กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 801 เอารอยของฉันไปไว้บนหัวใจของคุณ
【ทำไมไม่ดีใจล่ะ? ซูจ้านรังแกคุณเหรอ?】
ฉินยามองที่โทรศัพท์มือถือ นิ่งเงียบไปสักพักใหญ่ค่อยพูด【ไม่มีอะไร】
ความไม่สบายใจของเธอ ไม่ใช่เพราะซูจ้าน แต่ก่อเกิดจากสภาพแวดล้อม ถึงแม้ว่าจะห่างออกมาจากท่านย่าแล้ว แต่ในที่สุดก็เป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่กั้นระหว่างเธอกับซูจ้าน
ลูกยังไงก็ตัดกันกับพวกเขาไม่ขาด
ช่าวหยุนส่งท่าทางไม่มีทางเลือกมาให้
สักพักช่าวหยุนก็ส่งเสียงพูดสั้นๆมาให้ ฉินยารู้สึกดีขึ้นมาหน่อย คิดว่าช่าวหยุนอยากจะพูดอะไรกับเธอ จากนั้นนึกไม่ถึงว่าจะเป็นเพลง
ท่อนเพลงหลักมาจากบางส่วนของเพลงคลาสสิคที่ตือโป๊ยก่ายแบกภรรยาในเรื่อง Journey to the west
เวลานั้นฉินยาหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ออก
หน้าจอก็มีข้อความแสดงขึ้นมาอีกหนึ่งข้อความ【ตือโป๊ยก่ายแบกซุนหงอคงออกจะดีใจขนาดนั้น คุณมีสามีสุดหล่อขนาดนี้ยังจะไม่มีความสุขอยู่อีกได้ยังไง】
ฉินยาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ【คำพูดปลอบคนของอารองกับคนอื่นนั้นแตกต่างจริงๆ】
【นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ฉันยังไงก็เป็นฉัน ฉันผู้เป็นหนึ่งเดียวไม่เป็นสองรองใคร】
ฉินยายิ้มและรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว 【ชมคุณว่ายังไง คุณก็ยังจะยอมรับอีกนะ?】
【ฮิฮิ อารองไม่ใช่เพราะว่าอยากจะแกล้งคุณให้ดีใจเล่นอย่างนั้นเหรอ?】
ฉินยาพูดตอบ【ฉันรู้】
【รู้แล้วก็ดูแลตัวเองดีๆ โกรธจะยิ่งแก่ไว ต้องหัวเราะเยอะๆ พอมีตีนกาบนใบหน้าเหมือนกับฉัน คุณจะไม่อยากส่องกระจก】
【บนหน้าของอารองไม่มีตีนกา ก็แค่รอยบางๆตามกาลเวลาเท่านั้นเอง】
【คุณนี่ช่างพูดเอาใจนะ】
【ที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริง 】
【ไม่เจอกันไม่กี่วัน วาทศิลป์ดีขึ้นมากเลยนะ】
【ทั้งหมดเป็นสิ่งที่อารองสอน】
【ฮาฮา ที่ฉันสอนไปนี่มันดีหรือเปล่า?】
“คุยกับใครอยู่เหรอ อารมณ์ดีขนาดนี้?”ซูจ้านพิงประตูจ้องมองเธอ
เขากลับมาสักพักแล้ว จากนั้นเห็นฉินยาดูโทรศัพท์ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ด้วยความประหลาดใจเขาเลยไม่ส่งเสียงรบกวน เธอเลยไม่รู้ตัวว่าเขากลับมาแล้ว
ฉินยาหันศีรษะมามองเขาอย่างสงสัย “คุณ ไม่ใช่ว่าคุณกลับบ้านไปแล้วเหรอ?”
ซูจ้านเดินเข้ามาพูด “ฉันกลัวคุณจะเบื่อก็เลยกลับมา” ขณะกำลังพูดกันอยู่สายตาของเขาก็ก้มลงมามองบนหน้าจอโทรศัพท์ของฉินยา
ฉินยาสังเกตเห็นสายตาของเขาจึงเก็บโทรศัพท์ขึ้น ลุกลงมาจากเก้าอี้ พูด “ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปดูหนังกันไหม?”
ซูจ้านมองเธอไม่พูดอะไร
ฉินยาขมวดคิ้ว “คุณจะมาจ้องฉันทำไม?”
