กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 663 ให้ผมลองพิจารณาก่อน
หลินซินเหยียนตีมือเขา “คุณบีบฉันจนเจ็บแล้วนะคะ”
จงจิ่งห้าวโมโหจนหัวเราะออกมา “คุณกำลังใช้กลยุทธ์ทนทุกข์กายมาหลอกให้ผมหลงเชื่อหรือ”
หลินซินเหยียนรู้ว่าตัวเองผิดไปแล้ว ไม่ควรจะสงสัยเขา แม้ว่าจะเพียงเล็กน้อยก็ไม่สมควรมี ตอนนี้พวกเขาเป็นสามีภรรยา สิ่งที่สำคัญที่สุดระหว่างคนเป็นสามีภรรยาก็คือความเชื่อใจ
ก่อนหน้านี้เธอเห็นรูปภาพโจ๋งครึ่มพวกนั้นแล้วล้วนไม่เชื่อ แต่ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกัน กู้หุ้ยหยวนคนนั้นมีแผนการในใจ วาจาก็ไม่เอ่ยให้ชัดเจน ใช้เทคนิคการบอกใบ้มาทำให้ผู้คนคิดมาก
ครั้งนี้เป็นเธอที่ประมาทเลินเล่อจนเกือบจะถูกหลอกเข้าแล้ว
เป็นความผิดของเธอ เธอยอมรับ
เธอจึงเป็นฝ่ายขึ้นไปนั่งบนตักของจงจิ่งห้าว กอดคอเขาเอาไว้ ออดอ้อนอยู่ในอ้อมแขนเขา “ฉันใช้กลยุทธ์ทนทุกข์กายกับคุณแล้วมีประโยชน์ด้วยหรอคะ”
จงจิ่งห้าวหลุบตาลง แม้ว่าจะถูกสงสัยจนในใจรู้สึกอารมณ์ไม่ดี แต่เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของเธอแล้ว ก็ไม่อาจหักใจดุด่าเธอได้ “กลยุทธ์ทนทุกข์กายอาจจะใช้กับผมไม่ได้ ใจผมค่อนข้างแข็ง ไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผา คุณสามารถลองใช้กลยุทธ์สาวงามกับผมได้นะ”
หลินซินเหยียนยิ้ม “คุณคิดว่าฉันสวยไหมคะ”
จงจิ่งห้าวอุ้มคนขึ้นมา เดินไปที่ห้อง “ไม่สวยแล้วผมจะอยากมีอะไรกับคุณทุกวันหรือ”
หลินซินเหยียนดิ้นรนเอ่ยผลัด “ช่วงเวลากลางเวลาคุณจะอุ้มฉันเข้าไปทำอะไรในห้องนอนคะ”
“พิสูจน์เสน่ห์ของคุณไง” จงจิ่งห้าวปิดประตู
หลินซินเหยียนไม่ยอม “ฉันไม่ต้องการ”
เสียงของจงจิ่งห้าวลอยดังมาจากประตูด้านใน “ไม่ต้องการอะไร?”
“คุณจะทำอะไรคะ” หลินซินเหยียนถามกลับ
“ผมถูกกลยุทธ์สาวงามเล่นงานเข้าแล้ว ดังนั้น ตอนนี้ผมเป็นชายหนุ่มที่ถูกเสน่ห์เย้ายวนของหญิงสาวทำให้ลุ่มหลง คุณว่าผมจะทำอะไรล่ะ”
“ฉันเหนื่อยแล้วค่ะ” หลินซินเหยียนผลักความรับผิดชอบ “ทำบ่อยเกินไปไม่ดีต่อทารกในครรภ์นะคะ”
เขาอาศัยคำว่า ‘คู่แต่งงานใหม่’ เคี่ยวกรำเธอไม่หยุดหย่อน แม้จะบอกว่าตอนนี้อายุครรภ์มากแล้ว แข็งแรงดีแล้ว แต่ก็แบกรับการก่อกวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเขาไม่ไหวอีก
“ถ้าอย่างนั้นก็กอดกัน ไม่ทำอะไรทั้งนั้น” จงจิ่งห้าวดึงคนมาไว้ในอ้อมแขน ประโยคที่เอ่ยว่าไม่ดีต่อทารกในครรภ์นั้นมีประโยชน์มากกว่าคำพูดอื่นๆ จึงมีท่าทางสงบนิ่งขึ้นมาทันที
จงจิ่งห้าวจูบริมฝีปากเธอ “คลอดลูกคนนี้เสร็จ พวกเราก็ไม่ต้องคลอดอีก”
หลินซินเหยียนถาม “คุณคิดจะเติมเต็มความปรารถนาของคุณ หรือว่าเป็นห่วงฉันคะ”
“ผมสงสารคุณ” จงจิ่งห้าวกอดเธอแน่น ตอนที่เขาไปรับผลการตรวจได้เดินผ่านห้องคลอด จึงได้ยินเสียงร้องไห้และตะโกนของผู้หญิงที่กำลังคลอดลูกอยู่ จะต้องเจ็บมากแน่นอน ไม่อย่างนั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งจะต้องโกนเสียงดังขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?
