กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 736 อย่าได้หลอกตัวเอง
“ทำไมถึงมาเวลานี้ล่ะ”
เขาเดินเข้ามา จงจิ่งห้าวกับซูจ้านก็เห็นเขาทันที
ซูจ้านอ้าปากถาม
กวนจิ้งตอบกลับ “มาหาประธานจงเพราะว่ามีธุระด้วย ทำไมนายเองก็อยู่ที่นี่เวลานี้ด้วยล่ะ?”
ซูจ้านตอบกลับอย่างซุกซน “มาหาเจ้านายมีธุระ”
กวนจิ้งนั่งลงข้างเขาและถามกลับ “เรื่องอะไร? พูดให้ฟังได้ไหม?”
“หยุดฟังเรื่องของฉันเถอะ” ซูจ้านพูดหมดเปลือกแล้ว เขามาหาหลินซินเหยียน เพื่อถามข่าวคราวเรื่องของฉินยา
ส่วนทางท่านย่านั้นเขาไม่ได้จัดการให้จบเรื่อง ตนเองก็ไม่กล้าไปเจอหน้ากับฉินยา ทำได้แค่ไปถามข่าวคราวของเธอจากปากคนอื่นแทน
ตอนนี้กวนจิ้งเองไม่มีกระจิตกระใจจนไปนินทาเรื่องของคนอื่น เพราะว่าตัวเขาเองก็วุ่นวายพอตัวอยู่แล้ว
“พูดเรื่องของนายมา?” ซูจ้านเองก็ไม่อยากกลับไป กลับไปท่านย่าก็จะพูดกับเขาอีก เพื่อให้เธอยอมปล่อยฉินยาไป ส่วนเรื่องที่ทำร้ายฉินยานั้น ก็แค่ใช้เงินจ่ายชดใช้คืนไป จากนั้นก็พูดพร่ำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรื่องที่ว่าไม่สามารถให้ซูจ้านไม่มีทายาทไม่ได้ ไม่สามารถตายไปแล้วไม่มีหน้าไปเจอกับญาติพี่น้องที่ตายไปแล้วได้
ซูจ้านฟังจนเลี่ยนแล้ว จนเบื่อแล้ว เลยไม่อยากกลับไปมากๆ
ไม่สู้ฟังคำนินทาเรื่องคนอื่นดีกว่า เพื่อระบายความอัดอั้นของตนเอง
บางทีคนอื่นอาจจะมีปัญหาด้วย?
เสิ่นเผยซวนต่างรู้แล้วว่า และก็ไม่สนใจซูจ้านจะรู้เรื่องด้วย กวนจิ้งพูดตรงๆ เลย โดยการเล่าแผนการของกู้หุ้ยหยวนออกมา
“กู้หุ้ยหยวน? พวกนายไปอยู่ด้วยกันตอนไหนเนี่น?” ซูจ้านเหล่มองกวนจิ้งแบบไม่อยากจะเชื่อ
กวนจิ้งเหลือบมองเขา หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย “ไปอยู่ด้วยกันตอนไหน? ฟังขัดหูชะมัด”
“งั้นแกพูดสิว่าทำไมจู่ ๆ ถึงไปอยู่ด้วยกันได้?” ซูจ้านคิดอยู่ในใจ นี่เขาพลาดอะไรหรือเปล่า?
ตอนที่เขาไม่อยู่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
กวนจิ้งกับกู้หุ้ยหยวนเหรอ?
กวนจิ้งมีอาการกระตุกเล็กน้อย ถึงอย่างไรก็ไม่น่าฟังอยู่ดี “ขี้เกียจอธิบายให้แกฟัง”
เขากลับมาที่ประเด็นหลัก “กู้หุ้ยหยวนไม่ได้เสียสติไป ก็แค่เก็บงำความโกรธเคืองนี้เอาไว้ ถึงคิดแผนการแก้แค้นออกมา พวกเราควรจะทำอย่างไรดี?”
