กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 738 คำพูดของคุณขนาดผีจะไม่เชื่อเลย
กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม ตอนที่ 738 คำพูดของคุณขนาดผีจะไม่เชื่อเลย
หลังจากพูดคุยกันจบแล้วก็กดวางสาย ตอนที่กวนจิ้งกลับมาถึงห้องแล้ว กู้หุ้ยหยวนยังคงนอนหลับอยู่ แถมยังนอนหลับสนิท เขาไม่ได้ปลุกเธอให้ตื่น แต่ค่อยปิดประตูเบาๆ
ตอนที่ปิดประตูไปแล้วนั้น กู้หุ้ยหยวนก็ลืมตาขึ้นมา
ตอนที่กวนจิ้งลุกจากเตียง เธอก็ตื่นแล้ว
กระทั่งรู้ว่ากวนจิ้งไปโทรศัพท์หาใคร ต่อไปเธอต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง
เธอกะพริบตาไปมาพลางจ้องมองเพดานห้องที่อยู่ด้านบน จากนั้นก็ยิ้มขมขื่นให้ตัวเอง
ที่แท้ ผู้ชายก็เป็นสัตว์เลือดเย็น ไม่ว่าจะสนิทสนมกันขนาดนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้
เธอช่างน่าสงสาร? ช่างน่าโศกเศร้าถึงเพียงนี้?
ผ่านไปสิบกว่านาทีเธอถึงปรับอารมณ์ของตนเองได้ จากนั้นก็เลิกผ้าห่มออกและลุกจากเตียง จากนั้นก็คว้าเสื้อเชิ้ตของซูจ้านมาใส่ และเปิดประตูเดินออกมา ในห้องรับแขกก็ไม่มีคนอยู่ แต่ในห้องครัวกลับมีเสียงตะกุกตะกักดังขึ้นมา
เธอเดินเท้าเปล่าเข้าไปหา เมื่อเห็นเงาสูงโปร่งทางด้านหลังกำลังวุ่นวายอยู่ในครัว
เขาใส่ชุดลำลองอยู่บ้าน เอวสอบขาเรียวยาว ดูเหมือนว่าผอมมาก แต่ว่าการใช้เวลายาวนานของเมื่อคืนนี้ก็ไม่เหมือนว่าไม่มีแรงเลย
เมื่อคิดถึงฉากที่เขานัวเนียอยู่นั้น ใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทุกที เธอพิงกับขอบประตู พลางชื่นชมกับความอ่อนโยนในชั่วขณะนี้อยู่เงียบๆ
ในที่สุดกวนจิ้งก็รู้ตัวว่ามีเธอมา พลันหันกลับไปมองเธอ “ตื่นแล้วเหรอ?”
กู้หุ้ยหยวนเดินเข้ามาหา จากนั้นก็สวมกอดเขาทางด้านหลัง พร้อมกับยิ้มให้ตอนพูดออกมา “นี่คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ? มองไม่ออกเลยนะ”
กวนจิ้งเอาคำพูดของเธอมายอกย้อนกลับ “ผมทำได้ตั้งเยอะแยะ ก็แค่คุณไม่รู้เอง”
“งั้นคุณบอกฉันมาที” กู้หุ้ยหยวนใช้มือทั้งสองข้างนัวเนียเขาอยู่ ส่วนมือนั้นก็มุดลงไปในกางเกงของเขาอย่างไม่จริงจัง
กวนจิ้งขมวดคิ้ว พลางพูดเสียงแข็ง “ผมกำลังทำกับข้าวอยู่”
มือของกู้หุ้ยหยวนมุดเข้าไปด้านใน ริมฝีปากก็แนบชิดแผ่นหลังของเขา พลางถามซักไซ้ไปเรื่อย และกระซิบเสียงทุ้มต่ำ “แต่ฉันอยากจะกินคุณมากกว่า”
กวนจิ้ง “….”
ผู้หญิงคนนี้ช่าง….