“ตอนที่คลอดเสี่ยวลุ่ยกับเสี่ยวซี คุณร้องไห้ไหม”
หลินซินเหยียนขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา ตอบเสียงเบาว่า “ร้องไห้ แต่ไม่ได้ร้องตะโกนเสียงดังค่ะ ข้างๆฉันมีผู้หญิงที่กำลังคลอดลูกด่าสามีของเธอไม่หยุด ตลกมากเลย”
“รอตอนที่คุณคลอด ถ้าเจ็บมากเกินไป คุณก็ด่าผมเถอะ” จงจิ่งห้าวเอาใจ
หลินซินเหยียนยิ้ม “อย่างนั้นมันน่าอายมากเลยนะคะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก”
เธอเปลี่ยนหัวข้อสนทนากะทันหัน “ผ่านวันนี้ไป พรุ่งนี้พวกเราก็กลับบ้านกันเถอะค่ะ”
ภายในบ้านล้วนมีแต่ผู้อาวุโส เธอกับจงจิ่งห้าวจึงไม่สะดวกที่จะอยู่ข้างนอกตลอดเวลา
จงจิ่งห้าวรับคำ “ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่วุ่นวายโกลาหล เรื่องของท่านปู่กู้กับกู้เป่ยล้วนยังไม่ได้บทสรุป ตอนที่ผมไม่อยู่ข้างกายคุณ ก็พยายามอย่าออกจากบ้าน ผมกลัวว่าพวกเขาจะสู้เหมือนหมาจนตรอก”
แม้ว่าเขาจะจับตาดูคนตระกูลกู้เอาไว้ แต่ก็ต้องป้องกันหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น จึงต้องรอให้เรื่องราวจบลงเสียก่อน เขาถึงจะวางใจได้
หลินซินเหยียนบอกว่ารู้แล้ว เธอเข้าใจความหมายของจงจิ่งห้าว ครั้งนี้คนที่ชื่อกู้หุ้ยหยวน ก็สู้แบบหมาจนตรอกไม่ใช่หรือ วิ่งแจ้นมาหาเธอเพื่อยุให้รำตำให้รั่ว
เธอก็เกือบจะถูกหลอกแล้ว ตอนนี้คิดๆดูแล้วตัวเองก็โง่มาก
วันรุ่งขึ้น จงจิ่งห้าวไปบริษัท หลินซินเหยียนก็กลับคฤหาสน์ หลังกลับไปถึงคฤหาสน์แล้ว สิ่งแรกที่เธอทำก็คือไปหาฉินยา
ถามว่าเธอกับซูจ้านเป็นอย่างไรบ้าง
ฉินยาก้มหน้า “พวกเราตัดสินใจเริ่มกันใหม่ตั้งแต่ต้น ฉันควรจะเชื่อเธอในตอนนั้น สารภาพกับเขา ที่แท้การพูดออกมาก็ไม่ได้เผชิญหน้าได้ยากขนาดนั้น”
หลินซินเหยียนตบไหล่เธอ “แบบนี้ก็ดี”
“พรุ่งนี้ฉันเตรียมจะกลับไปเมืองC กับอารอง” ฉินยาเอ่ย
นี่คือสิ่งที่เธอปรึกษากับช่าวหยุนแล้ว ช่าวหยุนก็ยุ่ง ร้านทางนั้นก็จำเป็นต้องมีคนดูแล
“ถ้าอย่างนั้นซูจ้านล่ะ?” หลินซินเหยียนถาม เพิ่งจะคืนดีกันก็ต้องแยกกันแล้วหรือ?