ซูจ้านพูดพร้อมกับหลบตาลง “ไม่มีอะไร”
ความจริงแล้วเขาอยากจะพูด คุณอยู่ด้วยกันกับฉันไม่มีความสุขอย่างนั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมอยู่ต่อหน้าฉันไม่เคยหัวเราะมีความสุขแบบนั้นเลย?
แต่ว่าพอจะเปิดปากออกไป เขาเองก็ตระหนักได้ว่าที่ฉินยาไม่มีความสุขนั้น มาจากความกดดันที่ครอบครัวของเขาเองให้กับเธอ
คิดในทางกลับกัน ถ้าเป็นเขา เขาเองก็คงไม่มีความสุขเหมือนกัน
ดังนั้นเขาเลยไม่เอ่ยปากถามออกไป
เขามองออกว่าฉินยากับเขาอยู่ด้วยกันนั้นมีความกดดันเป็นอย่างมาก และเขาเองก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อเธอเลย
“เสี่ยวยา ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยมากเกินไป ฉัน……”ฉันจะให้อิสระแก่คุณประโยคนี้ เขาหยุดชะงัก คิดในใจมันง่าย แต่พอจะเอ่ยปากออกมาจริงๆ ถึงจะรู้ว่ามันไม่ได้ง่ายเลย เขาเงยหน้าขึ้น “ฉันตัดใจให้คุณจากฉันไปไม่ได้”
ฉินยาเหมือนว่าจะสังเกตเห็นความขัดแย้งในใจของเขา จ้องมองไปที่ดวงตาของเขาพร้อมกับพูดว่า “ฉันรู้”
“จากนี้ไปฉันจะทำบุญตักบาตร หวังว่าสวรรค์จะเมตตาเห็นใจกับพวกเรา ให้พวกเรามีลูกของตัวเองได้อย่างราบรื่น และอย่างกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเรื่องลูกอีก”ซูจ้านยื่นมือไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขน
ฉินยาถือโอกาสแอบอิงในอ้อมกอดของเขา “พวกเราออกไปข้างนอกกันเถอะ”
ซูจ้านตอบตกลง พวกเราออกไปทานอาหารกันจากนั้นก็ไปดูหนัง ดูหนังที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ คนเลยเยอะมากเป็นพิเศษ
หนังในปัจจุบันชอบทำภาพให้สมจริง ให้คนรู้สึกซาบซึ้งอย่างเงียบๆ แล้วทำให้คนทั้งโรงหนังหลั่งน้ำตาออกมา
ฉินยาเองก็เป็นที่ไวกับความรู้สึก ซูจ้านบอกว่าเธอร้องไห้ เป็นเพราะว่าเธอนั้นเป็นผู้หญิง
“ผู้ชายร้องไห้ไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?” ฉินยาถลึงตาใส่
ซูจ้านพูด “ผู้ชายเองก็ร้องไห้ได้ เพียงแต่ว่าเปลือกตาค่อนข้างแข็ง ฉากสมจริงแบบนี้ ยังโดนใจจนทำให้น้ำตาฉันไหลออกมาไม่ได้”
ฉินยาดึงแขนของเขามากัดอย่างแรง ซูจ้านไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เจ็บ เจ็บจริงๆ
ฉินยาที่จิตใจไม่ค่อยมีความสุข ได้ระบายออกที่ร่างกายของเขา ก็เลยไม่ได้สังเกตแรงของตัวเอง รู้ตัวเองอีกทีก็ตอนที่ในปากมีกลิ่นเลือดแพร่กระจายออกมา เธอจึงมีสติกลับมา รีบร้อนปล่อยเขา
เป็นรอยฟันที่ลึกมาก มีเลือดไหลซึมออกมาหลายจุด
“ทำไมคุณถึงไม่ร้องเจ็บล่ะ?”ฉินยาถาม
ซูจ้านพูด “ไม่เจ็บ ฉันจะร้องเจ็บทำไมกัน?”
ฉินยา “……”
“ไม่เจ็บใช่ไหม? ดี งั้นฉันจะกัดคุณอีกสักที!”ฉินยาดึงแขนของเขา ทำท่าเหมือนจะกัดเขาอีก ซูจ้านยังไม่ขยับ พูด “ฉันจะคิดว่านี่เป็นรอยที่คุณหลงเหลือเอาไว้ให้ ฉันจะไปร้านสัก ให้เอารอยฟันนี้ไว้บนขายดีหรือเปล่า?”
