กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 679 ห้ามแต่งงาน
ซางหยูตอบกลับช้าๆ “สำหรับฉันแล้ว อนาคตของฉันจะมีความหมายอะไรอีก คนที่ฉันต้องการดูแลจากไปแล้ว แค่มีงานที่ดี ฉันก็จะมีความสุขอย่างนั้นเหรอคะ”
เสิ่นเผยซวนเงยหน้าขึ้น ซางหยูยืนอยู่ที่ประตู แสงสว่างจากด้านหลัง ห่อหุ้มเธอไว้ จนห่อหุ้มเธอไว้ด้วยรัศมีแห่งแสงสว่าง
เขาเห็นสีหน้าของเธอไม่ชัดเจน
มีเพียงเงาร่างบางเท่านั้น
เขาก็กำหมัดแน่น “คุณคิดจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตอย่างนั้นเหรอ”
ซางหยูหันหลังให้เขา ก่อนจะนั่งลงข้างประตู แล้วมองออกไปไกล “ฉันไม่รู้ค่ะ บางทีฉันอาจจะแต่งงานแล้วไปจากที่นี่ก็ได้…”
“คุณจะแต่งงานกับใคร” ก่อนที่ซางหยูจะพูดจบ เสิ่นเผยซวนก็พูดขัดจังหวะอย่างรวดเร็ว
เธอคิดจะแต่งงานอย่างนั้นเหรอ?
แต่งกับใคร?
เด็กหนุ่มคนนั้นเหรอ?
“ห้ามแต่งงาน” หลังจากที่เขาพูดจบ เขาถึงได้รู้ตัวว่าเขาล่วงละเมิดแล้ว ทำไมเขาถึงไม่อยากให้เธอแต่งงานกันล่ะ?
“ผมหมายถึง…” เขารีบหาคำแก้ตัว “ผมหมายความว่าคุณอายุยังน้อย”
“ฉันรู้ค่ะ ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของคุณ ฉันจะจัดการชีวิตของตัวเองให้ดี คุณวางใจได้” ซางหยูใช้มือยันคางของตัวเอง “ที่จริงแล้วที่นี่ก็ไม่เลวเลย ผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่มีการทะเลาะวิวาท อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ สบายมากใจ”
เสิ่นเผยซวนพูดไม่ออก
ทุกคนมีสิทธิ์เลือกว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน
เขาไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง
“คุณจะแต่งงานไหมคะ” จู่ๆ ซางหยูก็ถามขึ้นมา
เสิ่นเผยซวนมองไม่เห็นสีหน้าของเธอในเวลานี้ เห็นเพียงแผ่นหลังของเธอ เขาเองก็ไม่ใช่คนชอบพูดโกหก “แต่งสิ”
ซางหยูรู้ดีว่าเสิ่นเผยซวนไม่มีทางจะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต ยิ่งกว่านั้น เขาก็เป็นคนดี และมีผู้หญิงที่ชอบเขามาก เขาแค่ซื่อบื้อ ถ้ากระตือรือร้นสักนิด เขาน่าจะแต่งงานและมีลูกไปนานแล้ว แต่พอคิดว่าเขาจะแต่งงาน ใจของเธอก็เหมือนถูกทิ่มแทงจนเจ็บปวด เธอถือโอกาสตอนที่ปัดผมรีบเช็ดน้ำตาของเธอ ก่อนจะพูดว่า “ดีแล้วค่ะ แต่งกับคุณหนูซ่งใช่ไหมคะ?”
เสิ่นเผยซวนหลับตาลงแล้วตอบแค่อืมเบา ๆ
ซางหยูกุมมือของเธอแน่น บีบความเจ็บปวดที่ไหลเข้ามาในลำคอของเธอออกไปช้าๆ เธอปรับอารมณ์ตัวเองเล็กน้อย รอจนเสียงของเธอเป็นปกติ ถึงได้พูดขึ้นมา “แบบนี้ก็ดีค่ะ ฐานะครอบครัวของคุณดีขนาดนั้น หน้าตาของเธอก็ดี อายุก็พอๆ กับคุณ ช่วยเหลือคุณทางด้านอาชีพการงานได้ เหมาะสมกันมาก ถ้าพวกคุณแต่งงานกันคุณคงจะมีความสุขมาก”
มีความสุขอย่างนั้นเหรอ?
