กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 732 หรือใช้วิธีอุ้มบุญ
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินยาก็ไปที่โรงพยาบาล แถมยังซื้อกระเช้าผลไม้ไปด้วย การไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมผู้อาวุโสนั้น ไปมือเปล่ามันก็คงไม่ดีเท่าไหร่
ต้องมีมารยาทอย่างเพียบพร้อม
ท่านย่านอนไม่ค่อยจะหลับตลอดทั้งคืน คือยังคงครุ่นคิดอยู่เช่นนั้น จะพูดได้ยังไงว่าคิดได้แล้วก็ตามนั้นไปเลย
การที่เห็นด้วยก็เป็นเพราะว่าเธอรู้สึกว่าฉินยาบาดเจ็บก็เป็นเพราะว่าพวกเขา จึงจำใจต้องตกปากรับคำ อีกอย่าง ก็รู้สึกว่าไม่สามารถท้องได้ มันก็มีวิธีที่จะรักษาได้
สิ่งที่มองข้ามไปอย่างสิ้นเชิงคือ หลังจากที่เธอศัลยกรรมทำหน้ายกเครื่องมาทั้งหมดแล้วจนมองเบ้าหน้าเดิมไม่ออก เป็นคุณหมอฝีมือที่ล้ำเลิศมากถึงมาได้ถึงขั้นนี้แล้ว ยังรู้สึกว่าเธอไม่สามารถมีลูกได้ก็เป็นเพราะว่าไปเจอกับหมอฝีมือไม่ถึงขั้นต่างหาก
การที่เธอให้ฉินยามาโรงพยาบาล ก็คือกำลังคิดให้เธอมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล
มีลูกไม่ได้ก็รักษาได้?
เพราะว่าตอนนี้พัฒนาทางการแพทย์ไปไกลมากขนาดนั้น เธอคิดว่าอย่างไรก็ต้องมีลูกได้แน่
ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ลองทำเด็กหลอดแก้วดูเธอก็ยังรับได้ ขอแค่ซูจ้านมีลูกก็พอแล้ว
ฉินยาเคาะประตู ซูจ้านเป็นคนเปิด เมื่อเห็นเธอแล้ว จึงรีบรับของที่อยู่ในมือทันที พลางเอ่ยถามเสียงอ่อนเสียงหวาน “กินข้าวกันมาหรือยังเนี่ย?”
ฉินยาตอบ “กินกันมาแล้วค่ะ”
ซูจ้านเดินนำหน้ามาก่อนเธอ “รีบเข้ามาเร็ว”
“เสี่ยวยา มานั่งข้างย่าเร็ว” ท่านย่ากวักมือมาทางเธอ
ฉินยาเดินเข้ามา การที่ท่านย่ายอมรับตนเองแล้ว เธอเองก็แปลกใจมากเช่นเดียวกัน จนในใจยังรู้สึกซาบซึ้งอยู่บ้าง ด้วยเพราะว่าเธอรู้ดีว่าท่านย่านั้นต้องการที่อยากจะมีเหลนมาก
“คุณย่าคะ”
“ว่าไง?” ท่านย่าดึงมือของเธอเอาไว้และเริ่มบ่น “หนูผอมไปเยอะแล้วนะ คงลำบากไม่ใช่น้อยใช่ไหม?”
ฉินยาหลุบตาต่ำ และตอบกลับ “มันผ่านไปแล้วค่ะ”
ท่านย่าลูบมือของเธอเอาไว้ และพูดว่า “อย่ากลัวเลย ต่อไปมีฉันอยู่ทั้งคน”
ก๊อก ก๊อก —
เวลานั้นเองก็มีคนเคาะประตู ซูจ้านออกไปเปิดประตู เพราะปกติเช้าตรู่แบบนี้จะมีคุณหมอเข้ามาตรวจอาการ
หลังจากที่เปิดประตูห้องแล้วก็พบว่าไม่ใช่คนหมอที่คอยตรวจเช็กท่านย่าอยู่เป็นประจำคนนั้น
ซูข้านถามกลับ “ท่านคือ…”
“ผมคือคุณหมอเฉิน….”
