กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 810 เป็นฉันที่ชอบเขาก่อน
“ซางหยู เพื่อนของคุณชอบคุณใช่ไหม”
เสิ่นเผยซวนผงะเล็กน้อย สีหน้าของเขาประหลาดใจมาก แปลกใจว่าทำไมเขาถึงถามประโยคแบบนี้
ซางหยูยิ่งประหลาดใจมากกว่าเขา “คุณกำลังพูดเรื่องบ้าอะไรคะ?”
“ตอนที่ผมเอาเสื้อผ้าให้เขา เขายืมโทรศัพท์มือถือของผมโทรหาใครสักคน เหมือนจะบอกครอบครัวของเขาว่าเขาไม่เป็นไร นี่เขาตั้งใจจะไม่กลับไปใช่หรือเปล่า แล้ว…” เขาหันไปมองที่ซางหยู “ผมบอกเขาว่าผมชอบคุณ แต่เขากลับไม่สนับสนุนให้เราคบกัน ถ้าเขาหวังดีต่อคุณจริงๆ เขาไม่ควรจะคิดว่ามีคนมาดูแลเธอจะดีกว่าเหรอ?”
ซางหยูอ้าปากค้าง “เขาคงจะคิดว่าเราไม่เหมาะสมค่ะ คุณน่าจะคิดมากเกินไป”
เธอพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน หวางเหวิ่นรีบคว้าข้อมือของเธอไว้ “อย่าเพิ่งไปครับ ที่ผมบอกว่าผมชอบคุณเป็นเรื่องจริงนะครับ”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำสารภาพรักกะทันหัน สมองของซางหยูก็ว่างเปล่า และพูดไม่ออกไปเป็นเวลานาน
“ซางหยู คุณไม่มีครอบครัว ผมสามารถเป็นครอบครัวให้คุณได้ คบกับผม คุณไม่จำเป็นต้องมีความกดดัน คนในครอบครัวของผม ไม่มีใครมาตำหนิคุณ…”
“ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ ฉันยังไม่อยากพูดถึงเรื่องความรักในเวลานี้” ซางหยูปฏิเสธคำสารภาพรักของเขาอย่างแนบเนียน
“อายุของเราเหมาะสมกัน และครอบครัวก็เหมาะสมกัน คุณลองเอาไปพิจารณาดู…”
เพล้ง!
ในเวลานี้เองในบ้านมีเสียงกระจกแตกดังขึ้นมา ซางหยูรีบดึงมือของหวางเหวิ่นออก แล้ววิ่งไปในบ้านทันที เธอเห็นเสิ่นเผยซวนยืนอยู่หน้าโต๊ะ บนพื้นมีถ้วยแก้วที่แตกกระจัดกระจาย
เธอเดินเข้าไปดึงมือของเสิ่นเผยซวนมาสำรวจดู “คุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ”
มุมปากของเสิ่นเผยซวนเม้มแน่น ไม่พูดอะไรออกมา เพียงแค่มองไปที่ท่าทางเป็นห่วงของเธอ
ซางหยูเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นว่าเขากำลังมองมาที่ตัวเองอยู่ ในแววตาของเขาแฝงไปด้วยความซับซ้อน แล้วรู้สึกตัวว่าเธอยังคงจับมือเขาอยู่ จึงรีบปล่อยอย่างรวดเร็ว แล้วรีบแก้ตัว “เดิมทีฉันนึกว่าคุณได้รับบาดเจ็บ กลัวจะทำให้คุณบาดเจ็บอีกครั้ง ……”
“คุณเคยบอกว่าคุณชอบผม” ทันใดนั้นเสิ่นเผยซวนก็พูดขัดขึ้นมา
หวางเหวิ่นยืนตะลึงอยู่หน้าประตู
ซางหยูชอบเขาอย่างนั้นเหรอ?
ซางหยูชอบเขา?
คำพูดนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในสมองวนไปวนมา
อย่างนี้นี่เอง ซางหยูมีท่าทางร้อนใจมากตอนที่เห็นเขาได้รับบาดเจ็บ มันจะเป็นเพียงแค่เพื่อนธรรมดาๆ ได้ยังไงกัน?
เขาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซางหยูก็คอยอยู่เฝ้าดูแลเขาอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอเป็นห่วงเขามาก
เขาหันหลังกลับด้วยท่าทางแข็งทื่อ และเดินจากไปโดยไร้จุดหมาย
“ฉันพูดล้อเล่นค่ะ” ซางหยูพูดแก้ตัว
เธอสารภาพความในใจ เพราะเธอมั่นใจว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกต่อไป ถึงได้รวบรวมความกล้าพูดออกมา
ตอนนี้ต้องมาเผชิญหน้ากันตัวต่อตัว เธอจะกล้ายอมรับได้ยังไงกัน
“แล้วถ้าผมคิดจริงล่ะ” ตอนที่เสิ่นเผยซวนได้ยินคำถามของหวางเหวิ่นที่ว่า ‘เพื่อนของคุณชอบคุณใช่ไหม? ’
เขาก็เริ่มถามตัวเอง ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกไม่ชอบใจที่เห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่น
เธอบอกว่า เธออาจจะแต่งงาน
เขากลับไม่อยากให้เธอแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น
ทำไมเขาถึงไม่อยากให้ซางหยูคบกับผู้ชายคนอื่นกันล่ะ
หรือว่า หรือว่าจะเป็นเพราะเขาชอบเธอ
ถึงไม่อยากเห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่น และไม่อยากให้เธอแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น
ในอีกด้านหนึ่ง ซูจ้านที่ได้รับโทรศัพท์จากเสิ่นเผยซวนก็เกือบจะกระโดดขึ้นด้วยความตื่นเต้น เขารีบโทรหาจงจิ่งห้าวเป็นคนแรก จากนั้นก็เตรียมจะเดินทางไปที่สถานีตำรวจเพื่อบอกผู้บัญชาการซ่ง ให้ทุกคนไม่ต้องกังวลอีก
พอเขาเดินมาถึงหน้าประตูสถานีตำรวจ พอเขากำลังจะเคาะประตู เสียงของคุณนายซ่งก็ดังขึ้นจากด้านใน “นี่ก็หายไปสองคืนสามวันแล้วนะคะ ยังมีโอกาสรอดได้อีกเหรอคะ?”
ไม่มีใครตอบเธอ
เธอจึงพูดขึ้นมาอีกครั้ง “โชคดีที่หย่าซินยังไม่ได้แต่งงานกับเขา ไม่อย่างนั้นจะเป็นยังไงบ้าง?”
เธอหย่ามาแล้วครั้งหนึ่ง จะให้สามีตายอีกคนหรือไงกัน?
แล้วจากนี้ไปใครจะกล้าแต่งงานกับเธออีก?
“คุณกำลังพูดอะไรของคุณ” ผู้บัญชาการซ่งตะโกนว่า
คุณนายซ่งไม่ยอมอ่อนให้ “ฉันพูดผิดตรงไหนคะ คนหายไปนานขนาดนี้ยังจะรอดได้ยังไง โชคดีที่มีคนรู้เรื่องหย่าซินกับเขาคบกันน้อยมาก ดูเหมือนไม่มีชะตากรรมคู่กันจริงๆ เสิ่นเผยซวนคนนี้เป็นคนดีไม่น้อย แต่อายุกลับสั้นมาก”
“คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร จะหาไม่เจอได้ยังไง!” ผู้บัญชาการโกรธมาก แล้วมองไปที่ภรรยาของเขาด้วยตาสีแดงก่ำ “กลับบ้านไปซะ ถ้าไม่มีอะไรทำ อย่ามารบกวนผมแบบนี้!”
“ดูทำเข้าสิ คุณต้องการให้อีกฝ่ายมาเป็นลูกเขยของคุณ แต่คุณไม่มีดวงชะตานั้น ลูกน้องคนหนึ่ง จะสำคัญกว่าลูกสาวของคุณได้ยังไงกัน ดูคุณโกรธเข้า”
“พอแล้วค่ะ!” ซ่งหย่าซินที่ไม่ได้พูดในตอนแรก เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “อย่าพูดถึงมันอีก ต้องตามหาเขาให้เจอ จะเป็นหรือตาย ฉันต้องเจอร่างของเขาก่อนค่ะ”
พวกเขากำลังจะออกมาหลังจากคุยกันจบ ซูจ้านรีบซ่อนตัวอยู่ตรงมุมห้อง
เขาไม่เคยมองซ่งหย่าซินในแง่ดีมาก่อน พอได้ฟังคำพูดของคุณนายซ่งแล้ว หัวใจของเขาก็เย็นชาทันที ในใจคิดว่าเป็นคนแบบไหนกันแน่
ถ้า เสิ่นเผยซวนกลายเป็นลูกเขยของเธอ เขาจะไม่โชคร้ายไปตลอดชีวิตเลยหรอกเหรอ?