เขารีบเอาไข่ไก่ที่เพิ่งเจียวเสร็จตักใส่ชาม พลางจับมือของเธอทันที และพูดเตือน “ทำตัวดีๆ หน่อย”
กู้หุ้ยหยวนยิ้มให้ “แล้วถ้าฉันทำตัวไม่ดีล่ะ?”
กวนจิ้งปิดไฟ พลางหันตัวกลับมาบีบคางเธอเอาไว้ พลางหรี่ตาลง “ตกลงว่าคุณหิวขนาดไหนเนี่ย?”
เธอยังคงยิ้มหน้าบานเช่นเดิม “คนเขาพูดกันว่า ในคืนวันแต่งงานคู่สามีภรรยาสามารถไม่นอนทั้งคืนได้ แม้ว่าพวกเราไม่ใช่สามีภรรยากัน แต่ก็มีอารมณ์เร่าร้อนร่วมกัน เมื่อคืนคุณก็เต็มใจไม่ใช่เหรอ?”
บนเรือนร่างของเธอมีแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวแค่ตัวเดียว ด้านในก็มีสิ่งใดปิดกั้นมาเลยสักชิ้น เลยยกขาขึ้นเพื่อเสียดสีกับต้นขาของกวนจิ้ง “อย่าบอกฉันนะ ว่าคุณไม่ไหว”
มือที่บีบปลายคางของเธออยู่ ค่อยๆ ผ่อนแรงลง พลางลดต่ำลงมาอยู่ตรงคอเสื้อของเธอ วินาทีต่อมา เขาใช้แรงดึง กู้หุ้ยหยวนก็มาแนบชิดกับร่างกายของเขาแล้ว เขาจ้องมองลงต่ำอย่างประชดประชัน “คุณรู้ไหมสิ่งต้องห้ามสำหรับผู้ชายคืออะไร?”
กู้หุ้ยหยวนยิ้มเล็กน้อย “สิ่งต้องห้ามอะไร? สิ่งต้องห้ามที่ฉันพูดว่าคุณไม่ไหวเหรอ? งั้นคุณก็ทำให้ฉันเห็นสิ ว่าคุณไหวอยู่อื้อ….”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกกวนจิ้งยกตัวขึ้นบนเตาแก๊ส เอวของเธอพาดอยู่ตรงขอบแข็งๆ เจ็บจนต้องขมวดคิ้วเอาไว้ เธอโอบกอดต้นคอของกวนจิ้ง พลางโก่งตัวขึ้นเพื่อรองรับเขา “กวนจิ้ง พวกเราไม่ได้ป้องกันเลย คุณไม่กลัวว่าฉันท้องเหรอ?”
กวนจิ้งผงะเล็กน้อย วินาทีต่อมา ก็คว้าท้ายทอยของเธอเอาไว้ เพื่อให้เธอได้จ้องมองตนเอง “กู้หุ้ยหยวน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ท้อง โกหกผมสนุกไหม?”
เธอยิ้มให้ “คุณไม่เชื่อเหรอ”
“คำพูดของคุณ ผียังไม่เชื่อเลย!” กวนจิ้งตาแดงฉาน จากนั้นก็เริ่มระบายกับร่างกายเธอทันที
ผ่านไปนานพอควร พวกเขาถึงเสร็จสิ้นภารกิจ แถมยังทำในห้องครัวตั้งแต่ต้นจนจบ
เธอยังคงซักไซ้ต่อ “คุณจะลืมไหม ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่ง ทำเรื่องบ้าคลั่งแบบนี้กับคุณในครัว?”
กวนจิ้งยิ้มให้อย่างเย็นชา “ไม่ลืมหรอก ผมไม่มีวันลืม ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งคอยคิดบัญชีกับผมอยู่ อีกอย่างยังหน้าด้านมาก”
กู้หุ้ยหยวนหัวเราะคิกคัก “นี่คือความทรงจำของฉันที่มีต่อคุณเหรอ?”
