กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 763 เสื้อผ้าลายดอกสีสันดูอ่อนเยาว์
ซางหยูอยากจะบอกว่าคุณโกหก คุณเป็นผู้ชาย คุณจะตื่นเต้นได้อย่างไร แต่แล้วเห็นเส้นเลือดที่ลำคอของเขาปูดนูนออกมา
ทั้ง ๆ ที่อาบน้ำแล้ว บนตัวกลับมีเหงื่อซึมไหลออกมา
เสิ่นเผยซวนจับเข้าที่แก้มของเธอ “ผมกลัวจะทำให้คุณตกใจ”
ซางหยูมองท่าทางที่ระมัดระวังของเขา เห็นได้ชัดว่าต้องการมาก แต่กลับข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ หัวใจจึงอ่อนลง และเข้าไปกอดเขา “ฉันไม่กลัวคุณเลยสักนิด”
เธอเอนตัวเข้าไปแนบที่ใบหูของเขาแล้วกระซิบกระซาบเบาๆ “ฉันเป็นคนของคุณแล้ว……”
เมื่อทั้งคู่ต่างเตรียมพร้อมกันแล้วนั้น และบรรยากาศก็กำลังไปกันด้วยดี ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริง และแล้วทั้งคู่ต่างก็ตะลึง
ซางหยูมองส่วนล่างของตัวเอง แล้วก็รีบคลานลงจากเตียงวิ่งพุ่งไปที่ห้องน้ำ
เสิ่นเผยซวนจ้องผงะคราบเลือดที่อยู่บนเตียงอยู่นานสองนาน
สักพักเขาค่อยๆดึงสติกลับมา แม้ว่าความปั่นป่วนในร่างกายของเขาจะยังไม่ลดลง แต่ว่าสมองนั้นเริ่มมีสติขึ้น
ผ่านไปสักพัก ซางหยูใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกมา เธอก้มหน้า มือทั้งสองข้างจับชายเสื้อไว้ “ขอโทษ ปกติแล้วฉันไม่ได้มาในช่วงเวลานี้ ไม่รู้ว่าทำไมเดือนนี้ถึงได้มาเร็ว……”
เสิ่นเผยซวนนั่งอยู่ข้างเตียง สวมด้วยผ้าคลุมอาบน้ำแล้วกล่าว “ไม่เป็นไร ไม่ได้ตำหนิคุณ”
มองดูความอึดอัดทรมานของเสิ่นเผยซวน ในใจเธอก็รู้สึกผิด เธอเดินเข้ามา “ฉันเก็บกวาดเตียงก่อน”
เสิ่นเผยซวนกล่าว “ไม่ต้อง คุณนั่งลงเดี๋ยวผมทำเอง”
เสิ่นเผยซวนถึงแม้จะไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จะให้‘ฝ่าไฟแดง’ก็คงไม่เหมาะกระมัง
ซางหยูยืนอยู่ข้างๆ ก้มหน้าก้มตาลง ในใจครุ่นคิดว่าทำไมประจำเดือนเช้าไม่มาเย็นไม่มา ดันมาเอาในเวลานี้
วันนี้บรรยากาศดีขนาดนี้ กลับถูกทำลายลงด้วยแขกไม่ได้รับเชิญ
เธอกัดริมฝีปาก แย่งผ้าปูที่นอนจากมือของเสิ่นเผยซวนมา “คุณมือไม้เงอะงะ ทำได้ไม่ดี ฉันทำเอง”
เธอเลิกผ้าปูที่นอนที่มีคราบเลือดออกอย่างคล่องแคล่ว แล้วโยนใส่ลงตะกร้า แล้วก็ทำการปูผ้าปูที่นอนใหม่จนเสร็จ
จากนั้นตัวเองก็เดินไปที่ห้องรับแขกเพื่อพับเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้พับก่อนหน้านี้
เธอนั่งลงบนโซฟา พับเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบเรียบร้อยทีละชิ้นๆ เธอมองกองเสื้อผ้าที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างเหม่อลอย
เสิ่นเผยซวนนั่งลงบนโซฟาแล้วก็กอดเธอไว้ กล่าว “คุณอย่าคิดมาก พวกเรายังมีเวลาอีกเยอะ”
ซางหยูก้มหน้าตำหนิตัวเอง
ในใจรู้สึกผิดต่อเขา
สู้ไม่มีการเริ่มเสียดีกว่า เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างราบรื่นดีขนาดนั้น……
เสิ่นเผยซวนจับเข้าที่แก้มของเธอ “เอาล่ะ ดึกแล้ว พวกเราไปนอนกันเถอะ”
ซางหยูหันหน้าไปมองเธอ “คุณนอนหลับเหรอ”
เสิ่นเผยซวนกระแอมไอเบาๆ “เมื่อกี้ผมดื่มน้ำเย็นเข้าไปหนึ่งขวด ตอนนี้รู้สึกง่วงแล้ว”
