กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 659 เราไม่กลับบ้านพักเหรอ
“คุณจะทำอะไร?!” ฉินยาแย่งมีดในมือเขา ซูจ้านยกมือขึ้น ก่อนจะผละเธอออก “ถ้าเกิดมีวิธีที่สามารถพิสูจน์ความในใจของฉันกับคุณได้ ฉันจะใช้ชีวิตพิสูจน์ให้เอง ก่อนหน้านี้ ฉันทำร้ายคุณ……”
“อย่าบ้านะ!” ฉินยาพูดตัดบทเขาเสียงดัง “วางมีดลง!”
ซูจ้านมองเธอ พลางปฏิเสธ “ไม่ ฉันจะพิสูจน์ให้คุณดู”
“ฉันไม่ต้องการให้คุณพิสูจน์!” ฉินยาร้อนใจ เพราะกลัวว่าเขาจะทำร้ายตัวเองจริงๆ “คุณวางมีดลงเถอะ ฉันเชื่อคุณ”
“จริงเหรอ?” ซูจ้านทำท่าทีเหมือนไม่เชื่อ อันที่จริงในใจก็ตื่นเต้นมาก เพราะเธอกำลังเป็นห่วงตัวเอง ถ้าเกิดไม่สนใจแล้ว จะกลัวว่าเขาทำบาดเจ็บได้อย่างไร?
“เสี่ยวยา” ซูจ้านมองเธอพลางพูดอย่างจริงจัง “ขอโทษ”
ฉินยาหันมา ก่อนจะน้ำตาไหลอย่างคุมไม่ได้ ซูจ้านวางมีดลงก่อนจะโอบเธอแล้วพูดเสียงต่ำข้างหูเธอ “เสี่ยวยา ให้อภัยฉันนะ ฉันรู้แล้วว่าผิด”
ยิ่งเขาพูด ฉินยาก็ร้องไห้หนักขึ้น เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร หรือบางทีอาจจะร้องไห้เพราะบาดแผลที่ตัวเองได้รับ หรืออาจจะร้องไห้เพราะความโชคร้ายของตัวเอง
การร้องไห้ของเธอ ทำให้ซูจ้านเองก็ตาแดงก่ำขึ้นมา ตั้งแต่ผู้หญิงคนนี้เจอเขา ก็ลำบาก และเจออะไรเลวร้ายมากมาย
ตอนนี้ยังไม่มีสิทธิ์ความเป็นแม่อีก
มันโหดร้ายกับเธอขนาดไหนนะ?
เมื่อคิดไปเขาก็กอดแน่นขึ้น “เสี่ยวยา จากนี้ฉันจะไม่มีทางขอโทษคุณอีกแล้ว”
เขาจะใช้การกระทำพิสูจน์ความในใจ
ให้เธอไม่เจ็บปวดอีกต่อไป
“คุณคิดดีแล้วเหรอ?” ฉินยายังไม่มั่นใจ หรืออาจจะเป็นความเชื่อมั่นใจในใจต่อซูจ้าน
เธอเชื่อว่าซูจ้านยังมีความรู้สึกต่อเธอ แต่การไม่มีลูกนั้นเป็นเรื่องตลอดชีวิต
ใช้คำพูดเมื่อก่อน ก็คือการตัดความสัมพันธ์
“ฉันไม่ยอมรับการอุ้มบุญนะ” คำพูดนี้มันอาจจะเร็วเกินไป แต่ว่าเธออยากให้ซูจ้านรู้ขีดจำกัดของเธอ
ถ้าเกิดนับไม่ได้ จะได้ล้มเลิกตั้งแต่ตอนนี้
“ไม่ ฉันไม่มีทางให้ใครนอกจากคุณคลอดลูกให้ฉัน” ซูจ้านหอมแก้มของเธอ “เชื่อฉัน”
ฉินยาหลับตา “คุณ เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานและยากจะลืมของฉัน”
ทำอย่างไรก็เอาออกไปไม่ได้
เธอคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมาตลอด ตอนนี้เธอเพิ่งจะรู้ ว่าตัวเองนั้นไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น
หลังจากที่เห็นท่าทีของซูจ้านหลังจากที่รู้แล้ว ทำให้เธอไม่ได้รู้สึกแย่ขนาดนั้น แถมยังอุ่นใจด้วย
การยอมรับสองคนนั้น มันดีกว่าการแบกรับเอาไว้คนเดียวเสียอีก ตอนที่พูดออกมาอย่างหมดใจ ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น และก็ไม่ใช่ว่าจะเผชิญหน้าไม่ได้ด้วย
มันไม่ได้แย่เท่าที่คิด หลังจากที่พูดออกมาก็ปลดปล่อยเป็นอย่างมาก
ซูจ้านกอดเธอพลางนั่งลงบนโซฟา “ดังนั้น เรื่องของคุณกับช่าวหยุน แค่อยากทำให้ฉันตายใจใช่ไหม?”
ฉินยาผลุบตาลงไม่พูดอะไร เหมือนเป็นการยอมรับ
ซูจ้านถอนหายใจ “ฉันเกือบจะคิดว่าจริงแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าวันนี้ได้ยินคุณกับพี่สะใภ้คุยกัน ฉันอาจจะไม่ได้เจอคุณ จากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบอกกับฉันนะอย่าปิดบังฉันเลย ลองเชื่อฉัน ได้ไหม?”
