กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 774 เธอจะไม่เป็นอะไร
” มีเลือด ”
เฉินชือหานเห็นจากที่จงจิ่งห้าวอุ้มหลินซินเหยียนออกมา มีเลือดหยดลงมาตามขาของเธอ
เมื่อเหวินเสี่ยวจี้ได้สติแล้วก็เดินไปดู ปรากฏว่า ถึงแม้บางพื้นนั้นจะมีรอยเลือดไม่มาก แต่ไม่อยู่บนพื้นสีขาวแล้วก็ทำให้เห็นชัดสะดุดตา
เขาตกใจจนตัวสั่น อ้าปากค้างจนพูดไม่ออก
เป็นเฉินชือหานที่มีสติมากกว่า จึงใช้แรงผลักเรียกสติเขา” อาจจะเป็นเพราะใกล้จะคลอดแล้วก็ได้ พวกเรารีบไปดูเถอะ ไปดูว่าพอจะช่วยอะไรได้บ้างไหม? ”
เหวินเสี่ยวจี้จึงดึงสติกลับมา ก็รีบวิ่งตามไป แล้วพูดว่า ” เดี๋ยวผมขับรถเอง ”
จงจิ่งห้าวไม่รู้ว่าได้ยินหรือเปล่า แต่ไม่ได้ตอบกับเขา
เห็นเขารีบเดินด้วยความเร็วที่มี ใบหน้าไม่ได้รู้ตื่นตกใจอะไรมากมาย แต่ภายในใจของเขาแทบจะทำอะไรไม่ถูก ไม่แน่ดูเหมือนกับชายที่ดูพร้อมรับทุกสถานการณ์เหมือนอย่างที่เคยเป็น
แต่เมื่อลองสังเกตดีๆแล้วก็พบว่าก้าวเดินของเขานั้นเร็วจนขาแทบจะพันกันมั่ว
เมื่อเดินผ่านบริเวณจัดงานแต่งออกมาแล้ว ริมถนนก็มีรถที่พวกเขานั่งมาจอดอยู่
เมื่อเห็นว่าจงจิ่งห้าวเดินมาถึงแล้ว คนขับรถก็รีบเปิดประตูหลังโดยเร็ว พอเห็นเลือดบนตัวของหลินซินเหยียน ก็สะดุ้งตกใจ” คุณนาย…. ”
” รีบไปขับรถ! ”
จงจิ่งห้าวตะคอกออกมาด้วยความโมโห
คนขับรถจึงรีบขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับจากนั้นเริ่มสตาร์ทรถแล้วขับออกไปด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
หัวของหลินซินเหยียนมุดเข้าไปในอกของจงจิ่งห้าว มือของเธอกำปกคอเสื้อของเขาแน่น แต่ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ไม่สามารถบรรเทาความเจ็บปวดที่ท้องของเธอให้เบาลงได้
รู้สึกราวกับว่ามันมีคนเอาของแข็งบางอย่างมาเสียบเข้ากับเนื้อของเธอทั้งเป็น
สีหน้าของเธอดูทรมานจนแทบจะดูไม่ได้ จากที่ดูเขียวกลับเปลี่ยนเป็นเขียวช้ำกว่าเดิม ลมหายใจเริ่มหอบถี่ขึ้นเรื่อยๆ
จงจิ่งห้าวก็เธอเอาไว้ จากนั้นก็จบลงไปบนหน้าผาก ” ผมอยู่ตรงนี้ ผมอยู่ข้างๆคุณ เราใกล้จะถึงโรงพยาบาลแล้ว ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร….. ”
เหมือนเขากำลังพยายามพูดปลอบเธออยู่ และเหมือนก็กำลังปลอบใจตัวเองอยู่เช่นกัน เขารู้สึกว่าหัวใจของเขามันมีอะไรบางอย่างกดทับและบีบไว้อย่างหนาแน่น แม้แต่จะหายใจก็ยังรู้สึกทรมาน
ตอนนี้คอเสื้อของเขาเปียกชุ่มไปหมด เป็นเพราะน้ำตาและเหงือกของหลินซินเหยียน ตอนนี้หน้าผากของเธอมีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลซึมออกมาราวกับเม็ดน้ำแข็ง
