กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 767 บัตรเชิญงานแต่ง
เพราะว่าซูจ้านยังอยู่ที่โรงพยาบาล ฉินยาจึงต้องกลับไปดูแลซูจ้านที่โรงพยาบาล ดังนั้นจึงอยู่บ้านแป๊บเดียว ท่านย่ากล่าว “เธอไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ที่บ้านมีคนแล้ว”
ฉินยาพยักหน้า กำชับพี่เลี้ยงคนใหม่ให้เธอดูแลท่านย่าดี ๆ
“หนูจะดูแลอย่างดีค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” เฉินเสว่กล่าว
ฉินยาจึงจากไป กวนจิ้งที่ยังรออยู่ ได้ไปส่งเธอที่โรงพยาบาลก่อนแล้วถึงได้จากไป
เมื่อเธอไปถึงโรงพยาบาล พบว่าเสิ่นเผยซวนก็อยู่ด้วย เดิมทีเรื่องวันนี้เสิ่นเผยซวนต้องเป็นคนทำ แต่เมื่อผู้บัญชาการซ่งออกไป งานของเขาก็เลยมากขึ้น จึงต้องรอจนกว่าเลิกงานถึงได้มีเวลาออกมา
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลจึงได้รู้ว่าท่านย่านั้นทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลแล้ว เขาก็เลยมาเยี่ยมซูจ้าน
ซูจ้านบอกว่าซางหยูได้ดำเนินการเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว
เสิ่นเผยซวนถึงได้เบาใจแล้วนั่งลง จ้องมองเขา แล้วกล่าวเย้าหยอก “ไม่แสดงต่อแล้วเหรอ”
ซูจ้านยิ้มแหย “ถ้าแสดงต่อ ผมเกรงว่าจะไม่เหลืออะไรอีก”
“ยังไง ถูกจับได้เหรอ” เสิ่นเผยซวนไม่เข้าใจในความหมายของเขา
ซูจ้านก็พูดไม่ออกถึงสาเหตุ ก็คือกลัวที่จะสูญเสียอย่างอธิบายไม่ถูก “เปล่า……”
ทันใดนั้นฉินยาได้ผลักประตูเข้ามา ถามเขา “เปล่าอะไรเหรอ”
ซูจ้านกล่าว “เปล่า ก็แค่ถามเขาว่าเป็นไงบ้างกับชีวิตหลังแต่งงาน” เขาจงใจเปลี่ยนหัวข้อเรื่อง อีกทั้งยังเอาไปโยงกับตัวเสิ่นเผยซวนอีก
เสิ่นเผยซวน “……”
ฉินยากล่าว “พี่เสิ่นแต่งงานอย่างกะทันหัน ไม่ทันได้ตระเตรียมของขวัญเลย”
“ค่อยชดเชยให้ผมภายหลังก็ได้” เสิ่นเผยซวนกล่าว “คุณกลับมาแล้ว อย่างนั้นผมไปก่อนนะ”
เสิ่นเผยซวนลุกยืนขึ้น อยากจะให้พวกเขามีเวลาด้วยกันสองต่อสอง
ซูจ้านตั้งใจแซวเขา “เพราะที่บ้านมีคนรออยู่ใช่ไหมละ อยากจะกลับไปกอดเมียที่บ้านล่ะสิ”
เสิ่นเผยซวนอยากจะฉีกปากของเขา เขาทำเสียงฮึดฮัด “วันนี้ผมเห็นแก่หน้าของฉินยา จะไม่ถือสานาย”
ซูจ้านหัวเราะ “นายควรจะเห็นแก่หน้าที่ไม่สบายของผมไม่ใช่เหรอ ถึงได้ไม่ถือสา”
เสิ่นเผยซวนหัวเราะฮ่า ๆ “อย่างนายเหรอไม่มีหน้านั้นหรอก”
เมื่อพูดจบเขาก็กล่าวลากับฉินยาแล้วก็เดินออกจากห้องผู้ป่วยไป
ฉินยาเดินเข้ามาถามซูจ้านว่าดีขึ้นบ้างไหม
ซูจ้านบอกว่าดีขึ้นแล้ว เขาดึงฉินยามาแล้วให้เธอนั่งลงข้างๆเตียง “เหนื่อยไหม”
ฉินยาส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่เหนื่อย”
