กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 784 อาถูกหมากัด
“มีค่ะๆ คุณมาส่งอะไรหรือคะ” เฉินเสว่เหลือบมองกล่องอาหารที่เขาถือแวบหนึ่ง
คนส่งอาหารเดลิเวอรี่เอ่ยว่า “อ่อ ถ้าอย่างนั้นรบกวนให้เธอมาเซ็นชื่อรับสักหน่อยครับ”
ซูจ้านเดินเข้ามาเอ่ยว่า “ผมเซ็นเอง
คนส่งอาหารเดลิเวอรี่ส่งกล่องอาหารและใบเซ็นรับของให้ ซูจ้านรับมาแล้วเซ็นชื่อ เมื่อรับกล่องไปแล้วก็ถามว่า “ใครเป็นคนสั่งซื้อหรือครับ”
“เรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบเช่นกันครับ” คนส่งอาหารเดลิเวอรี่ถือใบเซ็นรับของแล้วก็หมุนตัวจากไป
ซูจ้านเดินถือกล่องอาหารเข้ามาวางไว้บนโต๊ะแล้วเปิดออก
ฉินยาค่อยๆหันหน้ามา ถามว่า “นี่คืออะไรคะ”
“……ของกินน่ะ” เปิดกล่องแล้ว ซูจ้านก็นำสิ่งที่อยู่ด้านในออกมา ล้วนเป็นของหวานชิ้นเล็กทำอย่างประณีต กระทั่งกล่องบรรจุก็ยังสวยงามมาก มองดูแล้วแต่ละสิ่งผ่านการทำและห่อด้วยความเอาใจใส่
“เป็นของหวาน ไม่ใช่ว่าคุณอยากทานของหวานหรือ ลองชิมสักอันก่อน” ซูจ้านดีใจมาก ฉินยาอยากกินของหวาน ก็มีคนส่งมาให้ แม้ว่าจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมาก็ตาม
ซูจ้านหยิบขนมที่ดูแล้วค่อนข้างทำให้เกิดความอยากอาหารขึ้นมาสองชิ้น
ฉินยาไม่ได้เลือกในทันที แต่ถามว่า “ใครส่งมาหรือคะ”
“ผมถามแล้ว คนส่งอาหารเดลิเวอรี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน จะเป็นพี่สะใภ้ที่รู้ว่าวันนี้คุณทำการผ่าตัดเลยส่งมาให้หรือไม่” ซูจ้านเอ่ยเดา คนรอบข้างก็มีเพียงแค่ไม่กี่คน
แพขนตาฉินยากระพริบ แต่ก็คิดถึงคนอื่นไม่ออก เธอถูกท่านย่าทำให้หมดความอยากอาหาร “ตอนนี้ฉันยังไม่อยากกิน อยากพักสักหน่อยค่ะ”
ซูจ้านเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว จึงเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณพักผ่อนเถอะ ผมจะรอคุณอยู่ข้างนอก”
ท่านย่าให้เฉินเสว่เข็นตัวเองออกไปแล้ว
ซูจ้านปิดประตูห้องและนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ด้านนอก
ฉินยาเหนื่อยมาก สะลึมสะลือคิดจะนอน ตอนนี้เองที่โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะมีเสียงดังขึ้น เธอไม่ขยับ และไม่ได้หยิบมาดู ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้ยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือ เป็นข้อความที่ช่าวหยุนส่งผ่านมาทางเวยซิ่น
ข้อความแรกเป็นภาพเคลื่อนไหว สุนัขที่มีท่าทางได้รับความตื่นตระหนกตัวหนึ่ง ข้อความด้านล่างคือ [ได้รับของที่อาส่งไปแล้วหรือยัง]
ฉินยาตอบ [คุณอาส่งอะไรมาหรือคะ?]
[ของหวานไง ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก็ส่งข้อความให้เธอ เธอไม่ได้บอกหรือว่าวันนี้จะ……อาได้ยินมาว่าทำสิ่งนั้นผู้หญิงลำบากมาก อาจึงซื้อของหวานให้เธอ เธอจะได้ไม่ลำบาก เธอไม่ได้รับหรือ?]
