กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 675 เสิ่นเผยซวนได้สติขึ้นมา
เธอรีบนั่งลงบนพื้น แล้วยื่นมือออกไปปัดผมบนหน้าผากของเขาออก เผยให้เห็นใบหน้าของเสิ่นเผยซวนอย่างที่คาดเดาไว้ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?
“หัวหน้าเสิ่น” ซางหยูตบหน้าของเขา แต่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นเลย
เธอรีบตะโกนเรียกอย่างตกใจ “ห้าวหนาน รีบไปเรียกคนมาช่วยเร็วๆ เข้า”
หวางห้าวหนานมองไปที่ซางหยูอย่างตกตะลึง “คุณครูซางครับ คุณครูรู้จักเขาเหรอครับ”
“รีบไปเรียกคนมาเร็วเข้า” ซางหยูร้อนใจ จนน้ำเสียงที่พูดดังขึ้นมา
“ได้ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” หวางห้าวหนานได้สติจึงรีบวิ่งออกไป ก่อนจะสะดุดก้อนหินล้มลงบนพื้นจนเนื้อตัวมอมแมม ยังไม่ทันได้ปัดฝุ่นบนเนื้อตัว ก็รีบวิ่งออกไปแล้ว
ซางหยูอยากจะพยุงเขาขึ้นมา แต่ร่างกายของเขาหนักเกินกว่าที่เธอจะยกเขาขึ้นจากพื้นได้ พอเห็นเลือดที่เริ่มแห้งบนศีรษะของเขา หัวใจของเธอก็เหมือนถูกกรงเหล็กบีบแน่น ขอบตาของเธอแดงก่ำขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“คุณครูซางครับ” คนที่มาคือครูอีกคน มีชื่อว่าหวางเหวิ่นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย
คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่จะใช้นามสกุลหวาง
ซางหยูเหมือนเจอความหวัง จึงรีบพูดขึ้นมา “เร็วค่ะ ช่วยพาเขาไปที่โรงพยาบาลหน่อย”
หวางเหวิ่นนั่งลง แล้วพูดว่า “ผมจะพาเขาไปในหมู่บ้านครับ”
ด้วยความช่วยเหลือของซางหยู หวางเหวิ่นถึงได้ยกเสิ่นเผยซวนขึ้นมาแบกไว้บนหลังของเขาได้ หวางห้าวหนานรีบพูด “ผมจะไปบอกให้คุณครูใหญ่ขับสามล้อมารับครับ”
หลังจากพูดจบ เขาก็วิ่งไปทางโรงเรียน
เม็ดเหงื่อไหลออกมาบนหน้าผากของหวางเหวิ่น “ซางหยู ผมเห็นคุณรีบร้อนมาก คุณรู้จักเขาเหรอครับ”
ซางหยูตอบกลับแค่อืมเบาๆ
หวางเหวิ่นก้มหน้าลง แล้วเดินต่อไป สักพักคุณครูใหญ่ก็ขับรถสามล้อมารับ “ทุกคนขึ้นมาเร็วเข้า”
รถสามล้อก็คือรถที่มีสามล้อ ด้านหลังมีรถลากที่ใช้ลากพืชผลในฤดูเก็บเกี่ยว
ด้านข้างคนขับสามารถนั่งได้ แต่ที่นั่งแคบมาก ซางหยูรีบปีนขึ้นไปบนรถ แล้วพูดว่า “วางเขาลงมาเลยค่ะ”
เธอนั่งลง แล้วยกศีรษะของเสิ่นเผยซวนมาวางไว้บนตักของเธอ
หวางเหวิ่นเองก็รีบปีนขึ้นไปด้วย เขานั่งอยู่ข้างหลัง แล้วพูดว่า “ผมช่วยครับ”
ซางหยูพยักหน้า
ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ซางหยูกังวลว่าจะทำให้เสิ่นเผยซวนได้รับบาดเจ็บเพิ่ม จึงพูดกับหวางเหวิ่นว่า “คุณช่วยฉันกอดร่างของเขาไว้ได้ไหมคะ”
หวางเหวิ่นพยักหน้า แล้วนั่งลงยกร่างของเสิ่นเผยซวนขึ้นมาวางไว้บนตักของเขา ก่อนจะกอดร่างกายของเขาด้วยแขนของเขาไว้ เพื่อที่จะช่วยลดการกระแทกได้บ้าง
หลังจากออกจากหมู่บ้านมาจนถึงบนทางหลวง ถนนก็ราบเรียบขึ้นมาก จึงขับเร็วขึ้นได้แล้ว
หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงกว่าก็มาถึงโรงพยาบาลรองในเขตอำเภอ ด้วยความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ เสิ่นเผยซวนถูกส่งไปที่ห้องผ่าตัดอย่างราบรื่น
“คุณซาง เขาเป็นใครเหรอครับ” ครูใหญ่ถาม
ก่อนหน้านี้อยู่ในสถานการณ์เร่งด่วน ไม่มีเวลาสอบถาม พอเขาลงจากรถ เขาเห็นซางหยูมีสีหน้ากังวลและหน้าซีดมาก
มากก้มหน้าลง แล้วพูดว่า “เป็นเพื่อนที่ดีมากของฉันค่ะ”
“เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ” หวางเหวิ่นเม้มปาก “เขามาที่นี่เพื่อตามหาคุณเหรอครับ?”
