กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 733 มีสีสัน
ทางคุณหมอเองคิดว่าท่านย่าไม่เข้าใจจริงๆ จึงได้ตอบไปตรงๆ “ไม่มีมดลูก หมายความว่าเธอไม่สามารถให้กำเนิดชีวิตได้ มีลูกไม่ได้”
เปลือกตาของท่านย่าสั่นเล็กน้อย วินาทีถึงได้เข้าใจแล้ว ว่าทำไมซูจ้านถึงได้แน่วแน่มาตลอด ว่าเขาไม่ต้องการจะมีลูก อีกทั้งยังมีทัศนคติอันหนักแน่น ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าฉินยาไม่สามารถมีลูกได้
ไม่มีมดลูก ก็ไม่สามารถรักษาอาการให้หายขาดได้ นั่นก็หมายถึงว่าชั่วชีวิตนี้ฉินยาไม่สามารถมีลูกได้ไปชั่วชีวิต ไม่สามารถเป็นแม่คนได้
“ท่านพักผ่อนร่างกายเถอะ ผมขอตัวก่อน” คุณหมอหันตัวเดินออกไปจากห้อง
ท่านย่าตั้งสติกลับมาได้เอ่ยว่า “ขอบใจนะ”
คุณหมอยิ้มตอบ “ผมก็ไม่ได้ช่วยอะไรนะ”
ท่านย่ามองประตูที่ถูกปิดลงอย่างไร้สติ เรื่องนี้มันเป็นสิ่งที่เธอไม่สามารถรับได้
ไม่มีลูก?
งั้นก็หมายความว่าตระกูลซูจะหมดทายาทแล้วเหรอ?
จนร่างกายเธอแข็งทื่อ
ซูจ้านกลับมาแล้ว จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง พลางใช้ข้อศอกตั้งฉากกับหัวเข่า พร้อมทั้งก้มโค้งหลัง ไม่พูดจาอะไรสักคำออกมาเลย
ท่านย่าเองก็เคร่งขรึมตามไปด้วย
ราวกับต้องใช้เวลาเพื่อที่จะขับไล่ข่าวเครื่องนี้ออกไป
เมือง C
ฉินยาขึ้นเครื่องบินที่บินในเวลาเช้าที่สุดของในวันนั้นเพื่อไปจากเมือง B ช่วงบ่ายโมงกว่าก็เดินทางมาถึงเมือง C ช่าวหยุนเป็นคนมารับเธอ
เธอใบหน้าซีดเผือด ไม่มีสีเลือดสักเท่าไหร่ ช่าวหยุนเดินก้าวเท้าเข้ามา เธอไม่ได้เอาสัมภาระอะไรมามากมาย มีแค่กระเป๋าเป้สะพายมาใบเดียว ช่าวหยุนยื่นมือออกมา “อาช่วยคุณถือเอง”
ฉินยาเงยหน้ามองเขา “อารอง”
ช่าวหยุนถึงกลับถึงอย่างเป็นห่วง “ร่างกายไม่ค่อยสบายเหรอ? ทำไมดูสีหน้าของคุณไม่ค่อยดีล่ะ”
ฉินยาส่ายหน้า “ไม่ใช่ร่างกายไม่สบายหรอก แต่เป็นที่หัวใจไม่สบายต่างหาก”
ช่าวหยุนยิ้มและพูด “ไป เดี๋ยวอารองพาคุณไปผ่อนคลายเอง”
ซ่าวหยุนยังคงเป็นคนมีอายุที่นิสัยเป็นเด็กอยู่ นิสัยมองโลกในแง่ดี คำพูดคำจามักจะไปเรื่อยเปื่อยอยู่บ้างจำพวกนั้น
ฉินยาเองไม่อยากไป แค่อยากจะอยู่คนเดียว
ช่าวหยุนดึงเธอออกมาจากสนามบิน “เวลาอึดอัดใจ การที่อยู่คนเดียวยิ่งทำให้อึดอัดหนักกว่าเดิม ไปกับฉัน ฉันรับรองเลยว่าคุณจะสบายใจ”
เมื่อออกมาจากสนามบินนั้น เขาก็จูงฉินยาเดินมายังด้านข้างรถที่อยู่จอดอยู่ริมถนน เขาเปิดประตูหลังรถเพื่อเอากระเป๋าวางไว้เบาะด้านหลัง จากนั้นก็เปิดประตูตำแหน่งข้างคนขับรถ จากนั้นก็ยัดฉินยาเขาไปด้านใน
เขานั่งลงตรงตำแหน่งคนขับรถ และสตาร์ทรถและขับออกไป
ฉินยาถามกลับ “คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย?”
“ถึงแล้วเดี๋ยวคุณก็รู้เอง” ช่าวหยุนจงใจสร้างแรงจูงใจออกมาทันที
ฉินยาหันหน้ามามองเขา เขามักจะยิ้มเฮฮาอยู่ตลอดเวลา เหมือนว่าไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอะไรแบบนั้น
การที่ได้อยู่กับเขา ฉินยารู้สึกว่าผ่อนคลายลง จากนั้นก็ใช้คำสั่งแกมพูดหยอกล้อ “ฉันไม่สบายใจ วันนี้อาต้องรับผิดชอบทำให้ฉันมีความสุขให้ได้นะ”
“มีสิทธิ์อะไรเนี่ย?”
