กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 765 วันหยุดพักผ่อนสามเดือน
ฉินยาลุกออกจากอ้อมกอดของเขา แล้วยกอาหารมา
ซูจ้านกล่าว “ผมไม่ทาน”
ฉินยายืนมองเขา “เป็นเพราะว่าเพิ่งตื่นเหรอ”
ซูจ้านกล่าว “มั้ง คอแห้งมาก”
ฉินยาวางอาหารลง แล้วไปรินน้ำอุ่นมาแก้วหนึ่งยื่นให้เขา
ซูจ้านรับมาแล้วแนบที่ริมฝีปากจากนั้นก็ดื่มลงไป เขารู้สึกคอแห้งจริง ๆ ดื่มน้ำลงไปหนึ่งแก้วถึงได้รู้สึกดีขึ้น
ฉินยารับแก้วเปล่ามา ซูจ้านเงยหน้ามองเธอ “อาหารเช้าคุณยังไม่ได้ทาน รีบทานสักหน่อยเหอะ”
ฉินยาวางแก้วน้ำลงแล้วนั่งอยู่หน้าโต๊ะ แต่ทว่ากลับไม่มีความอยากอาหาร มือของเธอถือตะเกียบจิ้มข้าวที่อยู่ในถ้วย โดยไม่มีการคีบอาหารมาใส่ปากแต่อย่างใด
เธอครุ่นคิดในใจอยู่สักพักแล้วกล่าวขึ้น “ฉันบอกกับคุณย่าแล้วว่าเห็นด้วย”
ซูจ้านได้ยินแล้วตอนที่นอนสลบอยู่ แต่การได้ยินจากปากของเธอเองในเวลานี้ ในใจกลับรู้สึกจี๊ดขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก
เดิมทีเธอไม่เห็นด้วย
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่ก็รู้สาเหตุของเรื่องนี้
แต่ตอนนี้เพื่อเขาแล้วเธอจึงเห็นด้วย
ซูจ้านอยากจะลงจากเตียง ฉินยาจึงเข้ามาพยุงเขา “คุณยังไม่หายดี ตอนนี้ยังลงจากเตียงไม่ได้”
ซูจ้านบอกไม่เป็นไร เขากล่าวคำขอบคุณไม่ออก สำหรับฉินยาแล้ว คำขอบคุณไม่สามารถชดเชยและบรรเทาเธอได้
สิ่งที่ทำได้ก็คือโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด แล้วบอกกับเธอว่าเธอนั้นมีที่ให้พักพิง
หลังจากที่ใจเย็นกันแล้ว ฉินยาได้โทรศัพท์หาท่านย่าบอกเธอว่าซูจ้านฟื้นแล้ว ทันใดนั้นท่านย่าก็อยากจะมาหาในทันที
ภายใต้การช่วยเหลือของพยาบาลได้มาถึงโรงพยาบาล เธอบอกว่าเธอสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่เพราะว่าวันนี้เสิ่นเผยซวนไม่มีเวลา จึงยังไม่ได้ไปช่วยเธอทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล ฉินยาบอก เดี๋ยวเธอไปทำให้เอง
ท่านย่าดึงมือของเธอ “ขอบใจนะ”
ซูจ้านเห็นพวกเขาดีกันแล้ว ในใจก็รู้สึกโล่งใจเบาไปไม่น้อย เขาจะได้ไม่ต้องรู้สึกลำบากใจ ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดใจที่คั่นอยู่ระหว่างกลาง จากนั้นกล่าวขึ้น “พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”
พลางพูดพลางหันมองฉินยา “เธอเสียสละเพื่อผมมามาก ต่อไปคุณย่าต้องดีกับเธอให้มาก ๆ นะ”
ดวงตาท่านย่าแดงก่ำอย่างอธิบายไม่ถูก จากนั้นมองถลึงใส่ซูจ้าน “ในสายตาแกฉันใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