“ฉันคุยกับเขาแล้ว เรื่องที่ฉันกลับเมืองC เขาก็รู้เช่นกัน” แม้ว่าตอนนี้จะตัดสินใจเริ่มกันใหม่ตั้งแต่ต้น แต่เป็นเพราะครั้งที่แล้วทั้งสองคนคบกันเร็วเกินไป ครั้งนี้พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะปรับตัวเข้าหากัน รอจนหลังจากที่พวกเขาคิดดีแล้วจริงๆ เธอค่อยไปพบท่านย่ากับซูจ้าน
“เขาเห็นด้วยหรือ?” หลินซินเหยียนถามอีก
“อืม เห็นด้วย” ฉินยาเม้มริมฝีปาก ตอนนี้ซูจ้านเชื่อฟังคำพูดของเธอมาก เธอพูดอะไร ซูจ้านล้วนรับปากหมด
“ดูสิ แบบนี้ดีมากแค่ไหน ถ้าหากว่าพูดกับเขาตั้งแต่เนิ่นๆ พวกเธอคงไม่ต้องทุกข์ทรมานหรอก”
ฉินยาก้มหน้าไม่พูดอะไร เป็นเพราะตัวเองไม่อยากจะเผชิญหน้า จึงทำให้ทุกคนล้วนเป็นห่วง
ในตอนเย็น ซูจ้านแวะมา ทั้งยังซื้อของเล่นมาให้เด็กทั้งสองคนมากมาย ด้านหนึ่งก็เป็นการบอกกับทุกคนว่าตัวเองกับฉินยาตัดสินใจที่จะเริ่มกันใหม่ตั้งแต่ต้น อีกด้านหนึ่งก็อยากจะขอบคุณทุกคนที่ให้การดูแลตัวเองในระยะนี้
“คุณไม่ได้เรียกเผยซวนมาด้วยหรือ” ทุกคนล้วนอยู่ด้วยกัน ขาดเพียงแค่เขาคนเดียว หลินซินเหยียนมองซูจ้าน พลางเอ่ยถาม
ซูจ้านตอบว่า “ผมโทรศัพท์หาเขาแล้ว เขาบอกว่าไม่ว่าง ดูเหมือนว่าจะถูกผู้บัญชาการซ่งเรียกไปที่บ้าน เจ้านายเขาให้การดูแลเขาดีและชื่นชมเขามาก”
ผู้บัญชาการซ่งชื่นชมเสิ่นเผยซวนจริงๆ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่คิดให้ลูกสาวของตัวเองแต่งให้เขาหรอก
เรียกเขาไปที่บ้าน บอกว่าเป็นเรื่องงาน แต่ความจริงแล้วจงใจให้เขากับลูกสาวของตัวเองได้ทำความรู้จักกัน
แต่ในครั้งนี้ ผู้บัญชาการซ่งก็เปิดเผยแล้ว
บนโต๊ะอาหาร จู่ๆผู้บัญชาการซ่งก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เผยซวน ผมเชื่อในตัวคุณมาตลอด เรื่องนี้คุณก็รู้สินะ”
เสิ่นเผยซวนกล่าวว่าใช่ “คุณให้การดูแลผมดีมาก”
ผู้บัญชาการซ่งดื่มเหล้าไปอึกหนึ่ง ไม่ดื่มให้มากหน่อย เขาก็พูดไม่ออก ถ้าไม่ใช่ว่าภรรยากับลูกสาวคอยตามตื้อเขา เขาก็คงไม่เอ่ยพูดกับเสิ่นเผยซวนอย่างเปิดเผย แต่ถึงอย่างไรก็เป็นลูกสาวของตัวเอง “ผมก็ไม่รู้ว่าคุณดูออกหรือไม่ ความจริงแล้วหย่าซิน เธอมีความรู้สึกดีๆให้กับคุณ”
เสิ่นเผยซวนตะลึงค้างไปเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่งถึงจะรู้สึกตัวว่าวาจาของผู้บัญชาการซ่งหมายความว่าอะไร
“ผม ผม…”