ให้เธอหายไปเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ การไม่กลัวขโมยจะมา แต่กลัวว่าขโมยจะแค้นฝังใจมากกว่า เพราะว่าคนที่ต้องทำการทำร้ายคุณทุกชั่วขณะจิตเป็นคนที่มีชีวิตอยู่รอบตัวคุณ เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้คนเราเสียวสันหลังเหงื่อไหลแตกพลั่ก ไม่แน่เวลาไหนที่เธอกระโดดออกมา เพื่อแทงคุณเข้า
ความรู้สึกนี้มันทำให้คนเราช่างน่าเบื่อมาก
ประจวบเหมาะกับร่างกายของหลินซินเหยียนไม่ค่อยสบายในเวลาสำคัญนี้พอดี ระเบิดที่สามารถจุดชนวนได้ตลอดเวลา จำเป็นต้องจัดการแก้ไขปัญหาให้ราบคาบ
จงจิ่งห้าวครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ แต่ก็ไม่ได้บอกความคิดของตนเองออกมาทั้งหมด แต่กลับพูดว่า “พรุ่งนี้ฉันจะไปปรากฏตัวที่โรงแรมจวินรุ่ย แกก็ไปบอกกับเธอว่าแกทำได้สำเร็จแล้ว เพื่อเรียกความสนใจให้เธอมายังห้อง”
หลังจากที่จัดการปัญหากันแล้ว ที่เหลือคือการลงมืออย่างโหดเหี้ยมกลับไปแทน เพื่อให้เธอไม่มีอิสระอีก และจะได้ไม่ทำร้ายคนอื่นต่อ
กวนจิ้งถามกลับอย่างระแวดระวัง “นายคิดจะทำอะไร?”
การที่อยู่ใกล้ชิดกับจงจิ่งห้าวมานาน เขาก็ไม่ใช่พวกหัวรั้น เมื่อฟังน้ำเสียงของเขาแล้วเหมือนว่าการลงมือกับกู้หุ้ยหยวนนั้นดูไม่เบามือเลย
จงจิ่งห้าวเหลือบมองกวนจิ้งแวบหนึ่ง “นายไม่ต้องรู้ รู้แค่ว่าทำตามที่ฉันบอกให้ทำก็พอ”
พูดจบเขาก็เงยหน้าเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ เพราะว่าตอนสามทุ่มหลินซินเหยียนมีการตรวจร่างกาย ตอนนี้สองทุ่มครึ่งแล้ว เขาลุกขึ้นยืน “พวกนายกลับไปกันเถอะ”
“ประธานจง” กวนจิ้งอดใจไม่ไหว เพราะไม่อยากให้กู้หุ้ยหยวนมาทำลายชีวิตของตนเอง
“ให้โอกาสผมสักครั้งได้ไหม?”
จงจิ่งห้าวไม่ได้พูดออกมา ทำได้แค่มองเขาอย่างเงียบงัน แต่ในใจพอเดาออกว่าเขาต้องการพูดอะไรออกมา
เขาไม่เอาแผนการบอกกับกวนจิ้ง ก็เพราะกลัวว่าเขาจะพลิกเกม
เป็นผู้หญิงที่ถือว่าใช้ได้พอตัว การรู้จักกันมานาน แถมยังพฤติกรรมที่สนิทสนมกันมาแล้ว อย่างไรเสียก็ต้องมีความรู้สึกให้กันมันถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ไม่มีอะไรมากไปกว่าความเชื่อมั่น แต่ความรู้สึกของคนเราก็เป็นเช่นนี้ เขาจำเป็นต้องป้องกันเอาไว้
“นายพูดมา”
กวนจิ้งคิดแล้วคิดอีก “ฉันอยากจะพูดเกลี้ยกล่อมเธอ ถ้าเธอยังคงดื้อรั้นต่อไปจริง ๆ ….”