“ผมเห็นคุณค่อนข้างอิดโรย”
ซูจ้านดูออกว่าสีหน้าฉินยาไม่ค่อยสู้ดี หลายวันมานี้ไม่ได้พักผ่อนดี ๆ เขาถูไถอยู่ที่แขนของเธอ “เสี่ยวยา พรุ่งนี้พวกเราไปจดทะเบียนสมรสกันนะ จากนั้นพวกเรากลับบ้านกัน”
ครั้งก่อนจัดเพียงพิธีแต่งงาน ไม่ได้ไปจดทะเบียนสมรสด้วยกัน
“คุณยังไม่หายดี” ฉินยาให้เขาไม่ต้องคิดมาก
“ไม่เป็นไร พักรักษาตัวอยู่ที่บ้านก็เหมือนกัน เพียงแต่บาดแผลบนศีรษะค่อนข้างสาหัส แต่อีกไม่กี่วันก็มาเอาผ้าก๊อซออกได้แล้ว อยู่ที่โรงพยาบาลอุดอู้น่าเบื่อมาก”
“คุณหมออนุญาตหรือเปล่า” ฉินยากล่าว
ซูจ้านตอบกลับ “คุณหมออนุญาต ผมถามแล้ว”
ฉินยาบอกอย่างนั้นก็ตามใจคุณ
“เสี่ยวยา คุณช่างดีจังเลย” ซูจ้านจับมือของเธอมาวางไว้ที่ริมฝีปากแล้วหอมไปฟอดหนึ่ง “ผมไม่ได้ดูแลคุณเลย กลับยังต้องให้คุณมาดูแลผม มาเข้าใจผม ทำให้ผมรู้สึกผิด”
ฉินยาเม้มปาก ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าว “พวกเราไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันเหรอ ทำไมต้องเกรงใจฉันด้วยล่ะ ถ้าหากว่ารู้สึกผิดต่อฉันจริง ๆ อย่างนั้นก็ดีกับฉันให้มาก ๆ หน่อย”
ซูจ้านลุกขึ้นนั่ง ทำให้ไปกระตุกโดนบาดแผลบนร่างกาย รู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ออกมา เขาเอาศีรษะซุกเข้าไปในอ้อมกอดของฉินยา ฉินยาเองก็ไม่กล้าขยับตัวเขา กลัวจะไปโดนบาดแผลของเขา จึงได้แต่นั่งนิ่งๆแล้วกล่าว “ซูจ้าน คุณทำไมเหมือนเด็กเลย”
ซูจ้านใช้ใบหน้าถูไถอยู่ที่อ้อมกอดของเธอ “อย่างนั้นต่อไปก็มองผมเป็นเด็กแล้วกัน”
ฉินยา “……”
“พูดจาไร้สาระ” ฉินยาอดไม่ได้จึงหัวเราะขึ้น แล้วยื่นมือมาตบเข้าที่หลังของเขา โดยไม่ได้ใช้แรง แต่ซูจ้านยังคงพูดออดอ้อนออเซาะ “ตีเจ็บแล้ว นวดให้ผมเลย”
“ที่นี่เป็นโรงพยาบาล อย่างี่เง่า” ฉินยาให้เขาลุกขึ้นมา ซูจ้านก็ลุกขึ้นอย่างเชื่อฟัง “ผมให้พยาบาลเข้ามาเสริมเตียงให้ ตอนกลางคืนคุณจะพักผ่อนให้ดี ๆ หลายวันมานี้คุณคงพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ใช่ไหม ดวงตาช้ำไปหมดแล้ว”
ฉินยาตอบอืม
ในตอนค่ำฉินยานอนอยู่บนเตียงเสริม เนื่องจากสองสามวันมานี้ไม่ได้พักผ่อนดี ๆ ดังนั้นตอนกลางคืนจึงนอนหลับลึกมาก แต่ซูจ้านกลับนอนไม่หลับ เขาลงจากเตียงเดินมาที่ข้างเตียงของฉินยา อาศัยดวงไฟที่สลัวๆจ้องมองเธอ
เขารู้ดีว่า เรื่องการมีลูก ฉินยายอมถอยให้ แต่ในความเป็นจริงเธอนั้นทุกข์ใจอยู่
เขายื่นมือไปจับเส้นผมของเธออย่างอ่อนโยน จากนั้นค่อยๆยกมุมปากแล้วยิ้ม เธอยอมถอยให้ แสดงว่าเธอนั้นรักเขา แคร์เขา ทนเห็นไม่ได้ที่เขาถูกท่านย่าทรมาน
ตกดึก ซูจ้านนอนอยู่ข้างกายฉินยา