“สิทธิ์ ก็สิทธิ์ที่ฉันเรียกว่าอารองไง”
ช่าวหยุนยิ้มให้ “คุณนี่นะ มาพูดจิกกัดฉันเถียงคำไม่ตกฟาก พูดมา ซูจ้านไอ้หมอนั่นใช่ไหมที่ยั่วโมโหคุณมาเนี่ย?”
“อารอง ไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นอาก็ไม่ต้องเป็นคนเปิดเรื่องออกมาเองได้ไหม?” ฉินยาพอคิดถึงซูจ้านกับท่านยา อารมณ์ของเธอเริ่มเคร่งขรึมลงลงถนัดตา
“ฮ่าๆ” ช่าวหยุนหัวเราะออกมา “รอวันที่คุณเจอกับเขา ฉันจะจัดการจับตัวเขาเอาไว้และสั่งสอนมันสักยก เพื่อออกหน้าให้คุณเอง”
“คุณพูดเองนะ ฉันจำไว้แล้ว”
“ฉันเป็นคนพูดแล้วต้องทำตามที่พูด กลัวว่าถึงตอนนี้คุณจะมานั่งปวดใจนะสิ”
“ฉันไม่ปวดใจหรอกน่า” ฉินยาจงใจทำเป็นโหดร้าย “ทำร้ายเขาจนพิการเลยยิ่งดี”
ช่าวหยุนยิ้มให้ “คุณนี่นะปากพล่อยเกิน ถ้าฉันต่อยเขาจริง ๆขึ้นมา คุณก็ปวดใจจนมานั่งร้องไห้ฟูมฟายเอา”
สักพักรถก็มาจอดอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า
ฉินยากะพริบตาปริบๆ พลางไม่ค่อยอยากจะเชื่อ “ที่นี่คือสถานที่ที่อาให้ฉันมาปลดปล่อยให้สบายใจเหรอคะ?”
ช่าวหยุนยักไล่ขึ้น “ฉันจะพาคุณไปดูถิ่นของฉัน ฉันกลัวว่าคุณจะสนุกจะจุกเลย”
ฉินยาเบะปากให้ “ดูเหมือนว่าถิ่นของอา มันดูเลยเถิดมากเลยนะ”
“อะไรเรียกว่าเลยเถิด พูดจาซะไม่น่าฟังขนาดนั้นเลย ชีวิตของคนโสด ก็คือ ‘มีสีสัน’ เท่านั้นเอง แกสนใจเข้าร่วมไหมล่ะ?” ช่าวหยุนใช้มือข้างหนึ่งเคาะกับพวงมาลัย พร้อมทั้งแสดงท่าทางไม่สนใจอะไร
ฉินยาเปิดประตูรถและลงจากรถ “มีสีสัน น่าจะเป็นในฉบับของอาเองแหละ มาเดินช็อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า อารอง คุณจ่ายให้หมดไหมล่ะ?”
“ฉันจ่ายให้เอง ไป”
ช่าวหยุนทำท่าเป็นเจ้าพ่อ พลางยื่นแขนออกไป “มาคล้องอาไว้ อย่าได้วิ่งหนีไปไหนนะ”
ฉินยาโมโหจนหัวเราะออกมา “คุณนั่นแหละที่จะวิ่งหนีไปเอง”
ทั้งสองคนหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างครื้นเครง ช่าวหยุนพาเธอเข้าไปในโซนเครื่องเล่นที่อยู่ชั้นใต้ดิน ฉินยาถามกลับ “พวกเราไม่ได้มาซื้อของกันหรอกเหรอ?”
ช่าวหยุนโบกมือปฏิเสธ “พวกสาวๆของพวกเธอก็รู้แค่ว่าซื้อของกันไป พอจะมีการพัฒนาทางความคิดบ้างไหมล่ะ?”
ฉินยาเบะปากให้ “มิน่าล่ะอาถึงไม่มีแฟน เพราะว่าสาวๆเขาชอบซื้อของนะสิ”
“ผู้หญิงที่ชอบฉันยืนเข้าแถวกันยาวเหยียด แค่ฉันไม่ยอมไปขอเท่านั้นแหละ คุณเชื่อฉันไหม แค่ฉันกวักมือปุ๊บ หน้าประตูบ้านฉันนี่ถึงกับหัวกระไดไม่แห้งเลย?”
