กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 669 ปลาตัวใหญ่อวบอ้วนติดเบ็ด
จงจิ่งห้าวลากเก้าอี้ออกมาให้หลินซินเหยียนนั่ง รอเธอนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เขาก็ลากเก้าอี้อีกตัว อุ้มลูกสาวแล้วนั่งลง
ซูจ้านมองเวลาแวบหนึ่ง พลางเอ่ยว่า “เสิ่นเผยซวนไม่เห็นใครอยู่ในสายตา เขาเลี้ยงอาหาร แต่กลับมาสาย”
“อาจจะมีเรื่องอะไรทำให้ล่าช้า” หลินซินเหยียนเอ่ย เสิ่นเผยซวนที่เธอรู้จักไม่ใช่คนที่ไม่มีแนวความคิดทางด้านเวลา
“แฟนสาวจะเป็นใครกันนะ ”ซางหยูคนนั้นไปจากเมืองB แล้วไม่ใช่หรือ พี่สะใภ้รู้ไหมว่าคือใคร” จู่ๆซูจ้านก็นึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเห็นบนรถ หรือว่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้นกัน
“ไม่ใช่ซางหยู?” หลินซินเหยียนถาม
ซูจ้านส่ายหน้า “เด็กผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว…”
“หนูรู้จัก หนูเคยเจอค่ะ” จงเหยียนซีตัดบทซูจ้าน เอ่ยด้วยความภูมิใจ ภูมิใจที่ตัวเองได้เจอเป็นคนแรกสุด แม้ว่าความประทับใจจะแย่จนถึงขีดสุดก็ตาม!
“อย่างนั้นหรือ” ซูจ้านถามยิ้มๆ “หน้าตาสวยไหม”
จงเหยียนซีครุ่นคิด “ก็แค่นั้นค่ะ”
รูปร่างหน้าตาจะสวยอย่างไร ความประทับใจไม่ดี ทุกอย่างก็เปล่าประโยชน์
จงเหยียนซีตัดเรื่องรูปร่างหน้าตาทิ้งไปทั้งหมด จำได้เพียงแต่สิ่งที่ไม่ดีของเธอ
ส่วนที่ว่าตรงไหนไม่ดีเธอไม่เอ่ยให้ชัดเจน เพียงแต่ไม่ชอบคนคนนี้เท่านั้นเอง
มีคนเดินเข้าประตูร้านอาหารมาสองคน
“พวกเราที่เป็นฝ่ายเลี้ยงอาหารมาสายนั้นไม่ดีจริงๆ” เสิ่นเผยซวนสีหน้าไม่ค่อยดี รู้สึกว่าซ่งหย่าซินเอาแต่ใจตัวเองมาก เดิมก็ใกล้จะถึงเวลาแล้ว แต่เธอจะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ได้ ดังนั้นเลยมาสาย
“อย่างนั้นวันนี้คุณแนะนำฉันให้เพื่อนคุณรู้จัก ใส่เสื้อผ้าไม่สวย ไม่ใช่ว่าทำให้คุณขายหน้าหรือคะ” ซ่งหย่าซินรู้ว่าการมาสายไม่ดี แต่เมื่อนึกถึงว่าต้องพบกับเพื่อนของเสิ่นเผยซวน จึงคิดอยากจะแสดงด้านที่ดีที่สุดของตัวเองออกมา
“ฉันสกปรกมอมแมม หน้าตาน่าเกลียด คุณพาฉันมายืนต่อหน้าเพื่อนคุณแล้วไม่รู้สึกว่าขายหน้าหรือคะ”
เสิ่นเผยซวนเอ่ยสู้เธอไม่ได้ จึงเอ่ยเรียบๆว่า “ผมให้ความสำคัญกับตัวคน ไม่ใช่ภาพลักษณ์ภายนอกจอมปลอม คุณก็คือคุณ ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องสนใจสายตาของคนอื่น”
ซ่งหย่าซินเม้มริมฝีปาก “คุณโมโหหรือคะ”
“เปล่า โอเค ถึงแล้ว” ความหมายของเสิ่นเผยซวนก็คือไม่ต้องพูดแล้ว เขาผลักประตูห้องส่วนตัวเข้าไป เอ่ยยิ้มๆว่า “ขอโทษที่มาสาย”
ซ่งหย่าซินรูปร่างหน้าตาสวยใช้ได้ แต่งกายก็สง่างาม เธอคล้องแขนเสิ่นเผยซวน พลางเอ่ยว่า “ขอโทษด้วยนะคะ ระหว่างทางรถติด จึงมาสาย”
เสิ่นเผยซวนขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าเธอจะโกหก
เห็นอยู่ชัดๆว่าเป็นเพราะเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าถึงได้มาสาย ทำไมถึงได้พูดโกหกว่ารถติดกัน?
