กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 737 ฉันไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเธอได้
กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม ตอนที่ 737 ฉันไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเธอได้
เธอขยับตัวเพื่อต้องการจะลุกขึ้นนั่ง จงจิ่งห้าวรีบสาวเท้าเดินเข้ามา ประคองเธอ
หลินซินเหยียนนั่งลงตามแรงของเธอ พลางถามขึ้น “ซูจ้านไปหรือยัง?”
จงจิ่งห้าววางที่รองด้านหลังของเธอและพูดว่า “ไปแล้ว ไม่นอนพักอีกสักหน่อยเหรอ?”
หลินซินเหยียนรู้สึกไม่ค่อยจะมีแรง “อีกเดี๋ยวมีตรวจนี่ เลยยังไม่นอน ฉินหิวน้ำ”
จงจิ่งห้าวเดินไปเทน้ำอุ่นมาให้เธอหนึ่งแก้ว เธอรับน้ำมาดื่มไปครึ่งแก้ว จากนั้นก็เอาแก้วน้ำมาวางบนโต๊ะหัวเตียง และถามกลับ “กี่โมงแล้ว?”
เพิ่งจะสิ้นเสียงเธอ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เป็นพยาบาลเข้ามา บอกพวกเขาว่าต้องไปตรวจร่างกายแล้ว
จิงจิ่งห้าวอุ้มตัวเธอที่อยู่บนเตียง เพื่อไปยังห้องตรวจร่างกาย
โดยปกติแล้วการตรวจในโรงพยาบาลจะเป็นเวลากลางวันแล้ว แต่ว่าช่วงกลางวันคนเยอะ ดังนั้นการตรวจของหลินซินเหยียนเลยจัดไว้ในช่วงกลางคืน แบบนี้ปลอดโปร่งขึ้นเยอะ
หลักๆ คือการตรวจความเปลี่ยนแปลงของมดลูก หลังจากตรวจอัลตราซาวนด์สี่มิติ ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน หลังจากตรวจเสร็จแล้ว ก็สามารถเห็นรูปร่างของเด็กทารกได้
ในทุกครั้งหลินซินเหยียนก็อยากจะเห็น ส่วนจงจิ่งห้าวก็ไม่อนุญาตให้เธอดู
หลังจากตรวจอัลตราซาวนด์สี่มิติแล้วจนเห็นหน้าตาของเด็กทารกช่างน่าเกลียดเกิน ขนาดจงจิ่งห้าวยังรู้สึกรังเกียจเลย และกลัวว่าหลินซินเหยียนจะอารมณ์ไม่ดีตามไปด้วย
เขาแปลกใจมาก จงเหยียนเฉินกับจงเหยียนซีหน้าตาดีมาก ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้หน้าตาน่าเกลียดแบบนี้ไปได้?
ทุกครั้งเวลาที่คุณหมอกำลังตรวจอยู่นั้น เขาก็ต้องทำหน้านิ่งคิ้วขมวดทุกครั้งไป
หลินซินเหยียนไม่เข้าใจดังนั้น เลยจ้องมองเขาอยู่เช่นนั้น
หมอพูดว่า “คุณดูนะ มดลูกบางมากมีแค่0.4mm ในสถานการณ์นี้ช่างง่ายมากที่จะเกิดอันตรายเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”
จงจิ่งห้าวสีหน้าแข็งทื่อ เขาคิดว่าตอนนี้สามารถคลอดก่อนกำหนดได้ เพื่อลดความอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของหลินซินเหยียน ทว่าเธอยังคงยืนกรานว่าจะรอให้ได้แปดเดือนก่อน บอกว่าเพื่อให้เด็กได้สมบูรณ์ขึ้นมาหน่อย ไม่งั้นเธอกลัวว่าเด็กจะไม่แข็งแรง
คลอดเด็กแปดเดือนก็คือการคลอดก่อนกำหนดหนึ่งถึงสองเดือน
“ถ้ามีอะไรก็สามารถเรียกพยาบาลได้ตลอดเวลา” ทางโรงพยาบาลมีหมอคอยเปลี่ยนเวรเฝ้าไข้อยู่ตลอด 24 ชั่วโมง พอเกิดเรื่องขึ้น ก็สามารถทำการผ่าตัดคลอดได้ตลอดเวลา
จงจิ่งห้าวอุ้มหลินซินเหยียนกลับมายังห้องพักคนป่วย หลินซินเหยียนโอบกอดต้นคอของเขาเอาไว้และถามกลับ “ทำไมตอนที่ฉันตรวจร่างกายในทุกครั้ง ต้องทำสีหน้าแปลกประหลาดมากแบบนั้นด้วย?”
จงจิ่งห้าวถามกลับ “มีแบบนั้นเหรอ?”