“สวัสดีคุณหมอเฉิน เชิญท่านเข้ามา” ท่านย่าพูดและมองมาทางประตู
ซูจ้านหันกลับไปมองทางท่านย่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เขายังไม่ได้เปลี่ยนหมอนี่ คุณหมอที่เป็นคนเข้ามาตรวจอาการของท่านย่าเป็นคนที่น่าเกรงขามมาก แถมมากด้วยความสามารถ
ไม่จำเป็นที่ต้องเปลี่ยนคุณหมอเลยด้วยซ้ำ
“คุณหมอเฉินท่านนี้ เป็นหมอเฉพาะทางของการมีบุตรยากโดยตรง ฉันเป็นคนเชิญเขามาเพื่อจะได้ดูอาการให้กับเสี่ยวยา ใช่ว่าพวกเราไม่มีเงิน ต้องสามารถช่วยรักษาอาการป่วยของเสี่ยวยาได้อย่างแน่นอน” ท่านย่ารู้สึกว่าตนเองนั้นทำเพื่อซูจ้านกับฉินยา
วินาทีนั้นฉินยาราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่หน้า มันซึมไปตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า
เธอดึงมือออกมา ลำคอแห้งผากไม่กล้าส่งเสียงใดๆออกมา
สีหน้าของซูจ้านก็ย่ำแย่ในชั่วขณะนั้นทันที พลางพูดกับคุณหมอเสียงแข็ง “ผมไม่ต้องการ ขอบคุณมาก รบกวนคุณช่วยออกไปเถอะ”
“จะไม่ตรวจได้ยังไง ใช่ว่าเสี่ยวยาจะมีลูกไม่ได้ที่ไหนล่ะ? คุณหมอเฉินเป็นหมอที่จบมาจากต่างประเทศ ฝีมือการรักษาก็ยอดเยี่ยม ไม่แน่การที่เสี่ยวยาไม่ท้องนั้น เขาก็สามารถรักษาจนหายได้” ท่านย่ารีบพูดทันควัน “ฉันทำเพื่อพวกเธอทั้งสองคน แกไม่อยากมีลูกไปตลอดทั้งชีวิตใช่ไหม?”
“ผมบอกแล้วนะ ว่าผมไม่อยากจะมีลูก….”
“แกอย่าเพิ่งตีตัวไปก่อนไข้ ถ้าเกิดไม่ท้องขึ้นมาจริงๆ ฉันช่วยพวกแกไว้ได้ เทคนิคการทำเด็กหลอดแก้วในปัจจุบันถือว่าเป็นเรื่องที่ล้ำเลิศมาก…”
ฉินยาลุกขึ้นยืน เธอจ้องมองคุณหมอที่ยังหนุ่มยังแน่นคนนั้นด้วยสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ “ถ้าไม่มีมดลูก จะทำเด็กหลอดแก้วได้ไหม?”
“เอ่อ คือไม่ได้” เด็กหลอดแก้ว เป็นสถานที่เพาะเลี้ยงจนมีอายุ ประเด็นหลักคือการต้องเจริญเติบโตในมดลูกในร่างกายของมารดา การที่ไม่มีมดลูก ก็ไม่สามารถตั้งท้องได้
นอกจากการเอาเชื้อไปฝากท้องคนอื่นหรืออุ้มบุญ คือการไปเติบโตในมดลูกของคนอื่น
“ดังนั้นคุณไม่สามารถรักษาได้” ฉินยาลุกขึ้นจนร่างกายโซเซ ทุกครั้งที่เอ่ยเรื่องนี้ออกมา ก็เหมือนมีมีดมาทิ่มแทง เจ็บปวดรวดร้าวเพิ่มขึ้น
เธอพยายามบังคับใบหน้าเล็กๆของตนเอง ให้หันหน้ากลับไปหาท่านย่า “คุณย่าคะหนูขอตัวกลับก่อน หนูเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าหนูยังมีเรื่องที่ต้องทำ”
พูดจบก็เดินจ้ำอ้าวมุ่งหน้าไปยังประตูทันที ซูจ้านก็รีบตามในเวลานั้นเลย เมื่อคว้ามือของเธอเอาไว้ “เสี่ยวยา….”
