กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 764 ไปเป็นนักแสดงได้เลย
“คนที่ชอบเสื้อผ้าลายดอกสีสันส่วนใหญ่มักเป็นคนที่มีอายุ ที่เขาเรียกกันว่าปล่อยแก่ไง”
“อย่ามาหัวเราะเยาะรสนิยมเสื้อผ้าของอานะ!” ช่าวหยุนตวาดขึ้น
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของฉินยาทำให้เขาโกรธ
ฉินยาหัวเราะ “โอเคค่ะ หนูไม่พูดแล้วโอเคยัง”
“ค่อยยังดีหน่อย รีบส่งที่อยู่มาให้อา” ช่าวหยุนอันที่จริงก็ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด เพียงแค่อยากทำให้บรรยากาศครึกครื้น หยอกฉินยาเล่นเท่านั้น รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ดูแลซูจ้านอารมณ์ไม่ค่อยดี ก็เลยอยากทำให้เธอร่าเริงสักหน่อย
ฉินยาจึงบอกที่อยู่ไปหนึ่งครั้ง
ช่าวหยุนบอกว่ารับทราบแล้ว ทั้งคู่จึงกล่าวลากัน จากนั้นก็วางสายไป
ฉินยาหันหลังมา ซูจ้านจึงปิดตาลง เกิดอาการเป็นห่วงจนจิตใจลนลาน
สัญชาตญาณบางอย่างไม่เพียงแต่ผู้หญิงท่านั้นที่มี ผู้ชายก็มีด้วย ซูจ้านรู้สึกได้ถึงวิกฤตอันตราย
ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจฉินยา เพียงแต่แค่กลัวว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานจะก่อตัวเป็นความรัก
เธออยู่ที่เมืองC ก็มักจะอยู่ด้วยกันกับช่าวหยุน จะต้องก่อเกิดเป็นความรู้สึกขึ้นมาอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ความรู้สึกแบบชายหญิง แต่อย่างไรก็ต้องมี นี่คือธรรมชาติของมนุษย์
ฉินยาไปตักน้ำมาช่วยซูจ้านเช็ดหน้าเช็ดมือ
ซูจ้านแกล้งทำเป็นขยับนิ้ว เขาไม่สามารถที่จะแสร้งแสดงต่อไปอีกได้ เดี๋ยวถ้าเกิดทำให้ฉินยาตกใจจนหนีเตลิดเปิดเปิงไปจะทำอย่างไร
แบบนั้นจะทำให้เขาได้ไม่คุ้มเสียหรอกหรือ
ฉินยาเห็นว่านิ้วมือของเขาขยับ จึงเรียกเขาด้วยความตื่นเต้น “ซูจ้าน ซูจ้าน”
ซูจ้านไม่ตอบสนอง ฉินยาคิดว่าตัวเองคงจะตาฝาด จึงได้จ้องที่นิ้วมือของเขา สักพักเขาก็ขยับอีกครั้ง และยังตั้งใจขยับให้มากขึ้นด้วย
ครั้งนี้ฉินยามั่นใจว่าตัวเองนั้นได้เห็นจริง ๆ จึงได้รีบไปเรียกคุณหมอมา
เมื่อคุณหมอมาแล้วก็แสร้งทำเป็นตรวจดูอาการ ในใจคิด อยากจะฟื้นก็ฟื้นขึ้นมาเลย ยังจะแสดงเหมือนจริงเหมือนจังขนาดนี้อีก ไม่ไปเป็นนักแสดงคงเสียดายแย่
แต่ด้วยเขาที่ถูกซื้อด้วยความดี จึงทำได้เพียงให้ความร่วมมือกับการแสดง
ฉินยาที่ยืนอยู่ข้างๆ ถามด้วยความตื่นเต้น “จะฟื้นขึ้นมาแล้วใช่หรือไม่คะ”
เวลานี้ซูจ้านแอบดึงแขนเสื้อของคุณหมอทีหนึ่ง คุณหมอจึงรีบกล่าวขึ้นทันใด “ผู้ป่วยมีโอกาสเป็นได้สูงที่จะฟื้นขึ้นมาในเร็วๆนี้ ขยับได้ก็หมายความว่าเขามีความสติ”
ฉินยาพยักหน้า แล้วถามอีกครั้ง “อย่างนั้นเมื่อไหร่จะฟื้นคะ”
คุณหมอครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ทุกเวลา”
ฉินยาพยักหน้า ในใจรู้สึกโล่งอก
“มีอะไรค่อยเรียกผมอีกที” คุณหมอกล่าว
ฉินยากล่าว “ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
คุณหมอรู้สึกผิดในใจ “ไม่เป็นไรครับ นี่เป็นหน้าที่ผม”
เมื่อคุณหมอจากไป ฉินยาก็เช็ดหน้าให้ซูจ้านต่อ
เธอไปตักน้ำกลับมา พบว่าซูจ้านนั้นฟื้นขึ้นมาแล้ว
ซูจ้านกล่าวเสียงเบาๆ “ฉินยา”
เวลานี้ก็แสร้งทำเป็นอ่อนแอเหมือนคนที่เพิ่งฟื้นตื่นขึ้นจริง ๆ