“คุณไม่ต้องเครียด” ผู้บัญชาการซ่งเอ่ยอย่างเห็นอกเห็นใจ “คุณก็ไม่ใช่คนนอก ผมจะพูดตรงๆเลยแล้วกัน การอ้อมค้อมไปมาก็ไม่ใช่นิสัยของผม สถานการณ์ของหย่าซิน คุณล้วนทราบแล้ว เธอเคยหย่ามาก่อน ผมรู้ว่าไม่คู่ควรกับคุณ…”
“ไม่ครับ ผมก็ไม่ได้ดี การที่เคยหย่ามาก็ไม่ใช่ข้อบกพร่องอะไร” เสิ่นเผยซวนรีบเอ่ย “หย่าเพราะผู้ชายคนนั้นอดทนต่อสิ่งล่อใจไม่อยู่ ไม่ใช่ความผิดของหย่าซิน”
ผู้บัญชาการซ่งถอนหายใจ “คุณสามารถพูดแบบนี้ได้ ผมดีใจมาก”
เสิ่นเผยซวนไม่ได้เอ่ยต่อ คราวนี้พอจะรู้แล้วว่าผู้บัญชาการซ่งอยากจะพูดอะไร ชั่วขณะหนึ่งที่ในใจรู้สึกสับสนวุ่นวาย ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรถึงจะดี
“เผยซวน คุณก็อายุมาก ไม่น้อยแล้ว ไม่อย่างนั้น…คุณก็ลองพิจารณาดูสักหน่อย?” ผู้บัญชาการซ่งใบหน้าแดงก่ำแล้ว เขาที่มีฐานะเป็นเจ้านายของเสิ่นเผยซวนกลับเอ่ยปากให้เขาขอลูกสาวที่เคยหย่ามาก่อนของตัวเอง ช่างน่าขายหน้าเสียจริง
“ถ้าหากว่าคุณรู้สึกว่าไม่เหมาะสมก็ถือเสียว่าผมไม่ได้พูด” ผู้บัญชาการซ่งเอ่ยเสริมประโยคสุดท้ายอีกประโยคหนึ่ง
นี่มันกะทันหันเกินไปแล้ว กะทันหันเสียจนกระทั่งคำพูดปฏิเสธ เสิ่นเผยซวนก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร
ผู้บัญชาการซ่งให้การดูแลเขาดีจริงๆ ซ่งหย่าซินก็ดีมาก แต่ว่าเรื่องการแต่งงาน นับตั้งแต่ไม่ประสบความสำเร็จในครั้งที่แล้ว เขาก็ไม่เคยคิดถึงมันอีกเลย
“มาดื่มเหล้า ถือเสียว่าผมไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน” ผู้บัญชาการซ่งรินเหล้าให้เสิ่นเผยซวน
เสิ่นเผยซวนไม่พูดอะไร
ผู้บัญชาการซ่งยกแก้วเหล้าขึ้นมาชนแก้วกับเขา “พวกเราดื่มให้หมดเสียเลย”
เสิ่นเผยซวนยกแก้วเหล้าขึ้น คิดแล้วก็เอ่ยออกมาว่า “เรื่องนี้กะทันหันเกินไป ชั่วขณะหนึ่งผมจึงไม่รู้ว่าจะให้คำตอบกับคุณอย่างไร”
“ไม่ต้องเครียด ถึงอย่างไรหย่าซินของบ้านฉันก็คิดเกินเอื้อมเอง” ผู้บัญชาการซ่งก็ไม่ได้มีเจตนาจะพูดให้เสิ่นเผยซวนฟัง แต่เป็นเพราะส่วนตัวเขาก็คิดว่าผู้หญิงที่แต่งงานมาแล้วด้อยกว่าคนทั่วไปขั้นหนึ่ง ความคิดคร่ำครึ แม้ว่าจะเป็นลูกสาวของตัวเอง เขาก็คิดแบบนี้เช่นกัน
เสิ่นเผยซวนไม่เคยแต่งงานมากก่อน ประพฤติตนด้วยความซื่อตรง เขาชื่นชมเป็นอย่างมาก
ถ้าหากว่าไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง เขาจะไม่สนับสนุนให้เสิ่นเผยซวนแต่งงานกับผู้หญิงที่เคยแต่งงานมาแล้วเด็ดขาด
เสิ่นเผยซวนก็ลำบากใจเช่นกัน “คุณอย่าพูดแบบนี้ นี่มันกะทันหันเกินไป ให้ผมลองพิจารณาก่อน”