“ไม่เป็นไรๆ” ซูจ้านยิ้ม พิจารณามองเธอขึ้นๆลงๆแวบหนึ่ง หางคิ้วชี้ขึ้นเล็กน้อยสองส่วน เป็นผู้หญิงคนนั้นจริงๆด้วย
เสิ่นเผยซวนแนะนำให้ซ่งหย่าซิน “คนนี้คือซูจ้าน เพื่อนผม”
ซ่งหย่าซินแย้มรอยยิ้มบางๆที่ดูเหมาะสมให้ “สวัสดีค่ะ”
ซูจ้านพยักหน้าเล็กน้อย
จงเหยียนซีคว่ำหน้าอยู่ที่ไหล่ของจงจิ่งห้าว เอ่ยเสียงเบาข้างหูเขา “คุณพ่อ หนูไม่ชอบคุณน้าคนนี้ เกลียดเลยค่ะ”
จงจิ่งห้าวตบแผ่นหลังลูกสาวเบาๆ เอ่ยเสียงเบาว่า “ไม่มีมารยาทแบบนี้ไม่ได้นะ”
จงเหยียนซีเบ้ปาก เอ่ยเสียงเบาว่า “เดิมก็เป็นอย่างนั้นนิคะ”
“พี่สะใภ้ คนนี้คือซ่งหย่าซิน แฟนสาวของฉัน” เสิ่นเผยซวนพาซ่งหย่าซินเดินไปถึงด้านข้างหลินซินเหยียน พลางเอ่ยแนะนำ
“สวัสดีค่ะ” ซ่งหย่าซินเอ่ยยิ้มๆ แต่สายตากลับพิจารณามองเธอไปทั่วร่างรอบหนึ่ง และถือโอกาสเบนสายตาไปพิจารณาจงจิ่งห้าวที่นั่งอยู่ข้างเธอด้วยท่าทางไม่ได้ตั้งใจด้วย
แม้ว่าเขาจะไม่พูดไม่จา แต่เมื่อเธอเข้ามาก็สังเกตเห็นผู้ชายคนนี้แล้ว
เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า คนที่เสิ่นเผยซวนคบหาสมาคมด้วยล้วนมีแต่คนแบบนี้
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลยว่าคนที่ยอดเยี่ยมก็คบหาสมาคมกับคนยอดเยี่ยม ถ้ารู้แต่แรกว่าเสิ่นเผยซวนมีกลุ่มเพื่อนแบบนี้ เธอก็คงจะจับผู้ชายที่มีคุณค่าคนนี้เอาไว้นานแล้ว
หลินซินเหยียนยิ้มน้อยๆเป็นการตอบกลับ “สวัสดีค่ะ”
ความประทับใจที่ซ่งหย่าซินมีต่อเธอนั้นพอใช้ได้ หน้าตาสวยงาม และมีมารยาท
“พวกเรารอพวกคุณมาตั้งนาน อย่าปล่อยให้พวกเราหิวอีกต่อไปเลย”
“ก็ใช่ พวกเรารีบนั่งลงเถอะค่ะ” ซ่งหย่าซินดึงเสิ่นเผยซวนให้นั่งลง
มือซูจ้านถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้ แอบถ่ายรูปเสิ่นเผยซวนกับซ่งหย่าซินรูปหนึ่งส่งให้กับฉินยา
ในไม่ช้าฉินยาก็ส่งสติ๊กเกอร์ตกตะลึงกลับมา พร้อมกับข้อความ [ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเสิ่นเผยซวนคือใครกันคะ]
ซูจ้านตอบ [คุณเดาดูสิ?]
