กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 697 เหยียบเรือสองแคม
จงจิ่งห้าวเตือนเธอประโยคหนึ่งว่า “ในกล่องข้อความของอีเมล์”
หลินซินเหยียนเลื่อนไปอีกหน้าหาตำแหน่งของอีเมล์ กดเข้าไป ถามว่า “อันแรกเหรอคะ”
จงจิ่งห้าวส่งเสียงอืม
ไม่มีหัวข้อ หลินซินเหยียนกดเข้าไป เธอเริ่มอ่าน
เนื้อหามีอยู่ว่าซ่งหย่าซินไปที่แผนกสูตินรีเวช และยังแสดงเวลาและสถานที่ชัดเจน ว่าโรงพยาบาลไหนทำการรักษาเธอ
ตอนแรกเธอก็ไม่ใส่ใจอะไร อ่านต่อไป เป็นประวัติการรักษาที่แนบมาด้วย คนไข้ทุกคนที่โรงพยาบาลต่างก็มีบันทึกไฟลืเอาไว้ ตอนนั้นที่ซ่งหย่าซินไปทำการรักษาก็คือผ่าตัดทำแท้ง
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว “เมื่อก่อนเธอมีลูกกับสามีเก่า แล้วหย่ากันเหรอคะ”
จงจิ่งห้าวให้เธออ่านต่อไป
หลินซินเหยียนยิ่งไม่สบายใจขึ้นเรื่อยๆ เสิ่นเผยซวนไม่ได้บอกว่า ซ่งหย่าซินไม่ได้มีลูกกับสามีเก่าเหรอ สาเหตุที่เลิกกับสามีเก่าก็เพราะเขานอกใจหรอกหรือ
ตอนที่ทำแท้งก็ไม่นานมาก เมื่อสองเดือนกว่าก่อนหน้านี้
เธออ่านต่อไป หลินซินเหยียนเริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว
เธอเบิกตาโพลง ด้านล่างคือหลักฐานที่ซ่งหย่าซินนอกใจ บันทึกการเข้าออกโรงแรมของเธอและชู้รัก ซ่งหย่าซินนอกใจในขณะที่ยังแต่งงาน
ไม่ใช่สามีเก่านอกใจเหรอ
เธอเงยหน้ามองจงจิ่งห้าว “นี่เป็นเรื่องจริงเหรอคะ”
“เป็นความจริง กวนจิ้งไปสืบมาด้วยตัวเอง ตอนนี้สิ่งเดียวที่ไม่เข้าใจคือ เธอปล่อยให้สามีเก่ารับผิดในสิ่งที่ไม่ได้ทำได้อย่างไร แม้แต่พ่อแม่ของเธอยังถูกปิดบังเอาไว้”
หลินซินเหยียนเรียกว่าตกใจจนอึ้งไปเลย เดิมก็ไม่ได้ชอบซ่งหย่าซินอยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะโกหกปิดบังคนอื่นเรื่องแบบนี้ได้
นี่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนดี
นี่ไม่ใช่หลอกลวงเสิ่นเผยซวนหรอกหรือ
หลินซินเหยียนรู้สึกว่าตนเองถูกทำให้หูตาสว่างแล้ว
ทำไมถึงได้ทำเกินไปขนาดนี้ แม้แต่พ่อแม่ตัวเองก็ยังโกหกหลอกลวง
หลินซินเหยียนที่ตื่นตกใจเริ่มเป็นห่วงเสิ่นเผยซวนขึ้นมาแล้ว นี่คือคนที่เขาแนะนำให้พวกเขารู้จัก ทั้งยังยอมรับเป็นแฟนด้วยปากเขาเอง
ถ้าเสิ่นเผยซวนรู้จะมีปฏิกิริยาอย่างไร
เสิ่นเผยซวนจะทำอย่างไร
จงจิ่งห้าวถอนหายใจหนักหน่วง เมื่อรู้ว่านี่เธอเป็นกังวลอีกแล้ว หยิบโทรศัพท์มือถือมา หาภาพถ่ายและข้อความที่ซูจ้านส่งมา ในภาพถ่ายคือตอนที่ซางหยูกำลังทำกับข้าว เสิ่นเผยซวนช่วยเธอ ซูจ้านยืนถ่ายเอาไว้ตอนอยู่ตรงประตู
“คุณลองดู” หลินซินเหยียนรับมาอย่างไม่ลังเล แวบแรกก็มองเห็นภาพถ่ายใบนั้น
ผู้หญิงคนนี้คือใคร
เธออ่านข้อความที่ซูจ้านส่งมา รู้ว่าตอนนี้เสิ่นเผยซวนอยู่กับเด็กผู้หญิงคนนี้ การรับรู้ของหลินซินเหยียนได้รับความกระจ่างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
เธอไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่า เสิ่นเผยซวนจะ ‘เหยียบเรือสองแคม’ ซ่งหย่าซินทางนี้ยังไม่ได้จัดการ ทางนั้นกลับมีเด็กผู้หญิงมาอีกคนแล้ว