” ฉัน…..ปวดมาก ” ริมฝีปากของเธอสั่นเครือ พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
จงจิ่งห้าวขอเธอเอาไว้แน่น ครั้งนี้รู้สึกว่ามือของเธอ เขานึกว่ามันคือเหงื่อ แต่พอก้มหน้าลงไปดูชายกระโปรงที่เธอทับเอาไว้ ก่อนหน้านี้มันเป็นสีขาว แต่ตอนนี้มันกลับทุกย้อมไปด้วยสีแดง
คนขับรถขับออกมาด้วยความเร็ว แม้แต่ไฟแดงตอนนี้ก็ฝ่ามาแล้วถึงสองครั้ง
จงจิ่งห้าวตะโกนเร่ง ” รีบๆหน่อย! ”
คนขับรถเหยียบคันเร่งแรงกว่าเดิม หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่ก็ไม่ทันจะได้เช็ด เพราะเอาแต่โฟกัสอยู่กับรถและถนนตรงหน้า
จงจิ่งห้าวประคองใบหน้าของเธอเอาไว้ แล้วจุมพิตลงบนริมฝีปากที่ขาวซีดนั้น ” ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ผมอยู่ตรงนี้ พวกเราใกล้จะถึงโรงพยาบาลกันแล้ว ”
สติของหลินซินเหยียนเริ่มเลอะเลือน ภาพที่เธอเห็นเขาตรงหน้าเริ่มจะเลือนราง ไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกับเขาเลย
ในที่สุดรถก็ขับมาถึงโรงพยาบาล คนขับรถรีบลงมาเปิดประตูหลังเพื่อที่จะให้จงจิ่งห้าวลงมาจากรถได้อย่างสะดวก แล้วเขาก็วิ่งเข้าโรงพยาบาลเพื่อไปเรียกคนออกมาช่วย
จงจิ่งห้าวอุ้มหลินซินเหยียนมาจนถึงโถงของโรงพยาบาล หมอก็รีบเข็นเตียงฉุกเฉินเข้ามา แล้วหมอก็บอกให้เขาวางคนไข้ลงบนเตียง
เขาโน้มตัวลงไปเพื่อวางร่างของหลินซินเหยียนบนนั้น หลินซินเหยียนจากปกคอเสื้อของเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เขาจึงต้องโค้งตัวแล้วเดินตามเตียงฉุกเฉินที่หมอเข็นไปในสภาพนั้น
มาถึงประตูทางเข้า หมอก็พูดขึ้นว่า” คนไข้ต้องผ่าตัดโดยด่วน คุณไม่สามารถเข้าไปได้ค่ะ….. ”
จงจิ่งห้าวจึงพูดว่า ” ผมจะไม่รบกวนพวกคุณหรอก…. ”
หลินซินเหยียนปล่อยมือ ก่อนจะส่ายหัวด้วยท่าทีอ่อนแรง เหมือนเธอจะบอกเป็นนัยว่าไม่ต้องเข้าไป
หมอพาตัวหลินซินเหยียนเข้าไปข้างใน แม้จงจิ่งห้าวอยากจะจับมือของเธอสักครั้งก็ไม่ทัน
” กรุณารอข้างนอกนะคะ ” หมอหันตัวเข้าไปในห้องผ่าตัด และรีบปิดประตูทันที
ไฟบอกสถานะบนมุมขวา เป็นสีแดงสว่างขึ้นมา เพื่อเป็นการบอกว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนการผ่าตัด ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไปรบกวน
จงจิ่งห้าวยืนอยู่หน้าประตูห้องผ่าตัด ราวกับคนไร้จิตวิญญาณ ไม่ได้ขยับไปไหน
คนขับรถที่ยืนอยู่ข้างๆก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
