กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 792 เลือกพูดความจริงหรือเลือกรับคำท้า
“ซางหยู” เพื่อนๆต่างเดินเข้ามา
ซางหยูจับมือของเสิ่นเผยซวนไว้แน่น แล้วกล่าวกับเขาเบาๆ “เพื่อนๆของฉันค่อนข้างจะเป็นกันเองกัน บางทีอาจทำให้คุณรู้สึกไม่ชิน”
เสิ่นเผยซวนจับมือเธอแน่นขึ้นถือว่าเป็นการตอบกลับ เพียงกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเขาสามารถรับมือได้
เขามีรูปร่างสูงที่สุด จึงดูโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดท่ามกลางเพื่อนๆนักศึกษาของซางหยู
ซางหยูแนะนำเสิ่นเผยซวนให้กับเพื่อนๆนักศึกษา “นี่คือ……”
“สามีล่ะสิ” คำพูดของเธอยังไม่ทันจบ ก็ถูกเพื่อนพูดแทรกขึ้น พูดแทรกเสร็จยังมองสำรวจเสิ่นเผยซวนตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นถอนหายใจเฮ้อ “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ซางหยูยังไม่ทันเรียนจบมหาวิทยาลัยก็รีบร้อนแต่งงาน นี่คงกลัวชักช้าแล้วจะพลาดหลุดมือ”
“เป็นผมที่รีบร้อนแต่งงานกับเธอเองครับ กลัวชักช้าแล้วจะไม่ได้แต่งงานกับเธอ” เสิ่นเผยซวนกล่าว
ว้ายๆ——
เพื่อนๆหลายคนร้องโห่ขึ้น
ซางหยูเม้มปากเงยหน้าขึ้นมองเขา
ไม่รู้ว่าทำไม ได้ยินคำพูดของเขาแล้วในใจรู้สึกอบอุ่นมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก
“พวกเธอเลิกแซวกันได้แล้ว” ซางหยูยิ้ม จากนั้นกล่าวกับเสิ่นเผยซวน โดยชี้ไปยังเพื่อนนักศึกษาหญิงที่พูดเมื่อสักครู่ “เธอคือเพื่อร่วมหอของฉันชื่อเฉินหนาน”
“สวัสดีครับ” เสิ่นเผยซวนทักทาย
จากนั้นซางหยูก็ทำการแนะนำเพื่อนๆนักศึกษาให้ทีละคนๆ สุดท้ายเสิ่นเผยซวนได้กล่าวว่า “ขอบคุณพวกคุณที่ดูแลซางหยู และยังคงต้องรบกวนพวกคุณดูแลเธอต่อไป”
ทุกคนกล่าว “พวกเราเป็นทั้งเพื่อนในห้องและนอกห้อง ก็ต้องย่อมดูแลกันและกัน และอีกอย่างพวกเราก็ไม่ได้ดูแลเธออะไรเลย”
เพื่อนนักศึกษาชายที่ชื่อหลี่หย้ากล่าวขึ้น “พวกเราไปทางนั้นกันเถอะ ตรงนั้นมีบาร์บีคิว วันนี้ออกมาตั้งแคมป์ นำของมาไม่น้อย”
เมื่อแนะนำเสร็จ ทุกคนก็เดินเข้าไป
รอให้เหล่าเพื่อนนักศึกษาเดินไปอยู่ด้านหน้า ซางหยูที่จงใจเดินอยู่ด้านหลังได้ดึงเสิ่นเผยซวนให้หยุด จากนั้นกล่าวเบาๆ “คุณอึดอัดไหม”
เธอรู้ว่าเสิ่นเผยซวนไม่ใช่คนเฮฮาเสียงดัง แต่เพื่อนๆของเธอนั้นเฮฮาเสียงดังกันมาก ขี้เล่นชอบหยอกล้อ กลัวว่าเขาอยู่ที่นี่แล้วจะอึดอัด