อ่านข้อความที่ซูจ้านส่งมาเรียบร้อยแล้ว หลินซินเหยียนพอจะรู้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรบ้าง คนที่เสิ่นเผยซวนชอบก็คือเด็กผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยตอนนี้
การที่ไม่กลับมา ทั้งยังโกหกซ่งหย่าซินก็เพราะอยากให้ซ่งหย่าซินเป็นคนปล่อยมือเอง
หลินซินเหยียนเอาโทรศัพท์มือถือคืนให้จงจิ่งห้าว “ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า เสิ่นเผยซวนจะมีเล่ห์เหลี่ยมมากมายขนาดนี้”
ครั้งก่อนก็ได้ยินชื่อซางหยูแบบนี้จากปากของซูจ้าน ตอนนี้ถือว่าได้เห็นตัวจริงแล้ว
“ฉันคิดว่าเผยซวนทำแบบนี้ไม่ถูก นี่ไม่ใช่ว่าทำให้คนอื่นเขาเสียเวลาเปล่าหรือ เขาควรจะกลับมาพูดกับซ่งหย่าซินให้กระจ่าง”
ถ้ารอถึงสองเดือน ซ่งหย่าซินไม่ยอมปล่อย เสิ่นเผยซวนจะทำอย่างไร
จะอธิบายกับคนอื่นเขายังไง
ในเมื่อตัวเขาเองเป็นคนเริ่มรับปากก่อน
“คุณณคิดว่าเขาอยากให้มันเป็นแบบนี้เหรอ ด้วยนิสัยของเขาน่าจะกลับมาจัดการตั้งนานแล้ว เป็นไปได้มากว่าซูจ้านเป็นคนวางแผนให้เขา” จงจิ่งห้าวรู้จักนิสัยนิสัยของพวกเขาสองคนดี
หลินซินเหยียนเองก็คิดเช่นนี้ ต้องเป็นความคิดของซูจ้านแน่นอน ด้วยนิสัยที่ตรงไปตรงมาอย่างนั้นของเสิ่นเผยซวน จะต้องรีบกลับมาพูดกับซ่งหย่าซินให้รู้เรื่อง
“เรื่องที่คุณสืบมาจะบอกเผยซวนหรือเปล่า” หลินซินเหยียนถาม
เธอคิดว่าน่าจะให้เสิ่นเผยซวนได้รู้ และก็เป็นผลดีต่อการที่เขาจะจบความสัมพันธ์กับซ่งหย่าซิน
จงจิ่งห้าวพยักหน้า “ผมจะบอกเขา ส่วนเขาจะจัดการยังไง ก็เป็นการตัดสินใจของเขาเอง”
หลินซินเหยียนพยักหน้า คิดว่าแบบนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว
จงจิ่งห้าวดื่มน้ำแกงชามนั้นจนหมด หลินซินเหยียนถามว่า “เอาอีกมั้ยคะ”
เขาส่ายหน้า “พอแล้ว”
หลินซินเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถามว่า “คุณชอบเก็บสะสมไวน์เหรอ”
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว นี่กำลังถามอะไรอยู่
หลินซินเหยียนแบะปาก ให้เขาดูตู้เก็บไวน์ “ไวน์เยอะขนาดนั้น เอาเก็บสะสมโดยเฉพาะเหรอ”
“ไม่ใช่ ส่วนใหญ่มีคนให้มา ทำไมเหรอ” จงจิ่งห้าวถูกเธอถามจนรู้สึกผิดปกติ ไวน์พวกนั้นวางไว้ตรงนั้นมาตลอด เธอไม่เคยถามมาก่อน วันนี้เกิดอะไรขึ้น
หลินซินเหยียนยิ้ม “ ไม่มีอะไรค่ะ แค่จู่ๆก็อยากรู้ ฉันไปข้างบนก่อนนะคะ”
เธอวางตะเกียบลงแล้วลุกขึ้น
ตอนนี้จงจิ่งห้าวนอนกับเธอ เธอจะไปอาบน้ำก่อน รออีกเดี๋ยวลูกสาวอาบเสร็จแล้ว ก็สามารถนอนกอดเธอได้
หลินซินเหยียนอาบน้ำเสร็จสวมชุดนอนตัวโคร่ง กึ่งนอนอยู่บนเตียง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา บางครั้งเธอก็จะพูดคุยกับฉินยาสักพักหนึ่ง ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับในร้าน
ตอนนี้มีเพียงฉินยาเป็นคนดูแลจัดการ และยังก้าวหน้าไปไม่เลวทีเดียว เธอรับสมัครดีไซน์เนอร์อีกสองสามคน ภายใต้ความช่วยเหลือของช่าวหยุน หาช่างตัดเย็บและปักเสื้อผ้าที่ฝีมือดีมาได้หลายคน