ฉินยามองไปทางขนมหวานที่หน้าตาสวยประณีตหลายชิ้นที่วางอยู่บนโต๊ะ รู้สึกอบอุ่นในใจ ตอนที่คนเราอ่อนแอแล้วถูกคนคิดถึงและเป็นห่วงนั้น จะรู้สึกพึงพอใจและตื้นตันใจได้ง่ายมาก
เธอยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ตอบว่า [ได้รับแล้วค่ะ]
[หวานไหม]
ฉินยาตอบกลับอย่างรวดเร็ว [หวาน]
ต่อมาเธอก็เสริมอีกประโยคหนึ่ง [หวานมากค่ะ]
ช่าวหยุนส่งภาพถังซัมจั๋งกุมใบหน้าตัวเองขณะร้องไห้มา ด้านล่างเขียนว่า ‘หน้าตาดีมีความผิดอะไร’
ฉินยายิ้มเมื่อเห็นหน้าจอ
ช่าวหยุนส่งข้อความมาอีกหนึ่งข้อความ [อาถูกหมากัด]
ฉินยารีบตอบกลับว่า [ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ]
[ไม่เป็นไร อากัดหมาตัวนั้นตายไปแล้ว]
ฉินยา [……]
[ฮ่าๆ อาดุร้ายกว่าหมาอีกใช่ไหม]
ฉินยายิ้มขณะที่จ้องหน้าจอ รู้สึกว่าอารองตลกมาก
[ปกติน่ะ อย่ารู้สึกกดดันล่ะ นี่มันศตวรรษที่ 21 แล้ว ไม่มีลูกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ดูสิว่ามีดารามากขนาดไหนที่เป็นครอบครัวที่ไม่มีลูก อย่ารู้สึกกดดันเด็ดขาดล่ะ ได้ยินไหม?]
ฉินยากุมจมูก รู้สึกว่าแสบจมูกแปลกๆ เธอสูดจมูกแล้วตอบกลับว่า [ค่ะ]
[ครั้งที่แล้วเธอออกแบบชุดเดรสให้กับคุณนายท่านหนึ่ง เมื่อวานนี้คุณนายท่านนั้นมาที่ร้าน ระบุชื่อว่าต้องการพบเธอ อาบอกว่าเธอยุ่งอยู่ นี่ถือว่าเป็นการยอมรับเธอนะ เธอเก่งที่สุดเลย!]
ฉินยาจ้องมองหน้าจอโดยไม่พูดอะไร
ผ่านไปครู่หนึ่งช่าวหยุนก็ส่งมาอีกว่า [พักผ่อนให้ดีๆ มีเรื่องอะไรที่เศร้าใจ ก็มาคุยกับอา อารองของเธอมีเวลาตลอด]
ฉินยาตอบ [ค่ะ]
เธอถือโทรศัพท์มือถือไว้ครู่หนึ่งถึงค่อยวางลง
คฤหาสน์
จงจิ่งห้าวจัดการงานในมือเรียบร้อย ยกเลิกงานเลี้ยงสังสรรค์ไปสองงานแล้วก็กลับบ้าน
เหยียนซีกับเหยียนเฉินไปโรงเรียนแล้ว
ช่วงเวลากลางวันผู้ใหญ่หลายคนในบ้านจึงล้อมอยู่รอบตัวเด็กน้อยคนหนึ่ง
โดยเฉพาะป้าหยูที่ชื่นชอบเป็นอย่างมาก
จงฉีเฟิงก็เช่นกัน สิ่งที่ไม่ได้ทำให้เหยียนเฉินและเหยียนซีในวัยเด็กล้วนชดเชยให้กับเด็กคนนี้แทน
เด็กเล็กขนาดนี้จึงมีช่วงเวลานอนค่อนข้างมาก แต่ว่าป้าหยูไม่มีเรื่องอะไรทำก็ชื่นชอบที่จะอุ้มเอาไว้ ทุกครั้งจงฉีเฟิงล้วนพูดว่า “คุณไปชงนม ผมจะอุ้มเอง”