หลินซินเหยียนพยักหน้าแบบมั่นใจ “มีนะ”
จงจิ่งห้าวพูดต่อ “ผมเป็นห่วงคุณ”
หลินซินเหยียนไม่ค่อยจะเชื่อ
เพราะว่าเขาต้องการให้ตัวเองผ่อนคลาย ความเป็นห่วงที่อยู่ในใจนั้นและไม่แสดงสีหน้าต่อหน้าเธอ การแสดงออกอย่างแปลกประหลาดนี้มันเริ่มปรากฏขึ้นหลังจากที่เขาเห็นหมอตรวจร่างกายแล้ว
ก็ไม่รู้ว่าตกลงแล้วเขาเห็นอะไรกันแน่
เธอตัดสินใจแล้วว่ามีโอกาสจะถามหมอดู
เตียงที่อยู่ในห้องพักผู้ป่วยนั้น มันกว้างกว่าเตียงคนป่วยแบบธรรมดา ตอนกลางคืนจงจิ่งห้าวจะโอบกอดเธอนอน พอมีอาการอะไรก็สามารถรู้ได้ทันเวลา
ในช่วงเช้าจวงจื่อจิ่นเอาข้าวมาส่ง เพราะว่าอาหารในโรงพยาบาลไม่มีโภชนาการอะไร อาหารของหลินซินเหยียนทั้งสามมื้อจวงจื่อจิ่นเป็นคนเอามาส่งทั้งสิ้น
ตอนที่หลินซินเหยียนกินข้าวเช้า จงจิ่นห้าวก็รับโทรศัพท์ของกวนจิ้ง และเดินออกไปรับสายนอกห้องพักผู้ป่วย
“ผมพูดโน้มน้าวเธอไม่ได้” กวนจิ้งพูดคำง่ายๆ ออกมาจากปาก
เมื่อคืนตอนที่กลับไป เขาผลักประตูออกก็เห็นกู้หุ้ยหยวนกำลังใส่เสื้อเชิ้ตของเขาอยู่ และนั่งอยู่บนที่นั่งติดกับหน้าต่าง มือก็คีบบุหรี่เอาไว้
กวนจิ้งไม่รู้ว่าเธอสูบบุหรี่เป็นด้วย เมื่อเดินเข้ามาแล้ว ก็คีบบุหรี่ในมือของเธอออก พลางถามกลับ “ทำไมคุณยังไม่นอนอีก?”
กู้หุ้ยหยวนเงยหน้ามองเขา ในใจก็มีความสงสัยกับเขาอยู่เช่นกัน ตอนแรกเขาก็ดื้อรั้น ไม่ว่าเธอจะใช้ไม้แข็งหรือไม่อ่อนยังไง เขาก็ไม่ยอมช่วยตนเอง ต่อมาก็รับปากเอาดื้อๆ เลย ฉะนั้นในใจย่อมเกิดข้อสงสัยกับเขาอยู่มากมาย
แต่ว่าเธอยังคงไม่ยอมจะเชื่อมั่นในตัวเขา กลัวว่าพอมีอะไรกันแล้ว เขาก็จะหนีไป เพื่อไปบอกความลับ แต่เธอก็เลือกที่จะเชื่อเขาสักครั้ง
เธอยิ้มให้และพูดออกมา “คุณไม่รู้เหรอว่าฉันมีเรื่องมากมายที่ต้องทำนะ”
กวนจิ้งนั่งลงอีกฝั่งโซฟาที่ติดกับหน้าต่าง พลางมองเธอและเอ่ยชื่อเต็มยศ “กู้หุ้ยหยวน ความจริงแล้วคุณก็เข้าใจดีทุกอย่างใช่ไหม?”
กู้หุ้ยหยวนไม่อยากจะเชื่อ ว่าเขารู้ใจตนเองด้วยเหรอ?
ในใจของเธอนั้นมีปลาบปลื้มใจเล็กน้อย บางทีเขาอาจจะชอบตนเองอยู่บ้าง?
จากนั้นพอกวนจิ้งรับโทรศัพท์แล้ว ก็ทำลายจินตนาการความฝันของเธอไม่จนหมดสิ้น
“คุณรู้ทั้งรู้ ว่าพวกเขาจะลงโทษไปตามความผิด ทำไมไม่เรียนรู้การปล่อยวางล่ะ?”
กู้หุ้ยหยวนผิดหวัง แต่สีหน้ายังคงยิ้มอยู่ “ไม่ว่าจะทำผิดยังก็ต้องสู้กลับ พวกเขาก็เป็นญาติพี่น้องของฉันไม่ใช่เหรอ? ถ้าขนาดญาติพี่น้องของฉันตัวฉันเองยังไม่สนใจ งั้นฉันยังจะเป็นคนอยู่ไหมล่ะ?”