เสิ่นเผยซวนรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่ห่างไกลมาก หรือเป็นคำที่เขาคงไม่มีทางได้เข้าใจ
“คุณคิดว่าผมจะมีความสุขอย่างนั้นเหรอ” เสิ่นเผยซวนถามอย่างเฉยเมย
ซางหยูหันกลับมามองเขา “นี่คุณอยากโอ้อวดความสุขของคุณให้ฉันดูเหรอคะ”
ในเมื่อเขาพูดเอง ว่าจะแต่งงานกับซ่งหย่าซิน ตอนนี้ยังจะถามเธออีก ว่าเขาจะมีความสุขไหม?
เสิ่นเผยซวนยิ้มเศร้า “คุณคิดว่าผมกำลังอวดคุณอยู่เหรอ” เขาหุบยิ้ม “ซางหยู ผม …”
เขาอยากจะบอก ตอนที่อยู่กับซ่งหย่าซิน เขาไม่มีความสุขเลย
แต่ว่า ต้องมาถูกเด็กคนหนึ่งพูดขัดขึ้นมา
“ครูซางครับ ครูซาง…” เด็กน้อยวิ่งเข้ามา
“เป็นอะไรไปเขอเขอ”
หลูเขอเขอเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สอง
“หวางห้าวหนานสะดุดล้มค่ะ แล้วขาของเขาก็มีเลือดไหลออกมาด้วยค่ะ”
ซางหยูรีบลุกขึ้นยืน แล้วถามว่า “เขาอยู่ที่ไหน”
“ยังอยู่ในห้องเรียนค่ะ”
ซางหยูรีบวิ่งออกไปทันที หวางห้าวหนานกำลังนั่งอยู่ในห้องเรียน ซางหยูเดินเข้าไป เห็นว่าตรงหัวเข่าของเขามีแผลที่เลือดกำลังไหลออกมา เลือดสดไหลลงมา เห็นแล้วน่าตกใจมาก
“ทำไมถึงบาดเจ็บได้” ซางหยูคุกเข่าลงไปมอง
“เล่นชนไก่จนสะดุดหินล้มครับ” หวางห้าวหนานมีผลการเรียนดีมาก แต่เขาก็ซุกซนมากด้วย และการชนไก่ที่เขาพูดนั้นไม่ใช่เอาไก่สองตัวมาสู้กัน แต่เป็นเกมรูปแบบหนึ่ง
สามารถเล่นได้ตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้เล่นยกขาข้างหนึ่งจับไว้ แล้วยืนด้วยเท้าเดียว ใช้หัวเข่ากระแทกกัน ถ้าใครวางมือปล่อยขาลงหรือล้มลง ถือว่าแพ้ไป
มันเป็นเกมที่เด็กผู้ชายชอบเล่นกัน
“ขอเขอ ไปเอากล่องยาของครูที่บ้านมาให้ครูหน่อยจ้ะ” รู้ว่าเด็กพวกนี้ซุกซนมาก เธอจึงเตรียมยาล้างแผล ผ้าปิดแผล และยาอื่นๆ ไว้
หลูเขอเขอวิ่งออกไป เสิ่นเผยซวนเดินตามกลับมาด้วย ก่อนจะมองเข้ามาจากทางหน้าหน้าต่าง
ห้องเรียนดูธรรมดามาก สีแดงที่ทาโต๊ะไม้หลุดหายไปไม่น้อย บนพื้นปูด้วยอิฐสีแดง ด้านหน้ามีกระดานดำ โต๊ะทำงานด้านหน้าก็สีหลุด เหมือนโต๊ะเรียน แต่พวกชอล์กและยางลบกระดานดำวางอยู่ โดยจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ
เพื่อทำให้ห้องเรียนมีชีวิตชีวา พวกเด็กนักเรียนใช้ขวดที่ตัดปากขวดออก แล้วปักดอกไม้ป่าวางไว้บนโต๊ะ
แม้จะเรียบง่าย แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่น
หลูเขอเขอนำกล่องยาเดินเข้ามา ซางหยูเปิดออก หยิบไอโอดีนและสำลีก้านออกมา เธอไม่กล้าลงมือ เพราะกลัวว่าจะทำเขาเจ็บ แต่ว่า อากาศร้อน ถ้าไม่รีบทำแผล มันอาจจะเกิดหนอง และอักเสบ รุนแรงมากขึ้น
“อดทนไว้นะจ๊ะ มันอาจจะเจ็บหน่อย”
“ครูซางครับ คุณจะทิ้งพวกเราไหมครับ” ขอบตาของหวางห้าวหนานแดงก่ำ “พวกเราทุกคนไม่อยากให้ครูไป”
ซางหยูขมวดคิ้ว “ใครบอกว่าครูจะไปยากที่นี่?”