ตอนที่เขาเห็นซางหยูครั้งแรกเขาก็ตกหลุมรักซางหยูแล้ว แต่พอเห็นเธอเป็นห่วงผู้ชายคนนั้นมาก เขารู้สึกปวดใจเล็กน้อย
ซางหยูส่ายหน้า “เขาเป็นตำรวจค่ะ เขาจะอยู่ที่นี่ น่าจะเป็นเพราะมาทำคดี”
นี่เป็นเหตุผลเดียวที่เธอคิดออก
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาปรากฏอยู่ที่นี่แบบนี้?
“ขอบคุณพวกคุณมากเลยนะคะ” ซางหยูพูดอย่างจริงใจ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขา เธอคงไม่สามารถพาเสิ่นเผยซวนมาที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็วแบบนี้
และไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ พวกเราคุ้นเคยกันขนาดนี้แล้ว คุณเองก็ทำการสอนนักเรียนฟรีๆแล้วด้วย เราควรขอบคุณคุณมากกว่า” ครูใหญ่ยิ้ม รอยย่นที่หางตาของเขาลึก ถึงแม้จะผ่านพ้นอะไรมามาก แต่ก็ยังใจดีเช่นเดิม
“ถูกต้องครับ ไม่ต้องเกรงใจพวกเราขนาดนี้ก็ได้” หวางเหวิ่นซื้อน้ำมา แล้วยื่นให้เธอ ซางหยูรับไปแล้วขอบคุณ
เธอไม่ได้บิดฝาออกมาดื่ม แต่ถือมันไว้ในมือ แล้วมองไปทางห้องผ่าตัดบ่อยๆ
“อย่ากังวลไปเลยครับ” หวางเหวิ่นตบไหล่เธอเบาๆ เป็นการปลอบโยน
ซางหยูพยักหน้า
สองชั่วโมงต่อมา ประตูห้องผ่าตัดก็ถูกเปิดออก หมอเดินออกมาถามว่า “ใครคือญาติของผู้ป่วยครับ”
ทุกคนมองหน้ากันสักพัก ก่อนที่ซางหยูจะก้าวไปข้างหน้า “ฉันเป็นเพื่อนของเขาค่ะ”
“ญาติของเขาล่ะครับ” หมอถาม
ซางหยูพูด “ฉันก็ติดต่อไม่ได้ค่ะ มีอะไรก็บอกฉันได้ค่ะ”
“คือแบบนี้นะครับ คนไข้ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ เราตรวจสอบแล้วว่าไม่มีภาวะที่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่เครื่องมือทางการแพทย์ที่นี่มีจำกัด เราไม่ตัดความเป็นไปได้ของภาวะสมองได้รับความกระทบกระเทือน ถ้าหากต้องการตรวจเพิ่ม ต้องย้ายไปโรงพยาบาลในเมือง ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกคุณว่าจะไปหรือไม่ไป”
ซางหยูรีบพูดโดยไม่ลังเล “แน่นอนว่าต้องไปโรงพยาบาลในเมือง…”
“คนไข้จะได้สติเมื่อไหร่ครับคุณหมอ” หวางเหวิ่นก้าวไปข้างหน้า แล้วพูดขัดจังหวะซางหยู
เขาคิดว่าควรจะถามความปรารถนาของผู้ป่วยเองว่าจะไปโรงพยาบาลใหญ่หรือไม่ ถ้าเขาได้สติเร็ว ก็ปล่อยให้เขาตัดสินใจเอง
ซางหยูเป็นคนจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ถ้าย้ายไปโรงพยาบาลในตัวเมืองหมายถึงการต้องใช้จ่ายเงินมากขึ้น ซางหยูไม่คิดแทนตัวเอง เขาก็ต้องคิดแทนเธอ
“ถ้าไม่มีอะไรแทรกซ้อน พรุ่งนี้ก็น่าจะฟื้นแล้วครับ อย่างช้าที่สุดก็น่าจะเป็นวันมะรืนนี้” หมอตอบ
หวางเหวิ่นพูดกับซางหยู่ “รอให้เขาฟื้นขึ้นมาแล้วถามความคิดเห็นของเขาดีกว่าครับ เพราะคุณไม่ใช่ญาติพี่น้องของเขา จะได้ไม่เกิดปัญหา”
ซางหยูเม้มปากแน่น
