กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 829 ฉันไม่ได้ป่วย
ตอนที่ซูจ้านมาถึงสถานที่แห่งนั้นป้าจี๋ยังคงกำลังสอบถามคนที่เดินไปมาอยู่ในสวนสาธารณะไปด้วยความร้อนใจ ท่านย่าเธอเป็นคนทำหายไป เธอกลัวที่จะต้องแบกรับความรับผิดชอบ ร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว
ซูจ้านเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ที่นี่หาหมดแล้ว?”
“ใช่ค่ะ หามาหมดแล้ว ไม่เจอเลย แข้งขาท่านก็เดินไม่สะดวกจะให้อยู่ๆก็หายไปง่ายๆได้ยังไงกันน่ะ?” ภายในใจของป้าจี๋รู้สึกไม่สงบเป็นอย่างมาก เอ่ยออกมาอย่างกังวล “แข้งขาท่านไม่ดี จะหายไปเร็วอย่างนั้นได้ยังไงกันน่ะคะ?”
“ท่านหายไปนานแค่ไหนแล้ว?” ซูจ้านถาม
“ไม่ถึงชั่วโมงค่ะ” ป้าจี๋กลัวว่าจะเกิดเรื่อง จึงได้บอกซูจ้านไปเลยทันที เวลาไม่ได้นานเลย
ผู้ใหญ่หายตัวไปไม่ถึง24ชั่วโมงแจ้งความไปก็จะไม่ถูกดำเนินคดีให้ด้วย “พวกเราแยกกันหา ป้าลองกลับบ้านไปดู ถ้าเจอก็ติดต่อมา”
ป้าจี๋เอ่ยออกมา “ได้ค่ะ ดิฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
ซูจ้านยังคงค่อนข้างที่จะสงบนิ่งอยู่ สั่งเสร็จแล้วป้าจี๋ก็ไปหาเจ้าหน้าที่ที่เป็นคนดูแลที่ตรงนี้ สวนสาธารณะมีกรรมสิทธิ์การดูแลโดยหมู่บ้าน ทางเข้าออกได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้ทั้งหมด เขาไปตรวจดูที่มอนิเตอร์ดู
ได้ข่าวมาว่าที่หมู่บ้านถ้าคนหายไป ก็จะช่วยกันหาอย่างกระตือรือร้นอย่างมาก ป้าจี๋บอกว่าท่านย่าหายไปได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง มีเวลาที่แน่นอนการตรวจดูมอนิเตอร์ของในช่วงเวลานี้มันก็ไม่ยากเลยด้วย
เพียงไม่นานก็เจอเงาร่างของท่านย่า
ช่วงเวลาที่ป้าจี๋ไปซื้อขนมถ้วยฟูท่านย่าก็ได้เคลื่อนรถเข็นออกไปจากสวนสาธารณะไปเอง ตอนนี้สามารถตัดสินได้แล้วว่าท่านย่าไม่ได้อยู่ในสวนสาธารณะ ซูจ้านจึงออกไปหาข้างนอก
สองสามคนที่เป็นผู้ดูแลที่ตรงนั้นก็ได้ช่วยกันตามหา
“พวกเราแยกกันหา” ซูจ้านเอ่ยพูดออกไป “แข้งขาของท่านไม่สะดวกนัก เดินไปได้ไม่ไกล”
พวกเขาสามสี่คนได้แยกย้ายกันตามหา
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก็ไม่เจอร่องรอยของท่านย่าเลย คนที่ดูแลที่ตรงนั้นคนหนึ่งได้พูดออกมาว่า “ท่านย่าไปที่ไหนแล้วหรือเปล่า? ไม่อย่างนั้นแล้วอยู่ดีๆแล้วทำไมจู่ๆถึงได้ออกจากสวนสาธารณะไปเองได้กัน?”