“คุณก็คุยโม้ไปเรื่อย”
“ทำไมคุณไม่ค่อยจะเชื่อ เดี๋ยววันอื่น ฉันจะพาคุณไปเปิดหูเปิดตา”
เมื่อเดินเข้าไปโซนเครื่องเล่น เสียงเครื่องเล่นดังอึกทึก ขนาดผู้ใหญ่รวมถึงเด็กก็มีทั้งหมด แถมด้านในยังสนุกสนานกันมาก
ช่าวหยุนจัดการแลกเงินที่เครื่องแลกที่อยู่ด้านหน้าทันที พลางใช้วีแชทกะพริบสแกนจ่ายเงิน โดยใช้เงิน300หยวนแลกกับเหรียญไว้ใช้เล่นเกม เสียงดังขลุกขลักอยู่สักพัก เหรียญที่ไว้ใช่เล่นเกม300กว่าเหรียญก็ออกมา เขายื่นมือเข้าไปเพื่อเอาถุงไปวาง เผลอแวบเดียว ถุงทั้งสองถุงก็หล่นลงมา เหรียญเล่นเกมกับเงินหยวนก็ดูคล้ายๆกัน เป็นเหล็ก ฉะนั้นเงิน300กว่าหยวนนั้นมันถือว่าหนักมาก
เขายิ้มร่าและพูดออกมา “ไป ผมจะพาคุณไปตีตัวตุ่น”
ฉินยา “…”
นั้นมีไว้ให้เด็กเล่นนะ ปัญญาอ่อนมากไหมเนี่ย?
“ฉันจะเชื่อคุณได้ยังไงเนี่ย? อารอง คุณดูเป็นผู้เป็นคนหน่อยได้ไหม?”
ฉินยาไม่ได้ขยับ แต่ช่าวหยุนนั้นดึงเธอเดินไป หลังจากที่หยอดเงิน2เหรียญเข้าไปในเครื่องตีตัวตุ่นแล้ว จากนั้นก็ยัดค้อนใส่ในมือของเธอ “ถือว่าตัวตุ่นพวกนี้ ก็เหมือนกับซูจ้าน ตีแรงๆไปเลย”
ฉินยาเงยหน้ามองหน้าเขา
“ทำไม่ลงคอแล้วเหรอ?” ช่าวหยุนยิ้มให้
ฉินย่าส่งเสียงฟืดฟาดออกมา “ทำไม่ลงคออะไร? เชอะ ดูฉันนะ”
ไม่นานนักเกมก็เริ่มขึ้น สองมือของฉินยาจับค้อนเอาไว้แน่น พลางใช้แรงตีตัวตุ่นที่ผุดขึ้นมา
ส่วนช่าวหยุนนั้นก็ให้กำลังใจอยู่อีกฝั่ง “สู้ๆ!”
หลังจากผ่านไปแล้วหนึ่งรอบ ฉินยายังไม่ได้ดั่งใจ พลางพูดกับช่าวหยุน “อารอง ช่วยใส่อีกสองเหรียญให้ฉันทันที ฉันอยากจะเล่นอีกรอบ”
เธอพบว่าตอนที่สมาธิใจจดใจจ่อ เพื่อคอยสังเกตเจ้าตัวตุ่นที่มันโผล่ออกมา ก็จะลืมความเครียดทุกอย่างไปอย่างหมดสิ้น ตอนที่ทุบลงไปนั้นก็รู้สึกปลอดโปร่ง
“โอเค” ช่าวหยุนใส่เหรียญลงไปสองเหรียญ
หลังจากเล่นตีตัวตุ่นไปอีกรอบเสร็จแล้ว พวกเขาก็เล่นตีปุ่ม คีบตุ๊กตา ขับรถบั๊ม ตีสัตว์ประหลาด….
จนเกือบเล่นเกมในโซนนั้นทุกเกมจนครบ เล่นจนเหนื่อยแล้ว พวกเขาก็ไปนั่งดื่มชานมที่อยู่ร้านชานมที่อยู่ข้างๆ ช่าวหยุนเอาแก้วชานมที่ดื่มหมดแล้วทิ้งลงไปในถังขยะ “พวกเราควรกลับกันได้แล้ว”
เขาพาฉินยาออกมาก็เพื่อมาผ่อนคลาย เพื่อให้เธอได้พักผ่อนผ่อนคลายไปในตัว การที่เรื่องอยู่ใจ มันง่ายมากกับการที่คิดเตลิดไปไกล
หลินซินเหยียนไม่อยู่ด้วย เลยไม่มีใครจะเป็นคนให้คำชี้แนะกับเธอ เขาที่เป็นผู้ชายอายุเยอะแล้วก็ไม่สามารถไปปลอบใจเธอได้ ทำได้แค่ทำเรื่องที่ตัวเองสามารถทำได้อย่างสุดกำลังเท่านั้นเอง
ฉินยานั่งกอดตุ๊กตาหมีที่ตนเองคีบมาได้จากที่คีบตุ๊กตาอยู่ในอ้อมอก อีกมือหนึ่งก็ถือแก้วชานมพร้อมทั้งพยักหน้าไปด้วย
เมื่อเดินออกจากห้างสรรพสินค้าแล้วเข้าไปนั่งในตัวรถแล้ว ช่าวหยุนขับรถออก ใช้เวลาประมาณ20นาทีก็มาส่งเธอถือประตูในหมู่บ้านที่เธอพักอาศัยอยู่
“เวลานั้นเอง มีรถแท็กซี่คันหนึ่งก็จอดอยู่หน้าประตูหมู่บ้านเช่นเดียวกัน