สิบนาทีให้หลัง เหวินเสี่ยวจี้ก็รีบพาคนทั้งครอบครัวมาที่นี่ หลี่จิ้งพยุง รีบเดินเข้ามาด้วยความเร็ว เหวินเสี่ยวจี้กับเฉินชือหานเดินเร็วกว่า และพวกเขาก็มาถึงทั้งสองที่อยู่หน้าห้องผ่าตัด
” ส่งตัวเข้าไปผ่าตัดแล้วเหรอครับ? “เขาถามขึ้นมา
เวลานี้จงจิ่งห้าวไม่มีกะจิตกะใจจะตอบคำถามอะไรทั้งนั้น
เป็นคนขับรถที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงซึมๆแทน ” เข้าไปผ่าตัดแล้วครับ ”
ทุกคนต่างรออยู่หน้าห้องผ่าตัดอยู่แบบนั้น
เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ทุกวินาทีผ่านไปยังทรมาน
จากนั้น โทรศัพท์ของคนขับรถก็ดังขึ้น
เขาจึงรีบเดินออกไปรับโทรศัพท์อีกฝั่งหนึ่ง เป็นสายของจวงจื่อจิ่นที่โทรเข้ามา ปกติแล้วที่เธอส่งข้าวมาที่โรงพยาบาลก็จะเป็นคนขับรถที่คอยรับส่ง จึงมีเบอร์โทรศัพท์ของคนขับรถ จะได้ง่ายต่อการติดต่อ เหมือนวันนี้หลินซินเหยียนออกไปข้างนอกสักพักแล้ว เธอเลยโทรศัพท์หาคนขับรถเพื่อถามไถ่ ว่าใกล้จะกลับกันหรือยัง
คุณขับรถคิดในใจว่ายังไงเสียจวงจื่อจิ่นก็เป็นแม่ของหลินซินเหยียน เขาจึงควรจะบอกเรื่องนี้กับหล่อนด้วย จึงพูดออกไป ” เรากลับมาถึงแล้ว ดูเหมือนว่าคุณนายเหมือนจะคลอดแล้ว ตอนนี้ข้อมูลผ่าตัดไปแล้วครับ แต่ว่าสถานการณ์โดยรวมยังไม่ค่อยแน่ชัดเท่าไหร่… ”
ร่างกายของจวงจื่อจิ่นโคลงเคลงเหมือนจะเป็นลม ” สถานการณ์ไม่แน่ชัดหมายถึงอะไร? ”
คนขับรถก็พูดต่อ ” พวกเราอยู่ห้องผ่าตัดชั้นหก ท่านรีบมาเถอะครับ ”
เขาก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน
จวงจื่อจิ่นวางโทรศัพท์แล้วก็รีบเดินออกมาจากห้องผู้ป่วยทันที
เมื่อหล่อนมาถึงหน้าประตูของห้องผ่าตัด ก็เห็นว่ามีครอบครัวตระกูลเหวินอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้ทักทายอะไร แล้วก็ตรงดิ่งไปยังตัวของจงจิ่งห้าวที่อยู่ใกล้ห้องผ่าตัดมากที่สุด
เมื่อเห็นว่าเสื้อเชิ้ตสีขาวกับมือของเขา เต็มไปด้วยรอยเลือดสีแดงที่แห้ง จนเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม
เธอก็พอจะเข้าใจแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงพยายามสงบใจที่ว้าวุ่นเอาไว้ แล้วรีบปลอบขวัญเขา ” เหยียนเหยียนน่ะ เรื่องลำบากมากมาย เรื่องแย่ๆที่แกควรเจอ ตอนเด็กแกก็ได้เจอมันทั้งหมดแล้ว หลังจากนี้ก็จะมีแต่เรื่องดีๆ แกจะไม่เป็นไร คุณก็อย่ากังวลไปเกินควรเลย ตอนนี้รีบไปล้างมือเถอะ อีกสักพักเหยียนเหยียนออกมา เห็นสภาพคุณเป็นแบบนี้ แกคงจะไม่ดีใจหรอกนะ “