เมื่อก่อนเธอนั้นชอบฉินยามาก ตอนนี้ก็ยังชอบเหมือนเดิม ในใจก็ยิ่งมีความรู้สึกผิดที่มากมาย เธอแบกรับความกดดันทั้งหมดไว้เพื่ออะไร ไม่ใช่เพื่อต้องการให้เขามีเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองหรอกหรือ
ตอนนี้ซูจ้านยังจะมาตำหนิเธออีกหรือ
ฉินยารีบช่วยซูจ้านแก้ต่าง “ซูจ้านไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ”
ท่านย่าปาดน้ำตา “ไม่ว่าเขาจะมีความคิดนี้หรือไม่ ฉันก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนใจดำ ฉันก็คงต้องยอมรับ เพราะว่าฉันไม่สนใจสุขภาพที่ไม่ดีของเธอ เรื่องที่อยากให้มีลูก มันเป็นความผิดของฉัน แต่……”
เธอมองฉินยาอย่างสูงส่ง “ฉันไม่เสียใจ แม้ว่าในใจเธอจะเกลียดฉัน ฉันก็จะต้องทำแบบนี้ ฉันไม่สามารถ……”
“หนูทราบค่ะ คุณย่าไม่ต้องพูดแล้ว หนูเข้าใจความรู้สึกของคุณย่า เพราะฉะนั้น หนูยินดีที่จะถอยหนึ่งก้าว” ฉินยาก้มหน้ามองซูจ้านที่นอนอยู่บนเตียง ตอนที่ไม่รู้ว่าเขาจะฟื้นตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่นั้น เธอพบว่าสิ่งที่พวกเธอทะเลาะถกเถียงกันนั้นเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก
ถ้าหากว่าไม่มีซูจ้านคนนี้แล้ว สิ่งที่ถกเถียงนั้นจะมีความหมายอะไร สิ่งที่เหลือไว้เกรงว่าคงจะมีแต่ความเสียใจ
เธอกลัวว่าตัวเองจะเสียใจ ดังนั้นในขณะที่ซูจ้านนอนสลบอยู่นั้น จึงได้เอ่ยคำพูดที่ยอมโอนอ่อน
บางครั้งเธอก็คิดไตร่ตรองอย่างละเอียด อันที่จริงหาคนก็ใช่ว่าจะไม่ได้ อย่างน้อยก็เหมือนอย่างที่ท่านย่าพูด ซูจ้านจะได้มีทายาทไว้สืบสกุล
เด็กก็จะเรียกเธอว่าแม่ ได้ชดเชยเธอในความรู้สึกของเธอที่ไม่สามารถเป็นแม่ได้
“เธอเป็นเด็กดีมาโดยตลอด” ท่านย่าตาแดงก่ำ
ฉินยาเงียบไม่เปล่งเสียง
เด็กดีหรือ
เธอไม่รู้สึกว่าตัวเองดี
ถ้าหากว่าดี ก่อนหน้านี้คงไม่เห็นแก่ตัว เอาแต่สนใจความรู้สึกของตัวเอง
เธอไม่ดี
เพราะว่าซูจ้านฟื้นขึ้นมาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีคนเฝ้าอีก ถ้าเกิดตรงไหนไม่สบายก็ให้กดปุ่มเรียกพยาบาลและคุณหมอได้ ฉินยาจึงไปช่วยท่านย่าทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล ค่าดูแลของพยาบาลในโรงพยาบาลก็ต้องชำระ คนรับใช้ในบ้านก็ออกไปแล้ว จึงต้องหาคนรับใช้คนใหม่
ท่านย่าไม่อาจขาดคนดูแลอยู่ข้างๆได้
ฉินยาไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ไม่รู้ว่าต้องไปหาได้จากที่ไหน จึงทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากหลินซินเหยียน หลินซินเหยียนเองตอนนี้ก็ไม่สามารถออกไปได้ จึงขอให้จงจิ่งห้าวช่วยจัดการ
จงจิ่งห้าวเองตอนนี้ก็ยุ่งมาก กวนจิ้งต้องการจะลาออก ครั้งนี้กวนจิ้งต้องการลาออกจริง ๆ บอกว่าเหนื่อย ต้องการอยากพักผ่อน
ในห้องสำนักงานของประธานว่านเยว่กรุ๊ป บรรยากาศเย็นยะเยือกมาพักหนึ่งแล้ว แม้แต่การหายใจก็เบามาก ยิ่งไม่กล้ามีคนเปล่งเสียง จงจิ่งห้าวมองใบลาออกที่กวนจิ้งยื่นมาให้ และจ้องมองอยู่นอนสองนาน
“คุณคิดดีจริง ๆ แล้วเหรอ” เขาเงยหน้าขึ้นเบา ๆ
กวนจิ้งกล่าว “ครับ คิดดีแล้ว ยุ่งมากจนไม่มีเวลาได้ผ่อนคลาย อยากจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย”
ตั้งแต่ที่กู้หุ้ยหยวนจากไป เขาก็มักจะนั่งเหม่อลอยในการทำงาน ครั้งก่อนก็เกิดความผิดพลาดจนบริษัทเสียหายสูญเสียเงินไปไม่น้อย เขาบอกไม่ถูกว่าตัวเองเป็นอะไร คือไม่สามารถที่จะรวบรวมสมาธิได้ อีกทั้งยังคิดถึงผู้หญิงคนนั้นอยู่เป็นประจำ
เขาใช้วิธีมากมาย แม้แต่การหาผู้หญิงสักคนหนึ่งมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ผล
เขารู้สึกว่าตัวเองต้องสงบสติสักพัก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เขาจะยิ่งทำผิดพลาดมากขึ้น
จงจิ่งห้าววางจดหมายลาออกไว้ข้างๆ
อนุญาตให้เขาออกไปพักผ่อนได้ แต่ไม่ได้เห็นด้วยกับการลาออกของเขา “ให้เวลาคุณหยุดพักผ่อนสามเดือน ไปเที่ยวให้สนุก ถ้าหากหลังสามเดือนแล้ว คุณยังยืนยันที่จะลาออก ผมค่อยปล่อยคุณไป”
กวนจิ้งรู้ว่าจงจิ่งห้าวตอนนี้ต้องการคน น้อยมากที่เขาจะเข้ามาในบริษัท หลินซินเหยียนใกล้จะถึงกำหนดคลอด เวลาของเขาส่วนใหญ่จึงอยู่โรงพยาบาลเสียมากกว่า
การไปตอนนี้ถือว่าค่อนข้างไม่สมควร แต่ว่าถ้าเขาอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีกะจิตกะใจทำงานให้ออกมาดี เขากล่าวเสียงเบาๆ “ในใจรู้สึกไม่ดีเลย”
“เอาเหอะ” จงจิ่งห้าวโบกมือปัด “คุณไปรับเงินที่แผนกการเงินก้อนหนึ่ง คุณไม่เคยลางาน เงินส่วนนี้บริษัทออกให้ก็แล้วกัน”
“แต่……” กวนจิ้งอยากบอกว่าไม่ต้อง เขายังทำให้บริษัทสูญเสียเงิน ไม่อาจจะรับเงินในส่วนนี้ได้ จงจิ่งห้าวโบกมือปัดด้วยความหงุดหงิด “ให้คุณก็รับไว้เหอะน่ะ อย่าเรื่องมาก”
กวนจิ้งจึงจำต้องรับไว้
เขากล่าว “อย่างนั้นผมไปก่อนนะ”
จงจิ่งห้าวยกมือโบกขึ้นหนึ่งครั้ง เวลานี้โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น เขากดรับสาย เป็นหลินซินเหยียนที่โทรเข้ามา