ฉินยาสะบัดมือของเขาออกอย่างแรง จากนั้น เธอก็รู้สึกว่าตนเองทำเกินเหตุไปหน่อย ไม่ควรจะโมโหอีกคนแล้วเอามาลงที่คนอื่น ทว่าทุกข์อยู่ในใจ การที่ต้องมาถูกเปิดเผยข้อด้อยต่อหน้าคนอื่น จนทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นช่าง “ทุเรศ” เพราะว่ามันน่าเกลียดกับการที่บางอย่างขาดหายไปมันจึงส่งผลให้ไม่สมบูรณ์แบบ
เธอปรับอารมณ์กลับมาได้อย่างรวดเร็ว “ซูจ้าน ฉันเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากอารอง เขาบอกว่า ทางนั้นมีเรื่องด่วน ฉันต้องกลับแล้ว คุณดูแลคุณย่าให้ดีๆนะ”
พูดจบเธอก็เดินจ้ำอ้าวออกไปทันที
ซูจ้านไม่วางใจ พลันรีบตามทันที “เสี่ยวยาคุณฟังผมอธิบายก่อน ผมไม่รู้ว่าท่านย่าเรียกคุณหมอมา คุณอย่าได้ไปถือสาเลย….”
“ฉันไม่ถือสา เพราะว่าร่างกายของฉันมันมีข้อบกพร่อง ฉันมีอะไรที่สามารถโกรธได้ด้วยเหรอ?”
เธอใช้แววตาอันแหลมคมจ้องมองมายังซูจ้าน “การที่ต้องมาถูกเปิดเผยข้อบกพร่องต่อหน้าคนอื่น มันทำให้ฉันเองก็ทุกข์ใจไปด้วย คุณเข้าใจในความรู้สึกของฉันไหม?”
ซูจ้านพูดต่อ “ผมรู้ ผมไม่บอกกับคุณย่าว่าคุณเป็นฉินยามาโดยตลอด ก็เพราะว่ากลัวว่าคุณย่าจะเอ่ยเรื่องลูกต่อหน้าคุณ จนสร้างแรงกดดันให้กับคุณ ขอโทษด้วย ผมเองที่ไม่ได้จัดการให้ดีซะก่อน”
ฉินยาสูดจมูก “คุณกลับไปเถอะ ฉันต้องกลับจริงๆแล้ว”
เธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ “ไม่ได้จัดการให้จบสิ้น หรือไม่สามารถจัดการได้ ก็โทรศัพท์มาบอกกับฉันแล้วกัน ฉันต้องการความสงบ ไม่ต้องมาหาฉันสักระยะ”
“ขอโทษ…”
เมื่อเห็นว่าเธอเองก็ทุกข์ใจเช่นกัน ซูจ้านเองก็ทุกข์ใจมาก
ฉินยาเม้มริมฝีปากเอาไว้ จากนั้นก็หันตัวเดินเข้าสู่โรงพยาบาลทันที
ซูจ้านใช้แรงในการนวดหน้า เพราะรู้สึกว่าเหมือนตลกจากสวรรค์ชั้นฟ้าเข้าสู่หุบเหวขุมนรกเช่นนั้น
เมื่อวานเขายังโหยหากับสิ่งสวยงามตั้งมากมาย
ในใจนั้นก็เริ่มตั้งใจว่าจะขอฉินยาแต่งงานให้โรแมนติกได้ยังไงดี
พอมาวันนี้….
เขาหันหลังเดินกลับเข้าห้องพักผู้ป่วย ก็ได้ยินท่านย่ากำลังพูดคุยกับคุณหมอท่านนั้นอยู่
ท่านย่าเองก็ตกตะลึงกับอากัปกิริยาตอบกลับของฉินยาเช่นกัน ในใจย่อมเข้าใจดี ทว่าเหมือนว่าจะไม่เข้าใจ โดยส่วนใหญ่คือการไม่ยอมเชื่อ ในสิ่งที่ฉินยาพูดออกมาทั้งหมด ในใจก็ยังฝากความหวัง มีความหวัง จนคุณหมอพูดถึงคำตอบอันเป็นที่น่าพอใจสำหรับตนเอง เมื่อครู่แค่เธอฟังผิดไปแล้ว “ไม่ ไม่มีมดลูกหมายความว่ายังไง?”