เธอหงุดหงิดในใจ ถ้ารู้อย่างนี้เธอก็คงไม่ออกมา และตอนนี้ก็คงนั่งอยู่บ้านดูทีวี เขายังสามารถได้พักผ่อน ดีแค่ไหน
เฮ้อ เวลามีค่าเงินตราไม่อาจซื้อ หากรู้อย่างนี้ก็คงไม่ออกมา
เสิ่นเผยซวนโน้มตัวไปกระซิบเบาๆข้างใบหูเธอ “เพื่อนของคุณดูแล้วน่าจะใจดี ไม่มีอะไรที่น่าอึดอัดเลย”
ซางหยูยิ้ม
“เฮ้ย พวกเธอคุยอะไรกัน รีบเดินมาสิ มีเรื่องลับอะไรก็กลับไปกระซิบกระซาบกันที่บ้าน ที่นี่มีเแต่คนโสด ความรักสวีทเกินไปจะถูกลงโทษเอานะ”
ซางหยูกับเสิ่นเผยซวนจึงเดินเข้ามา ทุกคนหลีกที่นั่งให้กับเธอ ข้างๆมีหม้อแบตเตอรี่ขนาดเล็กที่ใช้ในการให้แสงสว่าง กำลังวัตต์หลอดไฟสูงแสงจึงสว่างมาก
ในจานคือบาร์บีคิวที่ปิ้งเสร็จ
เสิ่นเผยซวนอายุมากสุด และก้าวไปสู่สังคมใหญ่แล้ว ส่วนพวกเขายังเป็นเพียงนักศึกษา จึงเรียกเขาอย่างนอบน้อมว่าพี่เสิ่น ในมือของหลี่หย้าถือกระป๋องสไปรท์และกระป๋องโค้กอย่างละหนึ่ง จากนั้นถามเสิ่นเผยซวนว่า “พี่เสิ่น จะดื่มอะไรดีครับ”
เสิ่นเผยซวนกล่าว “อะไรก็ได้”
หลี่หย้ากล่าว “อย่างนั้นโค้กให้พี่ครับ”
เสิ่นเผยซวนตอบครับ
การมาตั้งแคมป์ไม่มีอะไรมากไปกว่าการพูดคุยเฮฮาดื่มกินกันตามประสา สิ่งที่เหล่านักศึกษาคุยสนทนากันก็เกี่ยวกับเรื่องการเรียน หรือไม่ก็เรื่องการหางานทำในอนาคต เสิ่นเผยซวนไม่รู้จะพูดอะไรจึงได้แต่ฟังอย่างเงียบ ๆ ไม่หงุดหงิดรำคาญ และฟังอย่างตั้งใจ
แต่ก่อนตัวเองก็เคยผ่านช่วงอายุนี้มา ฟังพวกเขาคุยสนทนาแล้วก็รู้สึกใจหาย
ใจหายที่เวลาผ่านไปเร็ว
ซางหยูใส่ใจความรู้สึกของเขาอย่างมาก คอยแตะเขาเป็นระยะ ๆ หรือไม่ก็ตั้งใจจับที่มือของเขา
“พวกเรามัวแต่คุยกันจนเพลินลืมพี่เสิ่นไปเลย เอาอย่างนี้พวกเรามาเล่นเกมกันดีไหม”
“เกมอะไร”
“เกมเลือกพูดความจริงหรือเลือกรับคำท้า เป็นไง”
“ได้สิได้”
เมื่อคำเสนอนี้ถูกเห็นชอบ ก็เริ่มเล่นเกมกัน ทุกคนช่วยกันหาช้อนมาหนึ่งคัน แล้วหงายจาน วางช้อนลงจากนั้นหมุนสองครั้ง ช้อนชี้ไปที่ใคร สองคนนั้นจะต้องเป่ายิ้งฉุบ คนที่แพ้ต้องตอบคำถามคนที่ชนะ และจะต้องตอบความจริงด้วย
ทุกคนต่างก็อยากจะตั้งคำถามเสิ่นเผยซวนกับซางหยู แต่เสียดายที่สองครั้งแรกไม่ได้หมุนชี้ไปที่พวกเขา
รอบแรกเป็นหวางทิงเสว่กับเพื่อนนักศึกษาชายคนหนึ่ง ตอนที่เปายิ้งฉุบนั้นเพื่อนนักศึกษาชายแพ้ หวางทิงเสว่จึงได้ถามขึ้น “นายมีแฟนมาแล้วกี่คน”
เพื่อนนักศึกษาชายคนนั้นตอบอย่างไม่ปิดบัง “สี่คน”
“ผมยังไม่มีสักคนเคย นายมีสี่คนแล้วเหรอ” มีเพื่อนนักศึกษาที่คาดไม่ถึง