กวนจิ้งถึงกลับพูดไม่ออก ใช่สิ ไม่ว่าพวกเขาจะชั่วช้ายังไง น่าจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่พวกเขาก็เป็นญาติพี่น้องของเธอทั้งนั้น
นี่เป็นความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือตัดขาดเยื่อใยได้
กู้หุ้ยหยวนมองออกไปนอกหน้าต่าง พลางพูดอ้อยอิ่ง “คุณกำลังเกลี้ยกล่อมฉันอยู่ใช่ไหม?”
ก้นบึ้งหัวใจของเธอมีความลับอยู่เล็กน้อย เธอไม่เคยพูดกับคนอื่นเลย และไม่ได้ให้คนอื่นรู้ด้วย เมื่อสองปีก่อนเธอกับกวนจิ้งเคยเจอหน้ากันมาก่อน เธอรับผิดชอบโครงการหนึ่งไว้ บริษัทร่วมลงทุนก็คือว่านเยว่กรุ๊ป ประจวบเหมาะว่ากวนจิ้งเป็นคนเข้าไปเจรจาด้วย
ความสามารถของกวนจิ้งนั้นถือว่าปรากฏให้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่งั้นจงจิ่งห้าวก็คงไม่ให้ความสำคัญกับเขามากขนาดนั้น
ช่วงที่เจรจากันอยู่นั้นเธอสนใจในตัวของกวนจิ้งแล้ว พลันรู้สึกดีกับเขามาก
สุดท้ายวิธีการร่วมมือในครั้งนั้นความร่วมมือกันลงมติไม่เป็นเอกฉันท์ จนความร่วมมือขัดแย้งกันไป จนสุดท้ายก็ไม่เจอหน้ากับกวนจิ้งอีกเลย
แม้ว่าครั้งนี้เธอเลือกกวนจิ้ง เพื่อต้องการจะควบคุมเขา เพื่อให้เขาได้ช่วยเหลือตัวเอง เธอสามารถใช้เงินไปหาผู้หญิงเพื่อมาทำงานของเธอให้สำเร็จ
แต่ว่าเธอก็ลงมือทำเอง
เพราะว่า เธอชอบกวนจิ้ง
ก็เหมือนกับเวลานี้ รู้ทั้งรู้ว่าเขาจะบอกเรื่องของตนเองไป แต่ยังคงเลือกที่จะเชื่อมั่นเขาดูสักครั้ง
เธออ้าขาออก จากนั้นก็นั่งลงบนต้นขาของกวนจิ้ง พลางใช้มือโอบกอดต้นคอของเขาเอาไว้ และยิ้มออกมา “กวนจิ้ง ฉันยังอยากทำ”
กวนจิ้งขมวดคิ้ว “คุณ…”
เขายังพูดไม่ทันจบประโยคเลย กู้หุ้ยหยวนก็เริ่มจูบลงบนริมฝีปากของเขาก่อน เพื่อปิดกั้นคำพูดของเขาไว้
เธออยากใช้เรือนร่างของตนเองในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ ไม่ว่าเขาจะบอกความลับไปหมดแล้ว ก็ยังจินตนาการเอาไว้ว่าช่วงเวลาคับขันนั้น เขาจะยืนอยู่ฝั่งของตนเอง และช่วยเหลือเธอสักครั้ง
เมื่อสิ้นธุระกันแล้วเธอก็ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของกวนจิ้ง เขาจับมือของกวนจิ้งให้มาโอบกอดตนเองเอาไว้ “สนิทสนมกันขนาดนี้แล้ว คุณกอดฉันนอนเถอะ”
กวนจิ้งตอบกลับ “ผมไม่ชินกับการกอดคนนอน”
“กอดๆ ไปเถอะเดี๋ยวก็ชินเองแหละ” กู้หุ้ยหยวนดึงแขนของเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“กู้หุ้ยหยวน คุณปล่อยวางเถอะ” กวนจิ้งยังอยากโน้มน้าวให้เธอปล่อยวาง เธอเป็นคนสวยอายุน้อย สามารถใช้ชีวิตของตนเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ไม่จำเป็นต้องล้างแค้นให้ได้
ต่างคนต่างแก้แค้นกันไปมาจนถึงเมื่อไหร่กัน?
“ฉันตัดสินใจแล้ว คุณไม่ต้องพูดให้เปลืองน้ำลาย ฉันง่วงนอนแล้ว นอนล่ะ”
กู้หุ้ยหยวนเบียดแน่นในอ้อมกอดของเธอ
ตอนเช้ากวนจิ่งตื่นแล้ว ส่วนกู้หุ้ยหยวนยังไม่ตื่น
เขาโทรศัพท์หาจงจิ่งห้าว
ว่าตนเองทำไม่สำเร็จ ไม่สามารถพูดโน้มน้าวให้กู้หุ้ยหยวนยอมวางมือได้ งั้นก็ทำตามแผนของจงจิ่งห้าวบอกให้ทำ