็บปวดของเธอ ซูจ้านก็ไม่ได้ดีไปมากกว่าสักเท่าไหร่
หลังจากที่ออกจากร้านอาหาร ก็ไปดื่มเหล้าคนเดียว
คนเดียวสั่งเหล้านอกตั้งสองสามขวด ซูจ้านมักจะมาร้านนี้ เพราะงั้นผู้จัดการกับเขาคุ้นเคยกันดี เห็นเขาดื่มเหล้าเซ็งๆคนเดียว เข้ามาหา “ฉันเรียกผู้หญิงสักคนมาอยู่เป็นเพื่อนนายมั้ย?”
ซูจ้านเทเหล้าลงในแก้วเหล้าต่อไป ทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของผู้จัดการ
“นายดื่มคนเดียวไม่สนุกหรอก ที่นี่ฉันมีสาวที่ดื่มเหล้าเก่งอยู่ เรียกมาสักคนสองคนเป็นเพื่อนนายดีกว่านะ ดีกว่านายดื่มจนเมาคนเดียวอีก”
ซูจ้านรู้สึกว่าคนคนนี้เหมือนอย่างกับแมลงวัน เขาอารมณ์ไม่ดี ยังจะมาร้องหึ่งๆข้างหูเขาอยู่ตลอด
“นายแม่งประสาทรึไงวะ? ฉันมาดื่มเหล้า ยังจะให้ฉันเอาผู้หญิงสักคนอยู่ได้ กูรักสะอาดเข้าใจมั้ย? นายแม่งไปไกลได้เท่าไหนก็ไสหัวไปไกลเท่านั้นเลย อย่ามากวนฉันอยู่ที่นี่!”
ซูจ้านในที่สุดก็ทนไม่ไหว ระเบิดใส่ผู้จัดการที่พูดจ้อไม่หยุด
“ฉันเห็นนายดื่มเหล้าคนเดียวเลยสงสารไง ทำไมไม่เห็นความหวังดีของคนกันล่ะ? หมากัดลื่อตั่งปิงชัดๆ…”
“นายพูดว่าไรนะ? ใครเป็นหมา?” ซูจ้านจ้องเขา เส้นเอ็นตรงขมับค่อยๆกระตุกขึ้น “นายเป็นหมา เห่าให้ฉันฟังสักรอบสิ?”
ผู้จัดการก็สีหน้าเย็นชา “นายดื่มมากไปแล้ว”
พูดจบก็คิดจะเดินออกไป สรุปซูจ้านดึงรั้งเขาเอาไว้ “ด่าคนเสร็จแล้วคิดจะไป? เห็นฉันเป็นอะไร? เต่าหดหัวรึไง?”
ผู้จัดการมองมือเขาที่คว้าเสื้อของตนเองอยู่ หันหน้าไปมองเขา “นายอย่ามาหาเรื่องที่นี่ ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ?”
“เหอะ นายทำไมจะไม่เกรงใจฉัน?” ซูจ้านตั้งใจไม่ยอมจบสิ้น เขาอารมณ์ไม่ดี ใกล้จะขาดอากาศหายใจตายแล้ว
“นายจะต่อยฉันหรอ? แน่จริงก็ลงมือเส่ะ!” ซูจ้านดึงคอเสื้อของเขา ตะโกนใส่เขา
ที่พุ่งเข้ามามีแต่กลิ่นเหล้า ผู้จัดการขมวดคิ้ว “ทางที่ดีนายปล่อยฉันดีกว่า ฉันไม่อยากสั่งสอนนาย”
“นายแน่จริงก็สั่งสอนฉันเส้ หรือว่าเป็นแค่ไอ้ขี้ขลาด? ในเมื่อเป็นไอ้ขี้ขลาดก็ไม่ต้องเลียนแบบหมาเห่าไปเรื่อย…”
ผู้จัดการทนจนหมดความอดทนเรียกคนเข้ามา “เอาไอ้บ้านี่ออกไป”
“แกนั่นแหละไอ้บ้า!” ซูจ้านที่มึนเมาอาละวาด
ผู้จัดการมองเขาอย่างโมโห หรี่ตาลง “พ่อหนุ่ม อยากโดนกระทืบมากใช่มั้ย?”
ซูจ้านพยักหน้าอย่างมึนเมา “ใช่ ฉันอยากโดนกระทืบ”
ขณะนี้เวลานี้เขาอยากจะต่อยตีกับใครสักรอบจริงๆ เขารู้สึกว่าตัวเองใกล้จะตายแล้ว
พอได้ยิน ในหูผู้จัดการก็คือยั่วยุ หรี่ตาลง เรียกรปภ.สองคนให้เข้ามาลงมือ “กระทืบมัน!”