หวางทิงเสว่ก็แซวขึ้น “นายอายุเท่าไหร่เนี่ย มีแฟนแล้วถึงสี่คน มีตั้งแต่อายุสิบหกเหรอ ปีละคน ถึงปีนี้สี่คนพอดี”
เพื่อนนักศึกษาชายหัวเราะ
“โอเค ๆ ต่อ ๆ”
มีคนรีบร้อนอยากจะเล่นเกมต่อไป หวางทิงเสว่บ่น “รู้อย่างนี้จะถามให้มันโหดกว่านี้”
ในใจคิดถ้าเกมนี้เธอยังชนะอีก จะต้องถามว่าคนแพ้ว่ามีอะไรกันครั้งแรกตอนอายุเท่าไหร่ฮ่า ๆ——
แต่เมื่อเห็นเสิ่นเผยซวนกับซางหยู เธอก็หยุดความคิดนั้นทันที อันที่จริงสาระสำคัญของเกมนี้ คือการล้วงถามความลับเพื่อทำให้ทุกคนสนุกสนาน แต่เสิ่นเผยซวนอยู่ที่นี่ด้วย เธอก็เลยอายที่จะถาม
ในนี้เสิ่นเผยซวนคือผู้หลักผู้ใหญ่ พวกเขาเด็กกว่า ไม่กล้าจะลามปาม กลัวจะทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นบ้าบอ ไม่รู้จักสงวนท่าที
รอบนี้เป็นเพื่อนนักศึกษาชายคนหนึ่งกับซางหยู
ซางหยูแพ้
เพื่อนนักศึกษามองเสิ่นเผยซวนแวบหนึ่ง ยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “ตอบความจริงนะ จูบแรกของเธอนั้นกับใคร”
จากนั้นสายตาทุกคนต่างจ้องไปที่เธอ
เสิ่นเผยซวนสงบใจเย็นมาก
ซางหยูเตรียมตัวไว้ตั้งแต่แรกแล้ว รู้ว่าทุกคนจะต้องตั้งคำถามแบบนี้ เธอยิ้มมองเสิ่นเผยซวนแวบหนึ่งแล้วตอบ “กับสามีฉันเอง”
“ชิ——”
ทุกคนถอนหายใจอย่างผิดหวัง กะว่าจะล้วงถามความลับอะไรมาได้
จนกระทั่งรอบที่ห้าถึงได้หมุนไปโดนเสิ่นเผยซวน เพื่อนๆนักศึกษาต่างคึกคัก อยากจะให้การหมุนรอบต่อไปชี้มาที่ตัวเอง จะได้ตั้งคำถาม
รอบนี้ชี้มาที่หลี่หย้า เขาหัวเราะแหะๆ “พี่เสิ่นโปรดเมตาด้วย”
เสิ่นเผยซวนกล่าว “ผมเล่นไม่เป็น ผมยอมแพ้เลยแล้วกัน”
“ได้ ถ้าพี่ยอมแพ้ พี่ก็ตอบพวกผมหนึ่งคำถาม”
“ยอมแพ้แล้วยังต้องตอบคำถาม อย่างนั้นสู้ไม่ยอมแพ้ดีกว่า”
จากนั้นหลี่หย้าจึงเป่ายิ้งฉุบกับเสิ่นเผยซวนด้วยอารมณ์ที่ต้องชนะ
และแล้วเขาก็ชนะจริง ๆ มองเสิ่นเผยซวนยิ้มแก้มปริ “พี่เสิ่น พี่จะต้องตอบความจริงนะ”
เสิ่นเผยซวนพยักหน้า “นายถามมาได้เลย”
เพื่อนๆต่างเสนอคำถามให้หลี่หย้า คนนี้เสนอที คนนั้นเสนอที
“ถามพี่เขาว่าจูบแรกตอนอายุเท่าไหร่”
“ไม่ ถามพี่เขาว่าก่อนนอนทุกคืนในใจคิดถึงใคร”
“ถามพี่เขาว่าตอนนอนน้ำลายไหลหรือเปล่า”
“ถามพี่เขาว่าชอบยกเท้ามาแคะเล่นไหม”
หลี่หย้าส่ายหน้ากล่าว “คำถามเหล่านี้ล้วนไม่เข้าท่า คิดใหม่ๆ”
เสิ่นเผยซวนกุมขมับอย่างเพลียใจ เด็กพวกนี้ดื้อจริง ๆ
“ฉันคิดออกมาได้อันหนึ่ง” หวางทิงเสว่พูดขึ้นกะทันหัน
จากนั้นทุกคนก็ยื่นหน้าเข้ามาฟัง อยากรู้ว่าเธอจะถามอะไร