“อาจารย์หวาง บอกครับ เขาบอกว่าครูเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง โด่งดังมากกว่าของเขา คงน่าเสียดายมากถ้าคุณจะอยู่ที่นี่กับเรา” หวางห้าวหนานเงยหน้าขึ้น “ครูซางครับ คุณจะจากไปจริงๆ เหรอครับ”
“เขาโกหกเรา ครูจะเริ่มทำแผลแล้วนะ เราเป็นลูกผู้ชาย ต้องอดทนไว้นะ” หลังจากที่ซางหยูหยิบสำลีก้านจุ่มไอโอดีน เธอก็เริ่มทำความสะอาดแผลจากหัวเข่าของเขา
หวางห้าวหนานเงยหน้าขึ้นไม่มองตัวเอง แล้วพูดคุยกับซางหยูเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ “ครูซางครับ ผู้ชายที่คุณช่วยชีวิตไว้เป็นใครเหรอครับ คุณมีความสัมพันธ์กับเขายังไง ตอนนั้นครูดูตกใจมาก ผมเห็นคุณร้อนใจจนขอบตาแดง และนี่เป็นครั้งแรกที่ครูตะโกนใส่ผมเสียงดังขนาดนั้น”
เสิ่นเผยซวนมองไปที่ดวงตาของซางหยูที่เริ่มสับสน ในใจของเขาเริ่มตั้งตารอคำตอบของซางหยู
“เขากับครู—เรารู้จักกันจ้ะ เราถือว่าเป็นเพื่อนกัน ขอโทษนะจ๊ะ ต่อไปครูจะพยายามอ่อนโยนให้มากกว่านี้” ซางหยูก้มหน้าลง และจดจ่อกับการทำความสะอาดบาดแผลของเขาต่อ
เสิ่นเผยซวนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เธอแสดงความคิดเห็นระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเขา โดยพูดว่า ‘เราถือว่าเป็นเพื่อนกัน’ แม้แต่เพื่อนเธอ เขาก็ไม่มีสิทธิ์อย่างนั้นเหรอ?
เธอคิดกับตนเองยังไง?
คนแปลกหน้าอย่างนั้นเหรอ?
ในใจรู้สึกอัดอั้นใจ
“ครูซางครับ ในเมื่อพวกครูไม่สนิทกัน ทำไมคุณครูถึงเป็นห่วงเขามากขนาดนั้นล่ะครับ” หวางห้าวหนานถามต่อ
ซางหยูขมวดคิ้ว “เด็กขนาดนี้ ทำไมมีคำถามเยอะขนาดนี้?”
“ครูครับ บอกผมหน่อยสิครับ ถือว่าเห็นแก่ที่ผมได้รับเจ็บก็ได้” หวางห้าวหนานยิ้มและทำท่าออดอ้อน
ซางหยูเม้มริมฝีปากของเธอ “ไม่อาจทำตามใจตัวเองได้เข้าใจคำนี้ไหม?”