หลานชายหลานสาวที่โตแล้วล้วนไปโรงเรียน ส่วนที่ยังเล็กอยู่ก็ให้เขาดูแล
หลังจากนั้นป้าหยูก็ส่งเด็กให้เขาด้วยท่าทางไม่ดีใจนัก
เด็กหลับไปแล้ว? จะกินนมผงอะไรกัน ก็แค่อยากจะเอาไปอุ้มเองเท่านั้น
จวงจื่อจิ่นทอดถอนใจกับหลินซินเหยียน “ตอนนี้คิดๆดูแล้วเหยียนเฉินกับเหยียนซีน่าสงสารมากแค่ไหน ตอนลูกยุ่ง แม่ก็ดูแลพวกเขาสองคนเองคนเดียว จะมีเวลาไปอุ้มเสียที่ไหน ตอนที่โตขนาดนี้ก็ผ่านคืนวันด้วยการอยู่บนเตียงแล้ว”
เธอต้องอาศัยช่วงที่เด็กๆหลับไปแล้วซักผ้าอ้อมและเสื้อผ้าที่เด็กๆแหวะนมใส่ บางครั้งทั้งสองคนตื่นขึ้นมาพร้อมกันก็ร้องไห้ด้วยกัน มือหนึ่งอุ้มอีกมือหนึ่งโยก
มองดูภาพนี้ที่คนทั้งครอบครัวล้วนเคลื่อนอยู่รอบเขาคนเดียว
หลินซินเหยียนยื่นมือไปจับมือของจวงจื่อจิ่นเอาไว้ พลางเอ่ยว่า “แม่ละ ลำบากแม่แล้ว ที่ต้องช่วยหนูเลี้ยงพวกเขาทั้งสองคนจนโต”
“แม่ไม่ใช่แม่ของลูกหรือ พูดจาราวกับเห็นเป็นคนนอกอะไรกัน?”
หลินซินเหยียนยิ้ม เธอหยิบกระเป๋า “อย่างนั้นหนูไปแล้วนะคะ”
วันนี้เป็นวันที่ฉินยาไปโรงพยาบาล เธอต้องไปเยี่ยมสักหน่อย ฉินยาไม่มีญาติพี่น้องอยู่ในประเทศ เธอก็คือญาติของฉินยา
จวงจื่อจิ่นเอ่ยว่าได้ “เพิ่งจะออกจากการอยู่เดือน ระมัดระวังตัวเองด้วยนะ”
หลินซินเหยียนบอกว่ารู้แล้วค่ะ
เธอออกไปนอกประตู คนขับรถก็รออยู่แล้ว เมื่อเห็นเธอออกมา คนขับรถก็เปิดประตูให้ เธอโค้งตัวเข้าไปนั่ง
ผ่านไปไม่นาน เสียงประตูบ้านก็ดังขึ้น จวงจื่อจิ่นเก็บเสื้อผ้าของเด็กน้อยที่ซักแล้ว นึกว่าหลินซินเหยียนลืมอะไร ถึงได้กลับมา ก็หันหน้ามาเอ่ยว่า “ลืมหยิบของหรือ…..”
ยังไม่ทันจะเอ่ยจบก็เห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือจงจิ่งห้าว คำพูดที่เหลือจึงถูกกลืนกลับลงไป เปลี่ยนเป็นเอ่ยว่า “กลับมาแล้วหรือ”
จงจิ่งห้าวตอบครับ
“วันนี้กลับมาเร็วครับ” จงจิ่งห้าวเอ่ย
จงจิ่งห้าวบอกว่าไม่ยุ่ง เขาเปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินไปทางจงฉีเฟิงที่อุ้มหลานชายอยู่หน้าบานหน้าต่าง
เขายื่นมือ “ให้ผมอุ้ม”
จงฉีเฟิงมองเขา ถามว่า “ล้างมือหรือยัง”
จงจิ่งห้าว “……..”