การออกแบบ เป็นที่ต้องการอย่างสูงในฝีมือของช่างตัดเย็บเสื้อผ้า ช่างตัดเสื้อธรรมดาไม่สามารถออกแบบพิเศษบางอย่างได้
เธอส่งข้อความไปหาฉินยา แต่ไม่มีคนตอบกลับ
เธอคิดว่า ฉินยาอาจจะกำลังยุ่ง จึงทิ้งโทรศัพท์ไว้ เตรียมตัวนอนลง จงจิ่งห้าวก็อุ้มลูกสาวเข้ามา จงเหยียนซีอาบน้ำแล้ว บนตัวสวมชุดนอนผ้าไหมสีชมพูเสื้อแขนสั้นกางเกงขาสั้น จงจิ่งห้าววางเธอลงบนเตียง เธอคลานเข้าไปในอ้อมกอดของหลินซินเหยียนทันที จงจิ่งห้าวยืนมองลูกสาวอยู่ข้างเตียง ในใตก็คิดว่าเมื่อไหร่เธอจะหายดี
เกาะติดคนอยู่แบบนี้ ทำให้แทบไม่มีเวลาหายใจหายคอเลย
หลินซินเหยียนมองเขา “ยืนอยู่ทำไม ไม่ไปอาบน้ำเหรอคะ”
จงจิ่งห้าวปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตด้วยมือข้างเดียว พูดว่า “พรุ่งนี้ผมจะพาเธอไปบริษัท”
แบบนี้หลินซินเหยียนจะได้พักผ่อน
ตอนที่เขาไม่อยู่บ้าน หลินซินเหยียนก็อุ้มอยู่คนเดียว
เขามองแล้วก็ตกใจ จงเหยียนซีไม่นานก็จะขึ้นประถมหนึ่งแล้ว ตัวสูงขึ้นไม่น้อย และยังอ้วนด้วย อุ้มจนเหนื่อยเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายเธอในตอนนี้
เขาพาไปที่บริษัทจะดีกว่า
หลินซินเหยียนหมดคำพูด “คุณพาลูกไปทำไมคะ”
จงจิ่งห้าวพูดว่า “ให้เธอไปพบเจอผู้คนเยอะๆ เป็นผลดีในการฟื้นตัวของเธอ”
จงเหยียนซีมองจงจิ่งห้าวตาปริบๆ หันหน้าเข้าไปซุกในอ้อมอกของหลินซินเหยียน ราวกับว่าใช้วิธีนี้ในการต่อต้านการกระทำของเขา
จงจิ่งห้าวแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น หมุนตัวเดินไปห้องน้ำ
หลินซินเหยียนนอนลง โอบลูกสาวเข้ามาในอ้อมอก ตบหลังเธอเบาๆ“ง่วงนอนมั้ยลูก”
จงเหยียนซีส่ายหน้า
หลินซินเหยียนเอาหนังสือนิทานที่วางอยู่บนโต๊ะเล่มนั้นThe pig got up snoring ขึ้นมา “แม่อ่านนิทานให้ฟังนะ”
จงเหยียนซีพยักหน้า
หลินซินเหยียนก้มหน้าจูบที่หน้าผากเธอ เมื่อก่อนลูกสาวซุกซนร่าเริงขนาดนั้น ตอนนี้กลับกลายเป็นนิ่งเงียบแบบนี้ เธอกังวลใจมาก
จงจิ่งห้าวอาบน้ำเสร็จออกมา จงเหยียนซียังไม่หลับ หลินซินเหยียนขยับไปด้านใน หลีกทางให้เขา เขาเดินมานั่งข้างเตียง ยื่นมือมาหยิบหนังสือในมือหลินซินเหยียน “ผมอ่านให้ลูกเอง”
หลินซินเหยียนก็เริ่มจะง่วงแล้ว จึงพยักหน้า จงจิ่งห้าวอุ้มลูกสาวมา ตนเองโอบเธอไว้ ความจริงเขาได้ยินว่าหลิยซินเหยียนอ่านมาถึงตรงไหนแล้ว แต่จงใจถามลูกสาวว่า “หม่ามี๊ของลูกอ่านถึงตรงไหนแล้ว”
จงเหยียนซีชี้ไปบรรทัดที่หลินซินเหยียนอ่านนั้น
จงจิ่งห้าวพูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เสี่ยวลุ่ยบอกพ่อหน่อยว่าอ่านถึงไหนแล้ว พ่ออยากได้ยินลูกพูด”
จงเหยียนซีซุกเข้าไปในอ้อมกอดเขา ไม่ยอมพูด
จงจิ่งห้าวลูบศีรษะเธอ ถอนหายใจ อ่านนิทานให้เธอฟังต่อ
รอจนจงเหยียนซีฟังนิทานจนหลับ ก็ผ่านไปสองชั่วโมงแล้ว จงจิ่งห้าววางหนังสือลง ปิดไฟหัวเตียง
ในยามค่ำคืน เขานอนหลับสะลึมสะลือก็ได้ยินเสียงหลินซินเหยียน
“โอ้ย~เจ็บจัง……”