ซางหยูทำปากมุ่ย “แต่ว่าฉันนอนไม่หลับ”
เสิ่นเผยซวนบีบที่จมูกของเธอ “โกรธตัวเองเหรอ”
ซางหยูพยักหน้าแรงๆ “ฉันโกรธตัวเอง ทั้ง ๆที่เมื่อก่อนก็มาตรงตามเวลา มีเพียงบางครั้งที่อาจไม่ตรง แต่ก็มักจะช้าก่อนกำหนด มีแค่ครั้งนี้ที่มาก่อนกำหนด นี่ไม่ใช่เป็นการต่อต้านเธอหรอกเหรอ”
เสิ่นเผยซวนอุ้มเธอขึ้นมา “เอาล่ะ ไม่ต้องคิดมากแล้ว ไปนอนกัน”
วางเธอลงบนเตียง เสิ่นเผยซวนโอบกอดเธอไว้ “ดึกมากแล้ว”
ซางหยูพลิกตัวซุกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา แล้วปิดตาลง ภายใต้อ้อมกอดของเขาทำให้จิตใจสงบลง ถึงแม้ว่าในใจจะยังรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ แต่อารมณ์ก็สงบลงไปไม่น้อย
กว่าซางหยูจะหลับสนิทเวลาก็ปาไปค่อนข้างดึก เสิ่นเผยซวนนอนหลับไปก่อน ตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมาก็เป็นเขาที่ตื่นก่อน ตอนที่ตื่นนั้น เห็นซางหยูยังคงนอนหลับใหล เขาจึงไม่ได้ปลุกให้เธอตื่น แต่เป็นตัวเองที่ค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง
ซักผ้าปูที่นอนจากเมื่อคืนแล้วนำมาตาก ครองโสดมานมนาน นอกจากทำกับข้าวไม่เป็น เรื่องอย่างอื่นเขานั้นทำออกมาได้เป็นอย่างดี
เขาออกไปซื้ออาหารเช้ากลับมา เมื่อเดินผ่านซูเปอร์มาร์เก็ต จึงแวะเข้าไปซื้อน้ำตาลทรายแดงมาถุงหนึ่ง
เมื่อกลับมา ซางหยูยังคงหลับอยู่ อีกทั้งไม่มีร่องรอยของการตื่นเลยสักนิด เสิ่นเผยซวนนำอาหารเช้ามาวางไว้บนโต๊ะ วางน้ำตาลทรายลงเป็นโต๊ะด้วย แล้วต้มน้ำร้อนหนึ่งกา จากนั้นเทลงในกระติกน้ำร้อน เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสรรพ ซางหยูก็ยังไม่ตื่น
เขาแต่งตัวเสร็จหยิบกุญแจรถแล้วออกจากประตูไป
วันนี้ในสำนักงานของเขายุ่งมาก เรื่องของท่านย่า เมื่อเลิกงานแล้วถึงจะไปจัดการได้
เพราะว่าผู้บัญชาการซ่งลาออกจากงาน ตอนนี้เรื่องในสำนักงานเสิ่นเผยซวนจึงต้องรับผิดชอบชั่วคราว งานที่รับช่วงต่อจากผู้บัญชาการซ่งนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว เขาจึงเป็นผู้จัดการทุกอย่างในตอนนี้ จนกว่าเบื้องบนจะหาคนอื่นมารับตำแหน่งแทน
ณ โรงพยาบาล
ฉินยาสะดวกในการดูแลซูจ้าน ไม่ได้มีการเสริมเตียง โดยนั่งพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง
เนื่องจากกลางคืนต้องตื่นขึ้นมาตรวจดูอาการของซูจ้านอยู่หลายครั้ง ดังนั้นตอนเช้าแปดโมงกว่าแล้วก็ยังไม่ตื่น เพราะคุณหมอเข้ามาตรวจอาการ จึงได้ยินเสียงเปิดประตู เธอถึงได้ตื่นขึ้นมา
ฉินยาไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ คุณหมอตรวจดูบาดแผลบนร่างกายของซูจ้าน ยังต้องพักรักษาตัวอีกสักระยะหนึ่ง ไม่สามารถลงมาเดินที่พื้นได้ภายในหนึ่งสัปดาห์
ฉินยาเดินออกมา ถามขึ้น “เมื่อไหร่เขาจะสามารถฟื้นได้คะ”
คุณหมอกระแอมเบาๆ เหลือบมองคนที่นอนอยู่บนเตียงแล้วกล่าวว่า “อันนี้ไม่สามารถบอกได้ครับ คุณต้องคอยพูดกับเขาบ่อย ๆ บางทีอาจจะสามารถเรียกสติของเขาให้ฟื้นขึ้นมาได้”