“ไม่งั้นล่ะ?” กวนจิ้งถามกลับ
กู้หุ้ยหยวนคิดแล้วคิดอีก “เหมือนว่าใช่อยู่นะ”
ทั้งสองคนไปอาบน้ำจนสะอาดแล้ว กวนจิ้งก็เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาด ส่วนกู้หุ้ยหยวนยังคงใส่ชุดของเมื่อวานนี้ แถมเสื้อผ้าบนตัวมีแต่รอยยับมากมาย
กวนจิ้งทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว ก็เรียกเธอมากินข้าว
เขาทอดไข่เพื่อทำแซนด์วิช กู้หุ้ยหยวนนั่งลงแล้วเขาก็ถามทันที “คุณจะเอาน้ำผลไม้ หรือว่านมดี”
กู้หุ้ยหยวนหยิบแซนด์วิชขึ้นมากัดหนึ่งคำ “ฉันจะดื่มนม”
กวนจิ้งถึงกับผงะเล็กน้อย พลางใช้สายตาเหลือบมองเธอย่างมีความหมายอยู่นาน
กู้หุ้ยหยวนแข็งทื่อไปสักพัก เมื่อมองท่าทีการแสดงออกของกวนจิ้ง เหมือนว่าคิดเลยเถิดไปไกลแล้ว จนพูดออกมา “คุณยอดเยี่ยมมาก ฉันพอใจมากแล้ว อีกทั้งยังจำได้ว่า ฉันเคยได้คุณมาแล้ว”
กวนจิ้งรู้สึกว่าคำพูดของเธอนั้นมาแบบแปลกๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก
แต่ว่าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
โรงพยาบาล
ตอนที่คุณหมอมาตรวจในตอนเช้านั้น จงจิ่งห้าวไม่ได้อยู่ในห้อง หลินซินเหยียนถามเขาทันที “อาการของเด็กไม่ดีเหรอคะ?”
คุณหมอก็ถามกลับ “ทำไมถามแบบนั้นครับ?”
“ทุกครั้งเวลาตรวจ สีหน้าของสามีของฉันดูแย่มากเลย”
คุณหมอก็ยิ้มให้ ปัญหานี้ คุณหมอก็เข้าใจทันที หลังจากตรวจครั้งแรกแล้ว จงจิ่งห้าวก็มาหาเขาเพียงลำพัง เพื่อถาม เรื่องตอนตรวจนั้น ภาพที่แสดงออกมานั้นเป็นเด็กทารกหรือเปล่า คุณหมอก็ตอบว่าใช่
จากนั้นจงจิ่งห้าวก็ทำสีหน้าตลกและถามเขากลับ “ทำไมหน้าตาขี้เหร่ขนาดนั้น?”
เพราะว่าเขากับหลินซินเหยียนก็ไม่ได้หน้าตาขี้เหร่เลย
เพราะเด็กในครรภ์นั้นจมูกแบน ปากกว้าง ขี้เหร่จริงๆ
ทว่าก็มีทารกเยอะแยะที่หน้าตาขี้เหร่ในตอนแรก หลังจากนั้นก็โตขึ้นก็หน้าตาดี ในทางกลับกันตอนแรกหน้าตาดีมาก แต่พอโตขึ้นขี้เหร่ก็เริ่มไม่สวยก็มี
คุณหมอถามกลับ “คุณยังจำท้องแรกได้ไหม?”
นั่นมันเป็นสิ่งที่ตราตรึงอยู่ในหัวสมอง ไม่สามารถลืมเลือนได้ หลินซินเหยียนพูดว่า “พวกเขาตัวเล็กมาก ผิวก็เหี่ยว พอมา5-6เดือนถึงค่อยดีขึ้นมา”
คุณหมอเลยพูดว่า “ประธานจงเห็นเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์หน้าตาน่าเกลียด เลยรู้สึกอึดอัดใจ”