เวลานี้จงจิ่งห้าวเพิ่งจะสังสรรค์เสร็จ เดิมทีโครงการนี้กวนจิ้งเป็นผู้รับผิดชอบ แต่เนื่องด้วยกวนจิ้งลาออก จงจิ่งห้าวจึงไม่สามารถหาคนมาแทนที่เขาได้ทันท่วงที ตัวเองจึงต้องทำเอง
ดังนั้นจึงกลับดึก
เวลานี้หลินซินเหยียนยังไม่ได้นอน กำลังรอเขา กลางวันนอนเยอะไปหน่อย ตอนกลางคืนจึงยังไม่ง่วง
“ไม่ต้องรอผม คุณพักผ่อนเช้าๆ”
หลินซินเหยียนกล่าว “ที่ฉันรอคุณเพราะมีเรื่องจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไร” จงจิ่งห้าวถอดเสื้อคลุมออก แล้ววางพาดไว้กับพนักด้านหลังเก้าอี้ จากนั้นเดินมาถาม
หลินซินเหยียนหยิบบัตรเชิญที่อยู่บนโต๊ะยื่นให้เขา “คุณดูสิ”
ดูเหมือนจะเป็นบัตรเชิญงานแต่ง เพราะบัตรเชิญเป็นสีชมพู เขาเปิดออก เป็นบัตรเชิญงานแต่งจริง ๆ ด้วย วันเวลาคือพรุ่งนี้ เรียนเชิญเขากับหลินซินเหยียนให้ไปร่วม
เขาขมวดคิ้วขึ้น “ร่างกายของคุณ……”
“แต่ว่า ไม่ไปก็ดูไม่เหมาะสม” หลินซินเหยียนลืมตามองเขาด้วยตาปริบๆ
จงจิ่งห้าววางบัตรเชิญลง แล้วนั่งลงข้างเตียง เขาปลดคอเสื้อออก หลินซินเหยียนจึงยื่นมือไปช่วยเขาปลด “วันนี้คุณยุ่งมากใช่ไหม คุณดื่มเหล้าเหรอ”
จงจิ่งห้าวกล่าว “ดื่มนิดหน่อย งานสังสรรค์ ไม่ดื่มไม่ได้ กวนจิ้งต้องการลาออก จึงยังหาคนมาทำตำแหน่งงานแทนเขาไม่ได้”
หลินซินเหยียนตกใจ อยู่ดี ๆ ทำไมเขาถึงลาออก
เหตุผลที่แท้จริงจงจิ่งห้าวเองก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่ว่าดูจากจิตใจของเขาแล้วไม่ค่อยสู้ดี ทำงานเกิดความผิดพลาด เห็นทีเขาควรพักผ่อนสักหน่อยจริง ๆ
“คุณคิดเห็นอย่างไร” จงจิ่งห้าวดูออกว่าเธออยากไป
หลินซินเหยียนเองก็กังวล เพราะร่างกายตัวเองนั้นใช่ว่าจะดี และนี่ก็ใกล้จะถึงเวลากำหนดคลอดแล้ว
และตอนนี้จงจิ่งห้าวเองก็งานยุ่ง เธอไม่อยากจะสร้างปัญหาให้เขา
“พรุ่งนี้เช้าฉันจะโทรศัพท์ไปแต่เช้าตู่แล้วกัน” หลินซินเหยียนช่วยเขาถอดเสื้อออก “ไปอาบน้ำนอนเถอะ ดึกมากแล้ว”
จงจิ่งห้าวมองดูเธอที่เหม่ออยู่สักพัก สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร ลุกยืนขึ้นแล้วไปอาบน้ำ
เมื่ออาบน้ำเสร็จออกมา เห็นหลินซินเหยียนง่วงสะลึมสะลือจะนอนแล้ว แอร์เกิดไม่เย็นขึ้นตอนนี้ สงสัยเธอจะร้อน บนตัวจึงไม่ได้คลุมผ้าห่ม บนตัวเธอสวมใส่ชุดนอนกระโปรงสีขาว เธอนอนท่าหงาย ส่วนท้องจึงได้ชี้โด่ขึ้น เขาเดินเข้ามา โน้มตัวจับที่ท้องของเธอเบา ๆ
หลินซินเหยียนยื่นมือมาคว้าชายเสื้อของเขา
จงจิ่งห้าวจ้องมองมือของเธอแล้วกล่าว “นี่หมายความว่าอย่างไร ไม่ให้ผมจับเหรอ”
หลินซินเหยียนหัวเราะ ส่ายหน้าแล้วกล่าวเบาๆ “ไม่ใช่ แค่รู้สึกจั๊กจี้”