งั้นเขาก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ได้แต่ทำตามที่จงจิ่งห้าวบอกให้ทำ
“เฮ้ย คงไม่ใช่มีความรู้สึกกับผู้หญิงคนนั้นแล้วใช่ไหมเนี่ย?” ซูจ้านพูดออกมาตรงๆ
กวนจิ่งรีบตอบโต้กลับทันที “ฉันเปล่านะ”
ซูจ้านส่งเสียงงึมงำในลำคอ เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ พลันลุกขึ้นยืน เพื่อเตรียมตัวกลับ เมื่อเดินผ่านตัวของกวนจิ้ง ก็กระซิบพูดออกมา “อย่าได้ทำร้ายตัวเองเลย”
กวนจิ้งสบถเล็กน้อย “ฉันเข้าใจตัวฉันเองดีพอ แต่ไม่เหมือนแกนี่….”
“ฉันทำไมเหรอ?” ซูจ้านรู้ว่าเขาหมายถึงเรื่องของตนเองกับหลิวเฟยเฟย เพราะว่าตนเองจัดการได้ไม่ดีพอ จนส่งผลกระทบให้ฉินยาถูกทำร้าย
“แกตื่นเต้นทำไมวะ? ฉันไปเหยียบหางแกหรือยังไง?” กวนจิ้งจงใจขยี้ความเจ็บปวดของเขาทันที
ซูจ้านถลึงตาให้เขา “แกอย่าเพิ่งได้ใจไป ต่อไป ไม่แน่ แกน่าเวทนามากกว่าฉันอีก!”
พูดจบก็หันศีรษะเดินกลับไปทันที
ความจริงแล้วจงจิ่งห้าวก็ไม่อยากยอมตกลงกับกวนจิ้ง แต่ว่าอาศัยที่เขาติดตามตนเองมานานแล้วปี ถึงกลับถอนหายใจทันที
“ฉันไม่หวังให้มันเกิดข้อผิดพลาดขึ้น” แม้ว่าตกลงกันแล้ว แต่ว่าจงจิ้งห้าวก็แสดงทัศนคติของตนเองออกมา
ถ้าไม่สามารถพูดให้ชนะใจเธอได้ งั้นก็ต้องทำตามที่เขาบอกให้ทำ
กวนจิ้งพยักหน้า “ผมรู้แล้ว”
จงจิ่งห้าวส่งเสียงงึมงำ และพูดว่า “นายก็กลับไปได้แล้ว”
กวนจิ้งตอบตกลง “อีกสักพักผมสามารถโทรศัพท์หาคุณได้ไหม?”
จงจิ่งห้าวตอบว่าได้ พอกวนจิ้งเดินไปแล้ว เขาถึงได้เดินเข้าห้องพักผู้ป่วย
แม้จะพูดว่าเป็นห้องพักผู้ป่วย แต่ว่าภายในห้องก็กว้างใหญ่มาก เป็นห้องชุด ด้านนอกมีโซฟา โทรทัศน์ เคาน์เตอร์ชงชา สำหรับแขกที่มาเยี่ยมคนป่วย ก็สามารถต้อนรับได้จากตรงนี้
ทางด้านขวามือมีประตูอยู่ ด้านในมีห้องอยู่ ก็ถือว่ากว้างมาก แถมยังมีกระจกจรดพื้นที่สามารถมองจากทางด้านนอกได้ไหล ผ้าม่านที่เปิดค้างไว้ครึ่งหนึ่ง หลินซินเหยียนกำลังนอนอยู่บนเตียง เส้นผมยาวของเธอมันสะท้อนกับแสงจันทร์ทางด้านนอกช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน ยังมีสองสามเส้นที่ยังเรี่ยไรอยู่บนใบหน้าอันสงบนิ่งของเธอ ราวกับกำลังเป็นม่านบางๆ กันอยู่ ยิ่งทำให้สวยมากกว่าเก่าอีก
เธอหลับตาลงขนตาที่โก่งงอนยาวเป็นแพ เธอยังไม่ได้นอนหลับสนิท เมื่อได้ยินเสียงก็ลืมตาทันที