“คุณเองก็เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย คุณมีเงินเก็บเท่าไหร่กัน?” หวางเหวิ่นยังคงพูดเกลี้ยกล่อม
ซางหยูไม่มีเงินอะไรมากมายจริงๆ จึงถูกคำพูดของหวางเหวิ่นเรียกสติกลับมาได้ เขาไม่ใช่ญาติพี่น้องของเสิ่นเผยซวน ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจอะไรมากไม่ได้ โชคดีที่พรุ่งนี้เขาจะได้สติแล้ว แบบนี้ เธอจะได้ถามความเห็นของเขาได้
“ผู้ป่วยต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลาสี่สิบแปดชั่วโมง พวกคุณไปดำเนินการจ่ายค่ารักษาเถอะครับ” หมอพูด
ซางหยูพูด “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
“เดี๋ยวครับ ผมไปดีกว่า คุณรออยู่ที่นี่” หวางเหวิ่นดึงเธอกลับมา
ซางหยูไม่อยากรบกวนเขามากเกินไป แต่ท่าทางของเขาแน่วแน่มาก เธอจึงพูดว่า “ขอบคุณนะคะ”
หวางเหวิ่นยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องเกรงใจครับ”
ไม่นานเสิ่นเผยซวนก็ถูกส่งไปที่ห้องพักผู้ป่วย ในห้องมีเตียงอื่นๆ อีก 3 เตียง มีผู้ป่วยนอนอยู่ก่อนแล้ว และมีญาติเฝ้าไข้อยู่ด้วย เสื้อผ้าที่ใช้เปลี่ยน และอาหารกลางวันที่พวกเขากินวางอยู่บนโต๊ะ ภายในห้องพักผู้ป่วยไม่ค่อยเป็นระเบียบ อีกทั้งยังมีกลิ่นน้ำฆ่าเชื้อโชยออกมาด้วย ห้องพักแบบนี้ถือว่าดีมากแล้ว
เพราะเงื่อนไขมีขีดจำกัด
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ซางหยูก็ขอให้พวกเขากลับไปก่อน “ฉันอยู่ดูแลต่อเองค่ะ พวกคุณกลับไปก่อนเลย พวกเด็กๆ ยังอยู่ในโรงเรียน จะไม่มีคนอยู่ดูแลไม่ได้”
“อาจารย์ใหญ่กลับไปก่อนเลยครับ ผมจะอยู่กับคุณที่นี่” หวางเหวิ่นพูด
ซางหยูยังคงรู้สึกผิด “คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวก็พอแล้ว อีกอย่างที่นี่ก็ไม่มีที่สำหรับพักผ่อนด้วย”
ที่นี่ไม่มีที่พักจริงๆ เขานิ่งคิดสักพัก “ก็ได้ครับ ถ้ามีอะไรโทรหาผมได้ทุกเมื่อนะครับ”
ซางหยูพูด “ได้ค่ะ”
แต่ละเตียงมีเก้าอี้ตัวหนึ่งข้างเตียง แต่ไม่มีเตียงให้ญาติได้นอนพัก ซางหยูเห็นว่าบาดแผลที่ศีรษะของเสิ่นเผยซวนถูกพันผ้าพันแผลไว้ และเห็นว่ามีคราบเลือดแห้งที่คอของเขา เธอไปซื้ออ่างล้างหน้าและผ้าขนหนู ก่อนจะตวงน้ำอุ่น แล้วช่วยเขาเช็ดจนสะอาด พร้อมกับช่วยเขาล้างหน้าและล้างมือด้วย
หลังจากนั้นเธอก็นั่งอยู่ข้างเตียงไม่ออกไปไหนอีกเลย
ตอนกลางคืน เธอไม่รู้สึกหิว จึงซื้อแค่น้ำ แล้วมานั่งเฝ้าอยู่ที่เตียงต่อ
ในช่วงครึ่งหลังเธอผล็อยหลับไปที่ข้างเตียง
ตอนเช้าตรู่ ถนนหนทางเงียบสงัด เมื่อแสงสว่างของเช้าวันแรกส่องผ่านเข้ามา เหมือนจะปลุกคนที่กำลังหลับใหลให้ตื่นขึ้นมา ท้องถนนเริ่มมีผู้คนออกมาเดินเป็นจำนวนมาก พ่อค้าหาบเร่ที่ทำการขายอาหารเช้าก็ขายดีขึ้นเรื่อยๆ
เสิ่นเผยซวนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา และสิ่งที่เขาเห็นคือสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย