กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 647 ขบวนรับเจ้าสาวมาแล้ว
ฉินยาเร่ง “คุณเลิกประทับใจได้แล้ว รีบหน่อย ยังไม่ได้แต่งหน้าเลยนะคะ”
สไตลิสต์ยิ้มๆ สวมมงกฎลงบนศีรษะของหลินซินเหยียนอย่างระมัดระวัง ยังไม่ใส่ผ้าคลุมหน้า เพราะมันยาวเกินไป ถ้าแต่งหน้าเสร็จแล้วถึงจะใส่ได้
หลังจากผ่านไปสิบกว่านาทีช่างแต่งหน้าก็แต่งให้จงเหยียนซีเสร็จ เหมือนว่าจะทำทรงผมให้เธอไปก่อนหน้านี้แล้ว และช่างแต่งหน้าจึงเริ่มแต่งให้หลินซินเหยียน
ตอนที่กำลังแต่งหน้าให้หลินซินเหยียน ขณะที่ช่างแต่งหน้าแต่งไปแล้วครึ่งทาง ก็พูดด้วยรอยยิ้มขึ้นว่า “ฉันพบว่าคุณสมบัติทั้งห้าบนใบหน้าของคุณ งดงามมากจริงๆ ค่ะ”
ทุกๆ รูปทรงลักษณะแสดงออกมาให้เห็นอย่างวิจิตรบรรจงไร้ที่ติ เมื่อรวมเข้าด้วยกัน ไม่ใช่ว่ากลายเป็นความงดงามที่น่าอัศจรรย์หรอกหรือ เป็นรูปโฉมที่ยิ่งมองยิ่งสวย ยิ่งรู้สึกว่าเสน่ห์เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
หลินซินเหยียนยิ้มๆ
ตอนที่มาเมื่อวานนี้ช่างแต่งหน้าก็เคยแสดงความประทับใจแล้ว วันนี้ก็ยังทนไม่ไหว พูดอีกว่า “มองไม่ออกจริงๆ ว่าคุณเป็นคุณแม่ลูกสาม ยังเด็กอยู่แท้ๆ”
หลินซินเหยียนยิ้มอย่างสุภาพ
คำพูดนี้เธอไม่สามารถโต้เถียงได้ อายุของเธอยังไม่มากจริงๆ นั่นแหละ ปกติแล้วคนอายุเท่าเธอเพิ่งแต่งงาน สิบแปดยังอยู่ในวัยศึกษาเรียนรู้ ส่วนเธอตอนอายุสิบแปด เป็นแม่คนแล้ว
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ใบหน้าของเธอก็แต่งเสร็จ ในเวลาปกติเธอไม่แต่งหน้า มีความบริสุทธิ์ในความเรียบง่าย สวยน่ารักและดูจิตใจดี หลังจากแต่งหน้าแล้ว ดูสวยมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นไปอีก เปล่งประกายเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของผู้หญิง
ฉินยาที่ยืนอยู่ข้างๆ ถอนหายใจ “หลังจากนี้เธอต้องแต่งหน้าบ่อยๆ นะ สวยมากเลย”
หลินซินเหยียนมองเธอ “เธอชมฉันหรือกำลังบอกว่าฉันขี้เหร่ถ้าหน้าสด”
“แต่งหน้าคือการตกแต่งขั้นสุดท้าย เดิมทีคุณหน้าตาสวยอยู่แล้ว แค่แต่งนิดหน่อยก็จะสวยยิ่งขึ้นไปอีก” ช่างแต่งหน้าบอก
หลินซินเหยียนแต่งหน้าเสร็จแล้วก็ไปใส่ชุดแต่งงาน จงเหยียนเฉินแต่งหน้าเป็นคนสุดท้าย ทุกอย่างพร้อมสรรพในเวลาเกือบสิบเอ็ดโมง
ฉินยาจัดชุดแต่งงานให้เธอ สไตลิสต์ใส่ผ้าคลุมหน้าให้เธอ เพื่อเตรียมการขั้นสุดท้าย
เพราะเพื่อนของเธอไม่มาก เธออยากให้ฉินยาเป็นเพื่อนเจ้าสาว แต่ฉินยาปฏิเสธ เนื่องจากความสัมพันธ์ของตัวเธอ
การแต่งงานมีประเพณีมากมายที่ต้องให้ความใส่ใจ ผ่านการแต่งงานแล้วและการแต่งงานไม่มีความสุขไม่เหมาะจะเป็นเพื่อนเจ้าสาว ถึงแม้หลินซินเหยียนจะไม่สนใจก็ตาม แต่เธอไม่อยากนำความโชคร้ายของตัวเองไปสู่คนอื่น
ดังนั้นการแต่งงานนี้จึงไม่มีเพื่อนเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าบ่าว
ฝั่งนี้ไม่มีเพื่อนเจ้าสาว ฉะนั้นทางฝั่งจงจิ่งห้าวจึงไม่มีเพื่อนเจ้าบ่าวด้วย
แม้จะมีคนที่เหมาะสมก็ตาม
ไม่อย่างนั้นทางฝั่งนั้นมีเพื่อนเจ้าบ่าว ฝั่งนี้ไม่มีเพื่อนเจ้าสาวก็จะดูไม่ดี
เพื่อความปรองดองจึงไม่มีการจัดเตรียมใดๆ
ทันทีที่ทุกอย่างพร้อม หลินซินเหยียนนั่งบนโซฟารอขบวนแต่งงาน
ฉินยากับโจวฉุนฉุนช่วยยกกระโปรงให้เธอ ป้าหยูกับคุณน้าหวางจัดเตรียมสินสอดทองหมั้น
สินสอดทองหมั้นทุกอย่างซ่าวหยุนเป็นคนเตรียมให้ เขาคิดว่าพ่อแม่ของหลินซินเหยียนไม่อยู่แล้ว เขาในฐานะผู้ปกครองควรเตรียมให้เธอ
เขามีเงินในมือ และทั้งหมดเป็นของที่พ่อของหลินซินเหยียนทิ้งไว้ให้ เขาจึงทุ่มเต็มที่
เครื่องประดับเพชรพลอยหยกทอง อสังหาริมทรัพย์เงินสด ว่ากันว่าผ้าห่มที่ต้องใช้ในงานแต่ง ลายปักที่ปักบนนั้น เป็นงานปักที่ใช้ด้ายทองทอ
คำว่าผ้าห่ม ซึ่งพ้องกับคำว่าชั่วริรันดร์
ดังนั้นซ่าวหยุนจึงพยายามอย่างมาก ตอนแรกเริ่มเรื่องพวกนี้เขาไม่เข้าใจ หลังจากฟังบริษัทวางแผนแต่งงานแล้ว ถึงได้คิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน
สินสอดทองหมั้นเต็มไปครึ่งหนึ่งของห้องนั่งเล่น
เพราะเหตุการณ์คราวก่อน สื่อจำนวนมากได้ช่วยเหลือจงจิ่งห้าว ดังนั้นเขาจึงสัญญากับบรรดาสื่อให้ทำการรายงานข่าวพิเศษโดยเฉพาะ
คุณน้าหวางกับป้าหยูจัดวางพวกสินสอดทองหมั้นไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย กระเป๋าเดินทางสีแดงบรรจุเงินสดเปิดอยู่ สามกล่องบรรจุซองแดงอยู่เต็ม
จุดประสงค์ของซ่าวหยุนนั้นเรียบง่าย ตระกูลของสามีหลินซินเหยียนนั้นร่ำรวยมาก ซึ่งเธอก็ไม่ได้แย่อะไร จะให้คนนอกนินทาไม่ได้ว่าเธอแต่งเข้าตระกูลจงเพื่อเงินหรืออะไรทำนองนั้น
เขาต้องการให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอก็มีฐานะ กับจงจิ่งห้าวนั้นไม่เพียงสวยหล่อดั่งกิ่งทองใบหยก แต่ฐานะก็เหมาะสมทัดเทียมด้วย
เพื่อให้คนอื่นพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
นักข่าวถ่ายรูปเหล่าสินสอดทองหมั้น
ป้าหยูยืนตรงหน้าต่างรอขบวนแต่งงาน
เวลาเที่ยงวัน เธอเห็นขบวนแต่งงานราวกับมังกรคดเคี้ยว รถหรูสีดำทุกคัน ขับช้าๆ ค่อยๆ ใกล้เข้ามา เธอพูดอย่างยินดีปรีดาว่า “มาแล้วๆ ขบวนรับเจ้าสาวมาแล้ว”