ฉินยาจับมือของเขาไว้ “คุณฟื้นแล้วเหรอ”
ซูจ้านมองเธอ “คุณเป็นอะไรไป”
“คุณเกิดอุบัติเหตุ ฉันจะไม่มาได้อย่างไร แต่ว่าคุณฟื้นขึ้นมาก็ดีแล้ว” น้ำเสียงฉินยาแหบแห้ง เป็นเพราะตื่นเต้นด้วยความดีใจจนน้ำตาไหล
ซูจ้านเงยหน้าขึ้นมาช่วยเธอเช็ดน้ำตา “ร้องไห้ทำไม ผมสบายดี”
ฉินยาเงียบ รู้สึกว่าอึดอัดในใจ อึดอัดจนเธอพูดอะไรก็ตะกุกตะกักไปหมด
ซูจ้านรู้สึกผิด ยื่นมือมาโอบเธอไว้ “ขอโทษ”
ฉินยาร้องไห้ไหล่สั่นเทิ้มอยู่ในอ้อมกอดของเขา
ไม่พูดไม่จา
ราวกับว่าไม่มีคำพูดใดที่จะบรรยายความคับข้องใจของเธอได้
สำหรับคับข้องใจอะไรนั้น ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ก๊อกๆ——
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นในเวลานี้ ฉินยาปาดน้ำตาแล้วไปเปิดประตู เป็นพนักงานหนุ่มมาส่งอาหาร อากาศด้านนอกคงจะร้อนน่าดู เนื้อตัวของเขาถึงชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“คุณฉินหรือเปล่าครับ” พนักงานหนุ่มส่งอาหารถาม
ฉินยาตอบค่ะ
“นี่เป็นอาหารของคุณครับ” พนักงานหนุ่มยื่นกล่องอาหารให้กับเธอทีละกล่อง
ฉินยารับมาแล้วกล่าว “ขอบคุณค่ะ”
พนักงานหนุ่มแค่เพียงยิ้มให้ จากนั้นถือถุงใส่กล่องอาหารที่นำมาส่งแล้วจากไป
ฉินยานำกล่องอาหารมาจัดวางลงบนโต๊ะ จากนั้นเปิดออก
เดาว่าช่าวหยุนคงกลัวฉินยาไม่มีความอยากอาหาร จึงได้สั่งอาหารที่ค่อนข้างรสจืด แต่ว่าหลากหลาย มีทั้งหมดหกเจ็ดอย่างด้วยกัน
ซูจ้านแกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ “นี่คุณเป็นคนสั่งมาเหรอ”
ฉินยาตอบอืมกลับไป ไม่อยากจะไปอธิบาย
เพราะถ้าเธอบอกว่าช่าวหยุนเป็นคนสั่ง ซูจ้านจะต้องถามอย่างแน่นอนว่าช่าวหยุนอยู่เมืองB เหรอ
เธอบอกไม่อยู่
ซูจ้านก็อาจจะกล่าวอีกว่า เขาอยู่เมืองC ไกลขนาดนี้ยังจะสั่งอาหารให้คุณอีก
ซูจ้านมองเธอ ไม่เข้าใจทำไมเธอถึงไม่พูดความจริง จึงลนลาน “ฉินยา”
ฉินยาหันหน้ามา “หือ”
เขาคว้ามือของฉินยา “มานี่ซิ”
ฉินยาวางกล่องอาหารในมือลงแล้วเดินมา จากนั้นถามเขาเบาๆ “คุณเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ”
ซูจ้านส่ายหน้า “เปล่า” เขานิ่งไปชั่วครู่ แล้วโอบฉินยาเข้ามากอด “ผมกลัวจะสูญเสียคุณไป”
ซูจ้านจิตใจยังคงว้าวุ่น จึงยังกอดเธอไว้แน่นอยู่อย่างนี้
“คุณทานอะไรไปพลางๆนะ ฉันจะไปโทรศัพท์บอกคุณย่าให้ทราบก่อน ไม่อย่างนั้นเธอจะเป็นห่วงเอา” ฉินยาทำการลุกขึ้น ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวเร็ว กลัวไปกระแทกโดนบาดแผลของเขา
ซูจ้านกล่าว “เดี๋ยวค่อยโทรก็ได้ ส่วนอาหารเดี๋ยวค่อยทานก็ได้เหมือนกัน ตอนนี้ผมแค่อยากจะกอดคุณเท่านั้น”
ตอนที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในตอนนั้นเขาก็รู้สึกกลัวมาก กลัวว่าจะต้องตาย ในหัวสมองมีใบหน้าฉินยาแวบเข้ามา เขากลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเห็นหน้าของเธอได้อีกต่อไป
ฉินยาซบอยู่อ้อมกอดของเขาอย่างเงียบๆ
ซูจ้านรัดแขนแน่น “คุณรับปากผมนะ ไม่ว่าจะเวลาไหน ก็อย่าทิ้งผมไปไหนอีก ได้ไหม”
ฉินยาบอกได้ แล้วพูดกับเขาอย่างใจเย็น “ เอาล่ะ ที่นี่เป็นโรงพยาบาล คนอื่นเห็นเข้าจะดูไม่ดี คุณก็ควรทานอะไรหน่อยได้แล้ว”
ซูจ้านครุ่นคิด เธอยังไม่ได้ทานก็ปล่อยมือออกแล้ว