ฐานะของเธอ ไม่คู่ควรกับเขา
พ่อของเธอเป็นนักพนัน แม่ของเธอเป็นฆาตกร ส่วนเสิ่นเผยซวนเป็นตำรวจที่มีตำแหน่งสูง
ถ้าเขาใกล้ชิดกับเธอจะส่งผลกระทบต่อเขามากกว่า?
ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่าขอแค่เธอพยายาม ก็จะช่วยเหลือเขาได้บ้าง แต่ตอนนี้มาคิดดูมันน่าตลกสิ้นดี
เขาประสบความสำเร็จแล้ว ส่วนเธออาจต้องใช้เวลาแปดถึงสิบปีถึงจะประสบความสำเร็จ และยังไม่รู้ว่าจะขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับเขาไหม
จะช่วยเหลืออะไรเขาได้?
มีแค่คนที่เท่าเทียมกับเขา มีภูมิหลังครอบครัวที่สะอาดเท่านั้น ถึงคู่ควรกับเขาได้
“ครูซางครับ ไม่อาจทำตามใจตัวเองได้หมายความว่าอย่างไร” หวางห้าวหนานถามด้วยความสงสัย
คำนี้เขาฟังไม่เข้าใจ
ซางหยูเงยหน้าขึ้น และอธิบายให้เขาฟัง “หมายความว่าความว่าไม่สามารถทำตามที่ใจคิดได้ยังไงล่ะจ๊ะ”
เหมือนกับที่เธอเลือกเกิดเองไม่ได้นั่นเอง
“ร่างกายของครู ครูทำตามใจไม่ได้ แล้วใครจะทำแทนได้ล่ะครับ” หวางห้าวหนานรู้สึกว่าคำนี้มีปัญหา
ซางหยูยิ้มแล้วลูบหัวเขา “เราจะเข้าใจเมื่อโตขึ้นจ๊ะ”
“ครูซางครับ ผมรู้สึกว่าการคุยกันสามารถเบี่ยงเบนความสนใจได้จริงๆ ครับ ผมไม่รู้สึกเจ็บเลย”
“นั่นเป็นเพราะครูยังไม่ได้ทำแผลให้เลยต่างหากล่ะ…”
“อะไรนะครับ!”
พอพูดจบซางหยูก็รีบทำความสะอาดเศษฝุ่นออกจากบาดแผล และพันผ้าพันแผลให้จนเสร็จเรียบร้อย
“ช่วงนี้ห้ามซุกซนนะ” ซางหยูสั่งห้าม
หวางห้าวหนานพยักหน้ารับ
ซางหยูถือกล่องยาเดินกลับมา จึงเห็นหวางเหวิ่นยืนรออยู่ที่ประตู จึงเอ่ยถาม “คุณเอาเสื้อผ้ามาแล้วเหรอคะ”
หวางเหวิ่นพยักหน้า
“เขาไปอาบน้ำข้างในครับ เราไปนั่งรอข้างนอกก่อนเถอะ”
ซางหยูตอบ “ได้ค่ะ”
ใกล้หน้าต่าง มีต้นไม้ใหญ่อยู่ ลำต้นของมันหนาจนต้องใช้ผู้ใหญ่สองคนกอด มีก้อนหินยาววางอยู่ใต้ต้นไม้สำหรับนั่งพัก ทั้งสองนั่งลงเคียงข้างกัน
หลังจากเสิ่นเผยซวนอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ แล้วเดินออกมา เขาเห็นคนสองคนอยู่นอกหน้าต่าง เขาเดินไปใกล้หน้าต่าง แล้วมองแผ่นหลังของซางหยูกับหวางเหวิ่นนั่งเคียงข้างกันอยู่ คิ้วของเขาขมวดขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกว่าแค่เขาเห็นซางหยูกับเด็กหนุ่มคนนั้นนั่งอยู่ใกล้กัน เขาจะรู้สึกไม่ชอบใจทุกครั้ง
เขาก้าวออกไป และเตรียมจะเรียกชื่อซางหยู แต่เขากลับได้ยินหวางเหวิ่นพูดขึ้นมาซะก่อน…