ฉินยายังคงไม่พูดอะไร คอนั้นก็แหบแห้งเป็นอย่างมาก เกรงว่าเมื่อพูดออกไปแล้วเสียงจะแตกออก
ซูจ้านลูบหลังของเธอ “คุณไม่ตอบ ฉันถือว่าคุณยอมรับแล้วนะ”
“ทำไมต้องทะเลาะกับคนอื่นด้วย?”
ฉินยามองรอยแผลบนใบหน้าเขา พลางยื่นมือจะจับ แต่ก็กลัวว่าเขาจะเจ็บ
ซูจ้านจับมือของเธอมาไว้ที่หน้าของตัวเอง “เพราะคุณไม่ต้องการฉันแล้ว ฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ เลยตั้งใจหาเรื่องทะเลาะน่ะ”
ฉินยา “……”
ห้องข้างๆ หลินซินเหยียนกำลังเท้าแก้ม พลางพิงโซฟา “ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
จงจิ่งห้าวกุมมือของเธอ ก่อนจะให้เธอนั่งขึ้นบนโซฟา “ไปฉันไปส่งคุณกลับโรงแรม เรื่องของพวกเขา คุณทำสิ่งที่ควรแล้ว ที่เหลือให้พวกเขาจัดการเอง คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
หลินซินเหยียนลุกขึ้นตามแรงของเขา พลางถาม “เราจะไม่กลับไปที่บ้านพักเหรอ?”
“ไม่กลัว คนเยอะทำให้คุณพักผ่อนไม่สะดวก เราอยู่ด้านนอกเถอะ” หลินซินเหยียนมองเขาเล็กน้อย พลางบ่น “ฉันอยู่โรงแรมคนเดียวจะเบื่อเอานะ”
“ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง” จงจิ่งห้าวกระซิบข้างหูเธอ
หลินซินเหยียนรีบผละออก “คุณไม่ต้องทำงานเหรอ?คุณมีภาระหน้าที่มากมาย ต้องเลี้ยงครอบครัวของเราอีก”
จงจิ่งห้าวยิ้ม “เลี้ยงไหวอยู่แล้ว”
ห้องสวีทรูมนั้นจองเอาไว้บนยอดตึก ไม่มีซูจ้านอยู่ด้วยเสิ่นเผยซวนไม่มีทางมาก่อกวนอย่างหน้าด้านๆ จงจิ่งห้าวคิดว่ากลับมาที่ห้องแล้วสามารถได้ใช้เวลาอยู่กับหลินซินเหยียนได้ แต่เมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตูห้อง กลับเห็นโจวฉุนฉุนยืนอยู่หน้าประตูห้อง เมื่อเห็นเธอ จงจิ่งห้าวเองก็คิดไปถึงไป๋ยิ่นหนิง ทำให้เขายิ้มขึ้น อย่างหุบไม่ได้
“ฉุนฉุน” หลินซินเหยียนกลับชอบเด็กหญิงคนนี้มาก ดูเรียบง่ายและมีเมตตา
เธอวิ่งมา จากนั้นก็ส่งกล่องที่อยู่ในมือให้เธอ “พี่สาว นี่เป็นของขวัญงานแต่งงานของคุณ”
หลินซินเหยียนยื่นมือมารับไว้ ไม่รู้ว่าในกล่องใส่อะไรอยู่ แต่ว่ามันค่อนข้างหนัก เธอยิ้มพลางพูด “ขอบคุณ”
“ไม่เป็นไร ยินดีที่ได้แต่งงานนะ ฉันไปก่อนล่ะ ยิ่นหนิงรอฉันอยู่ที่ด้านล่าง” เมื่อพูดจบโจวฉุนฉุนก็วิ่งออกไป
จงจิ่งห้าวมองกล่องที่อยู่ในอ้อมกอดของหลินซินเหยียน ในใจก็ไม่พอใจขึ้นมา ไป๋ยิ่นหนิง คนคนนี้เหมือนเป็นหนามตำใจของเขา
ทุกครั้งที่ปรากฏตัวขึ้น มันทำให้เขานึกขึ้น ว่าความคิดของคนคนนี้ไม่บริสุทธิ์ ขนาดของขวัญที่โจวฉุนฉุนให้นั้น เขาก็นึกไปถึงว่าไป๋ยิ่นหนิงจะกำลังสื่ออะไรอยู่หรือเปล่า?
เมื่อเข้าไปในห้อง บนโต๊ะของห้องรับแขกของหลินซินเหยียนก็มีของขวัญเต็มไปหมด
จงจิ่งห้าวก็ถอดเนกไทออกพลางพูด “ฉันให้คนเอาของมาไว้ในนี้”
มีคนให้ของขวัญมากมาย เขาเลยให้คนเอาของทั้งหมดมาวางเอาไว้ข้างในนี้ และให้หลินซินเหยียนมีเวลาเลือกสักหน่อย อะไรที่ชอบก็เก็บไว้ ไม่ชอบก็วางไว้อีกที่
หลินซินเหยียนพยักหน้านั่งลงบนโซฟา แกะกล่องในมือ ตอนแรกจงจิ่งห้าวจะไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำ เมื่อเห็นหลินซินเหยียนแกะกล่อง ก็ยืนนิ่งไม่ขยับ เพราะอยากรู้ว่าข้างในคืออะไรเหมือนกัน
ตามของที่อยู่ข้างในเขาก็สามารถตัดสินได้ว่าโจวฉุนฉุนเป็นคนให้หรือไป๋ยิ่นหนิงเป็นคนให้