“คุณเพี้ยนไปแล้วเหรอ?” ฉินยาไม่เข้าใจว่าสมองของเขาคิดอะไรอยู่ เขาเป็นนักกฎหมายคนหนึ่ง มีรอยสักอยู่บนแขน และยังเป็นรอยฟันอีกดูไม่ดีเอาซะเลย วงกลมวงหนึ่ง รอยบนแขนท่าทางเหมือนอะไรกัน?
“ถ้าคุณอยากจะมีรอย ได้ซิ เอารอยของฉันไปไว้บนหัวใจของคุณ!”ฉินยาชี้ไปที่หน้าอกของเขา
ซูจ้านหัวเราะ คว้ามือที่กำลังชี้หน้าอกของตัวเอง กุมเอาไว้แล้วนำมาจูบ ใช้มือข้างหนึ่งโอบกอดเธอเอาไว้ เดินไปพูดไป “ไปกัน พวกเราไปหาร้านสัก เอารอยของคุณไปไว้บนหัวใจของคุณ ฉันจะให้คนสักใช้น้ำยาที่ดีที่สุด เอาแบบที่ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ตามก็ลบไม่ออก”
“มีน้ำยาแบบนั้นด้วยเหรอ?”ฉินยาพูดไปเรื่อยตามคำพูดของเขา
“พวกเราไปถามกัน”ซูจ้านพูดขณะยิ้ม
แต่ฉินยากลับไม่ยินดีที่จะไป “ทุกคนเขาจะคิดว่าคุณเป็นโรคประสาทหรือเปล่า?”
ซูจ้านพูด “ฉันเหมือนคนบ้าตรงไหนกัน?”
ฉินยาเหลือบมองเขาขึ้นลง เบะปาก “คุณตรงไหนก็เหมือนคนบ้า!”
พูดจบก็เริ่มวิ่งหนีทันที ซูจ้านไล่ตาม “อย่าหนีนะ”
“ไม่เอาหรอก” ฉินยาวิ่งหนีไปหันกลับมามองเขา
ซูจ้านวิ่งตามอย่างรวดเร็วจนจับเธอได้
อ่า……
ซูจ้านโอบกอดเธอจากด้านหลัง “หนีไม่พ้นแล้วนะ?” พูดไปก็เอาริมฝีปากเข้ามาใกล้ใบหน้าของเธอ ฉินยาผลักหน้าของเขาออก พูด “นี่มันบนถนนนะ”
“พวกเราไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
ซูจ้านโอบเอวของเธอ “พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
ฉินยาพูด “พวกเราเดินกลับกันเธอ ฉันอยากจะเดินเล่นสักหน่อย”
ซูจ้านตอบรับอย่างยินดี ยังไงซะก็ไม่ไกลจากบ้านมาก
เดินประมาณสามสิบกว่านาทีก็ถึงประตูทางเข้าหมู่บ้านคอนโดที่พวกเขาอาศัยอยู่แล้ว ไกลๆนั้นเห็นใบหน้าที่ค่อนข้างคุ้นเคยอยู่สองคนที่ประตูทางเข้าหมู่บ้านคอนโดที่มีคนเดินไปมาขวักไขว่
ฉินยาประชิดติดซูจ้าน ชี้ไปทางประตูทางเข้าหมู่บ้านคอนโดแล้วถาม “คุณมองที่ประตูทางเข้าหมู่บ้านคอนโดนั่นใช่สองคนนั้นหรือเปล่า?”
ซูจ้านมองตามไปทางที่ฉินยาชี้ คนที่เดินไปเดินมาอยู่ที่ทางประตูทางเข้าหมู่บ้านคอนโดเหมือนว่าเป็นคู่ความของเขาเอง เขารับคดีนี้ ปัจจุบันมารดาและน้องชายของผู้ตายคือคู่ความของเขา
ฉินยามองไปที่เขา “ไม่ใช่ว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่าถึงมาตามหาคุณ?”
“น่าจะใช่นะ”ซูจ้านคว้ามือของฉินยามาจับ และจูงเดินมาตามถนน
“ทนายซู” มารดามองเห็นซูจ้านและลูกชายก็เดินตรงมาทางเขา
“มาหาฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ซูจ้านถาม
สีหน้าของมารดาดูไม่ค่อยดี สีหน้าของลูกชายเองก็ไม่ค่อยดีเช่นกัน มองมาที่ซูจ้านเหมือนมีบางอย่างที่ยากจะเอ่ยปากออกมา
“คือว่า……ทนายซู เรื่องมันเป็นแบบนี้……”