อันที่จริงคุณหมออยากจะบอกว่า พูดคุยกับเขาบ่อย ๆ ดูสิว่าจะสามารถปลุกจิตสำนึกของขึ้นเขาได้หรือไม่ จะได้เลิกหยุดทรมานคนที่รักเขาเสียที
ฉินยากล่าวรับทราบ
“ดูแลให้ดี ๆ มีอะไรเรียกผมได้ที่โต๊ะพยาบาลตลอดเวลา” คุณหมอกล่าว
ฉินยาพยักหน้า ส่งคุณหมอจากไปแล้ว เธอกลับมานั่งที่เก้าอี้ในห้องผู้ป่วย แล้วมองเขาอย่างเงียบๆ
ริมฝีปากเปิดขึ้น น้ำเสียงแหบแห้งโดยไม่รู้เป็นเพราะเพิ่งตื่นหรือว่าเพราะร้องไห้จากความเศร้า “ซูจ้าน ฉันไม่ทำให้คุณลำบากใจแล้ว เมื่อไหร่คุณจะฟื้นขึ้นมาสักที คุณย่าอายุมากแล้ว ทนเห็นคุณทรมานแบบนี้ไม่ได้ รีบตื่นขึ้นมาสิ”
ซูจ้านไม่อยากจะให้ฉินยาเจ็บปวด แต่ถ้าฟื้นกะทันหันเช่นนี้ ดูเหมือนจะฉับพลันเกินไป จึงได้แสร้งแสดงต่อไป เขาจะให้ทุกอย่างที่ทำมาสูญเปล่าไม่ได้
ต้องใช้โอกาสนี้จัดการเรื่องนี้ให้ได้
จะต้องทำให้เธอได้รู้ว่า ชีวิตนั้นเปราะบางมาก หากพวกเธอไม่รู้จักรักษาไว้ให้ดี ๆ เขาอาจจะสลบไปแบบนี้สักวันหนึ่งจริง ๆ
เมื่อเผชิญกับความเป็นและความตาย ความขัดแย้งก่อนหน้านี้ดูเล็กน้อยไปเลย
ซูจ้านไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตื่นขึ้นมา ฉินยารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เธอลูบหน้าเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตชีวาขึ้น และเตรียมตัวไปตักน้ำมาช่วยซูจ้านทำการล้างหน้าล้างมือ
เวลานี้ โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะได้ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมา ในนั้นปรากฏหมายเลขของช่าวหยุน
เธอกดปุ่มรับสายแล้ววางแนบข้างใบหู “ค่ะอารอง”
ช่าวหยุนกล่าว “ก็ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่อยากจะถามว่า อาการของซูจ้านเป็นอย่างไรบ้าง”
ฉินยาก้มต่ำเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ยังคงนอนสลบอยู่ค่ะ ไม่รู้ว่าจะฟื้นตื่นมาเมื่อไหร่”
“หนูคงไม่ได้พักผ่อนดี ๆ และก็ไม่ได้ทานอาหารตามเวลาใช่ไหม” ช่าวหยุนกล่าวด้วยความเป็นห่วง “อาได้ยินเสียงของหนูนั้นอ่อนเพลียมาก อย่าให้เมื่อซูจ้านฟื้นขึ้นมาแล้วร่างกายของตัวหนูเองกลับแย่เองนะ ไม่ว่าจะเวลาไหนก็อย่าทำให้ร่างกายของตัวเองทรุดโทรมเพราะผู้ชาย รู้ไหม”
ฉินยาเดินมาที่หน้าต่างแล้วมองออกไปด้านนอก จากนั้นกล่าว “หนูรู้แล้วค่ะ”
“หนูบอกที่อยู่ของโรงพยาบาลมาให้อาหน่อย อาจะสั่งอาหารให้” ช่าวหยุนกล่าว
ฉินยายิ้ม “อารอง อาอย่าพูดตลกสิคะ อาอยู่ที่เมืองCนะ……”
“ขอแค่อายังอยู่บนโลกใบนี้ ก็สามารถสั่งอาหารให้หนูได้ แค่กริ๊งเดียวจัดการได้ทุกอย่าง อย่าคิดให้มันซับซ้อนเกินไป”
ฉินยาหัวเราะ “เมื่อไหร่อารองจะจริง ๆจัง ๆ สักที”
ซูจ้านแอบลืมตาหันไปดูฉินยาที่ยืนอยู่ที่ระเบียง แม้ว่าจะมองไม่เห็นใบหน้าของเธอ แต่ก็สามารถสัมผัสได้ว่าระหว่างเธอกับช่าวหยุนสนทนากันค่อนข้างอย่างเป็นกันเอง อารมณ์ของเธอเองก็ดูผ่อนคลายลงไปไม่น้อย
“อาก็จริงจังมาโดยตลอดนะ เป็นเพราะหนูรู้สึกไปเองว่าอาไม่จริงจัง เป็นเพราะว่าอาชอบใส่เสื้อผ้าลายดอกสีสัน แต่ว่าเสื้อผ้าลายดอกสีสันใส่แล้วดูอ่อนเยาว์นะ”
ฉินยา “……”
เสื้อผ้าลายสีสันดูอ่อนเยาว์อย่างไร