ฉินยา [คุณอยากพูดก็พูด ไม่อยากพูดก็ช่างเถอะค่ะ] สติ๊กเกอร์เย่อหยิ่ง
ซูจ้านยิ้ม ตอบกลับไปว่า [แฟนสาวของเขา วันนี้แนะนำให้พวกเรารู้จัก ถ้าคุณยังไม่จากไปจะดีแค่ไหนนะ สามารถมากินข้าวด้วยกันกับพวกเราได้แล้ว ไม่อย่างนั้นตอนกินข้าวเย็นเสร็จ ผมขับรถไปหาคุณ?]
[นี่มันกี่โมงแล้วคะ คุณบ้าไปแล้วหรือ]
[ผมอยากกินข้าวเช้ากับคุณในวันพรุ่งนี้]
ฉินยามองโทรศัพท์มือถือ บนใบหน้าประดับไปอยู่รอยยิ้มอย่างเห็นได้ชัด แค่กลับส่งตัวอักษรที่ไม่เป็นมิตรไปให้ [ประสาท]
ซูจ้านยิ้ม เก็บโทรศัพท์มือถือลง
“ฉันรู้จักเมนูแนะนำที่ไม่เลวของร้านอาหารร้านนี้อยู่บ้าง พวกคุณมีอะไรที่กินไม่ได้ไหมคะ” เธอมองไปทางหลินซินเหยียน “คุณชอบรสชาติแบบนี้ ได้ยินมาว่าคนท้องค่อนข้างเลือก”
“ฉันไม่เลือกค่ะ อะไรก็ได้หมด” หลินซินเหยียนเอ่ยตอบ
“ถ้าอย่างนั้นฉันสั่งเลยนะคะ” ซ่งหย่าซินพลิกเมนู ในตอนนี้เองที่จงเหยียนซีเอ่ยขึ้นมา “คุณน้า คุณน้าถามหนูด้วยสิคะ”
สีหน้าท่าทางซ่งหย่าซินชะงักไปเล็กน้อย รีบเอ่ยยิ้มๆว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูชอบอะไรจ๊ะ”
จงเหยียนซีที่อิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของจงจิ่งห้าวเอ่ยว่า “หนูก็ไม่รู้ว่าร้านอาหารนี้มีอะไรบ้าง จะสั่งได้อย่างไรคะ”
บนใบหน้าเธอประดับไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนที่น่าเคารพและน่าเข้าใกล้ แต่ในใจกลับเกลียดจงเหยียนซีมาก เด็กผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงน่ารังเกียจนักนะ?
ในใจก็คิดว่าไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน!
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว ตบหลังลูกสาวเบาๆ “ไม่มีมารยาทแบบนี้ไม่ได้นะลูก คุยกับคุณน้าอย่างไรกัน?”
“ไม่เป็นไรค่ะ เด็กนี่คะ” ซ่งหย่าซินยังคงรักษาท่าทางสง่างามใจกว้างบนใบหน้าเอาไว้
ความจริงแล้วจงเหยียนซีก็รู้ว่าทำแบบนี้ไม่ดี ไม่มีมารยาท แต่ไม่รู้ว่าทำไม เธอไม่ชอบคุณน้าคนนี้ เหมือนกับที่เธอโจวฉุนฉุน มันไม่มีเหตุผล
ชอบไม่มีเหตุผล ไม่ชอบก็ไม่มีเหตุผลเช่นกัน
“อาหารในวันนี้พวกเราให้เสี่ยวลุ่ยสั่ง สั่งเยอะหน่อย ยากนะที่คุณอาเสิ่นของหนูจะเลี้ยงอาหาร” ซูจ้านส่งสายตาให้กับจงเหยียนซี
จงเหยียนซีรับเมนูอาหารทำท่าทางเหมือนอ่านรู้เรื่อง เข้าเรียนที่เนอสเซอรี่ได้ไม่กี่วัน รู้จักตัวอักษรจึงไม่เยอะ แต่เมนูอาหารมีรูปภาพ เธอสามารถใช้นิ้วชี้ได้
เธอยิ้มตาหยี ในใจก็คิดว่าเมนูนี้ดี มีบางเมนูที่มีแต่ตัวอักษรไม่มีรูปภาพ เมื่อไม่รู้จักตัวอักษรก็ไม่สามารถสั่งอาหารได้
ขอเพียงแค่ไม่มีพริก เธอก็สั่ง เป็นเพราะอาหารที่บ้านค่อนข้างมีรสจืด คุณพ่อกับหม่ามี๊ล้วนชอบรสจืด ดังนั้นอาหารที่เธอสั่งล้วนมีรสชาติจืด
ขณะรออาหารมาเสิร์ฟ ซูจ้านถามว่า “คุณซ่ง ใช่ไหมครับ”
ซ่งหย่าซินยิ้ม พลางเอ่ยว่าใช่ค่ะ
“อ่อ ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อของคุณก็คือผู้บัญชาการซ่ง?” คราวนี้ซูจ้านเข้าใจเรื่องนี้แล้ว เขากับหลินซินเหยียนล้วนมีข้อสงสัยแบบเดียวกัน ผู้หญิงคนนี้จัดการเสิ่นเผยซวนที่สมองทึบและเฉื่อยชาคนนี้ได้อย่างไรกัน?