สมองของเขาทำงานอย่างรวดเร็ว ในเมื่อตอนนี้เสิ่นเผยซวนบอกว่าเขาไม่เป็นไร งั้นก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาเร็วๆ ถ้าซ่งหย่าซินรักเขาจริง ให้รอเขาอีกสักสองหรือสามเดือนคงไม่เป็นไร
เขามองไปรอบๆ พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่แล้ว เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วโทรกลับตามหมายเลขที่เสิ่นเผยซวนให้มา
เสิ่นเผยซวนรู้สึกว่าตัวเองอาจจะใจร้อนไปเล็กน้อย “ซางหยู ผมอายุมากกว่าคุณ ผม…”
“ฉันไม่สนใจค่ะ” ซางหยูเงยหน้ามองไปที่เขา ดวงตาโตของเธอปกคลุมไปด้วยม่านน้ำตา
สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญสำหรับเธอ สิ่งที่สำคัญสำหรับเธอคือความรู้สึกของเขา
“คุณรู้สถานการณ์ครอบครัวของฉันดี คุณไม่ใส่ใจเหรอคะ”
“พี่เสิ่น มีคนขอคุยกะบคุณครับ” ในขณะนั้นเองหวางเหวิ่นก็ปรากฏตัวขึ้นทางประตู ในมือถือโทรศัพท์ไว้
ซางหยูรีบหันไปด้านข้าง แล้วเดินเข้าไปในห้องนอนด้านหลัง ตอนนี้ เธอไม่กล้าให้ใครเห็นหน้าของเธอหรอก
เสิ่นเผยซวนหยิบโทรศัพท์มากดรับ แล้วเอามาแนบหู แล้วพูดขึ้นมา “ฮัลโหล?”
“ฉันเองนะ เผยซวน ช่วงนี้นายอย่าเพิ่งกลับมานะ” เสียงของซูจ้านดังเข้ามาตามสาย
“มีอะไรหรือเปล่า?” เสิ่นเผยซวนไม่เข้าใจ “นายบอกจิ่งห้าวเรื่องที่กู้เป่ยถูกปล่อยออกมาหรือยัง เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันก็จะกลับไปแล้ว”
กู้เป่ยถูกปล่อยออกมาแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะไปก่อเรื่องวุ่นวายอีก เขาต้องรีบกลับไปช่วยจงจิ่งห้าว
“เรื่องของกู้เป่ย จิ่งห้าวจัดการแล้ว นายฟังที่ฉันพูดก็พอ อย่าเพิ่งกลับมา รอผ่านไปอีกสองเดือน แล้วนายค่อยกลับมา” ถ้าซ่งหย่าซินรักเขาจริง ๆ แค่สองเดือนเธอน่าจะรอได้…
“ทำไมล่ะ?” เสิ่นเป่ยชวนสงสัย
“เอาเถอะน่า ฟังที่ฉันพูดก็พอ ฉันไม่ทำร้ายนายหรอก” ซูจ้านกดวางสายหลังจากพูดจบ
เสิ่นเผยซวนงุนงง และไม่เข้าใจว่าเขากำลังทำอะไรต่อ แต่เขาก็โล่งใจที่ได้ยินว่าเรื่องของกู้เป่ยถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว
เขาคืนโทรศัพท์ให้หวางเหวิ่นแล้วพูดว่า “ขอบคุณ”
หวางเหวิ่นหยิบโทรศัพท์คืน แล้วพูดอย่างเฉยเมย “ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ”
พูดจบเขาก็หันหลังเตรียมจะเดินจากไป แต่เขาก็หยุดเดิน แล้วหันกลับมามองหน้าเสิ่นเผยซวน “คุณบอกว่าผมไม่เหมาะกับซางหยูแล้วคุณเหมาะสมหรือไง คุณอายุมากกว่าเธอเยอะขนาดนั้น เจ้าเข้าสังคมแล้ว ส่วนเธอเป็นเพียงน้องใหม่นักศึกษามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง…”
“ฉันเป็นคนชอบเขาก่อน เขาที่อายุมากกว่าฉันแล้วยังไงคะ” ซางหยูยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องนอน