คราวนี้เขาก็นึกขึ้นมาได้กะทันหันว่า เจ้านายของเสิ่นเผยซวนก็แซ่ซ่งเช่นกัน บิดาของผู้หญิงคนนี้จะใช่ผู้บัญชาการซ่งหรือไม่?
เสิ่นเผยซวนไม่ชอบเล่าเรื่องการทำงานของตัวเอง
ดังนั้นสิ่งที่ซูจ้านรู้จึงมีจำกัด
ซ่งหย่าซินเอ่ยยิ้มๆ “ใช่ค่ะ”
“แบบนี้ก็ไม่ถูกต้องแล้ว ไม่ใช่ว่าคุณแต่งงานไปแล้วหรือ” เขายังจำได้ว่ามีครั้งหนึ่ง เสิ่นเผยซวนบอกว่าจะไปร่วมงานแต่งงาน เขาถามว่างานแต่งงานของใคร เขาบอกว่าเป็นงานแต่งงานของลูกสาวเจ้านาย
ซ่งหย่าซินหน้าเปลี่ยนสีอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันหย่าแล้วค่ะ” ซ่งหย่าซินฝืนฉีกรอยยิ้มแข็งทื่อ รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากเมื่อถูกคนถามถึงเรื่องการหย่าร้าง เธอลุกขึ้น “ฉันจะไปห้องน้ำสักหน่อยค่ะ”
เอ่ยจบแล้วก็เดินออกไป
บนโต๊ะเงียบไปสองวินาที คล้ายกับว่าคิดไม่ถึงว่าเธอจะเคยแต่งงานมาก่อน
ซูจ้านมองเสิ่นเผยซวน “เธอตามจีบนายหรือ”
วินาทีถัดไปซูจ้านก็ระเบิดออกมา ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกว่าเคยหย่าแล้วจะไม่ดี แต่เขารู้ว่า เสิ่นเผยซวนให้ความเคารพนับถือต่อเจ้านายของเขามาตลอด
ถ้าหากว่าผู้บัญชาการซ่งที่เป็นเจ้านายเขาเอ่ยปากก่อน การที่เสิ่นเผยซวนจะรับปากเพราะเป็นแก่หน้าของผู้บัญชาการซ่งนั้นมีถึงแปดเก้าส่วน
ก่อนหน้านี้อารมณ์ไม่ดีเพราะซางหยูจากไป พริบตาเดียวก็คบกับซ่งหย่าซินเสียแล้ว เห็นได้ชัดว่านี่มันประหลาดมาก
“พวกนายไม่เหมาะสมกัน” ซูจ้านเอ่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา
เสิ่นเผยซวนไม่ได้มีสีหน้าท่าทางอะไร “ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม”
ซูจ้านไม่พูดอะไร แต่มองเขาทั้งแบบนั้น
เสิ่นเผยซวนถูกเขามองจนขนลุก “นายมองฉันทำไมกัน”
ซูจ้านแค่นเสียงเย็น “ฉันว่านายเหมือนกับปลาตัวใหญ่อวบอ้วนที่ติดเบ็ดตัวหนึ่ง!”