คำพูดของคนนี้เหมือนกับได้เตือนสติซูจ้าน แถวๆนี้ก็ไม่มีเลย จะต้องไปที่ไหนสักแห่งแน่เลย แต่ว่าท่านย่าก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กับใครเลย ญาติพี่น้องเมื่อก่อนหน้านี้เองก็แทบจะไม่ได้ไปมาหาสู่กันไปหมดแล้ว เพราะเรื่องพ่อแม่ของเขา ไม่มีอยู่แล้วท่านย่าจะไปบ้านใคร
ตอนนี้ไม่มีที่ให้หาแล้ว เขาเองก็ทำได้แค่เพียงลองเสี่ยงโชคไปดูว่าโชคจะเข้าข้างหรือเปล่า เขาไปที่ที่พวกเขาเคยอยู่กันเมื่อก่อน เป็นที่ที่อยู่ตอนที่เขายังเรียนไม่จบ หมู่บ้านที่พักอยู่ในตอนนี้เป็นที่ที่เขาซื้อมาหลังจากที่หาเงินได้จากการทำงานเป็นทนายแล้ว
ที่นี่มันเก่าทรุดโทรมมากแล้ว คนที่พักอยู่ที่นี่ก็มีไม่เยอะ สายไฟยุ่งเหยิง เสื้อผ้าแขวนอยู่ที่ด้านนอกหน้าต่าง ชุดชั้นใน ถุงเท้าไม่มีความระเบียบเรียบร้อยอะไรเลย
ซูจ้านมาถึงบ้านดูแล้วก็ไม่มี เขาถือภาพของท่านย่าที่อยู่ในโทรศัพท์ไปสอบถามว่ามีใครเห็นบ้าง ทุกคนต่างก็บอกว่าไม่เห็นกันทั้งนั้น
ยืนยันจนแน่ใจแล้วว่าท่านไม่ได้อยู่ที่นี่เขาก็ขึ้นรถไป เขาเริ่มร้อนใจขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ ที่นี่ไม่มี จะยังสามารถไปที่ไหนได้อีกล่ะ?
เขาสตาร์ทรถ ตอนที่เลี้ยวรถกลับไปนั้นเอง ก็ได้ผ่านทางโรงเรียนเก่าที่เขาเคยเข้าเรียน ที่นี่เป็นเขตโรงเรียนเก่าที่ได้ทิ้งร้างไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาเหมือนจะเห็นท่านย่าอยู่ที่หน้าประตูเหล็กบานใหญ่
เขาหยุดรถหันกลับไปมอง เห็นชัดเจนแล้วว่าตรงหน้าประตูก็คือท่านย่า เขาก็รีบลงจากรถเดินเข้าไปทันที
“คุณมาถึงที่นี่ได้ยังไง?” ภายในใจของซูจ้านรู้สึกโล่งใจขึ้นมา รู้สึกดีใจที่ได้เจอท่าน แต่ก็โกรธท่านที่ออกมาเองโดยที่ไม่มีบอกกล่าวกันเลยสักคำ ทำให้คนอื่นเขากังวลกันไปอย่างไม่มีเหตุผล
ท่านย่าหันหน้ากลับมา ยิ้มพลางเอ่ยออกมาว่า “แกเลิกเรียนแล้ว? ฉันมารับแกเลิกเรียนไง”
“คุณกำลังพูดอะไรอยู่?” ซูจ้านขมวดคิ้วออกมา พวกเขาออกมาจากที่นี่มาตั้งนานแค่ไหนแล้ว?
“ฉัน…” ท่านย่าได้เปลี่ยนมางงงวยขึ้นมาทันที “ฉันจะทำอะไรแล้วนะ?”
“พวกเรากลับบ้านกัน” ซูจ้านเข็นท่านไป
ในทันใดนั้นเองท่านย่าก็ตบขาขึ้นมา “ฉันมาหาแกไง วันนี้ที่โรงเรียนแกไม่ใช่ว่ามีการแข่งกีฬากันหรือไง ฉันมาดูแกแข่ง”
คำพูดของท่านย่าทำเอาซูจ้านตกใจขึ้นมา นี่ท่านเป็นอะไรไป?
ขึ้นรถมาเขาก็ได้โทรศัพท์ไปหาป้าจี๋ให้เธอไม่ต้องหาแล้ว เพราะเจอตัวแล้ว “บอกคนที่ดูแลที่ตรงนั้นด้วยว่าไม่ต้องหาแล้ว”
ป้าจี๋บอกว่าทราบแล้ว
ซูจ้านพาท่านย่ากลับบ้าน ป้าจี๋เอ่ยออกมาด้วยความดีใจ “ยังดีที่หาเจอ ไม่อย่างนั้นแล้วคงทำดิฉันใจหายใจคว่ำแย่เลย”
ซูจ้านเข็นคุณท่านกลับห้องไป
เรียกป้าจี๋มาที่ห้องรับแขก
“ช่วงนี้ท่านย่ามีพฤติกรรมผิดปกติบ้างหรือเปล่า?”
ป้าจี๋คิดไปอย่างละเอียด “เหมือนจะไม่มี…แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลยเหมือนกัน ก็แค่มีบางครั้งที่ท่านจะลืมเรื่องที่สั่งดิฉันไปน่ะค่ะ”
ป้าจี๋เหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยพูดออกมา “ดิฉันไม่ได้รับใช้ผู้สูงอายุเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ก็ได้เจอกับคนที่เหมือนกับท่านย่ามาแล้ว ท่านย่าอายุมากแล้ว เกิดสถานการณ์ที่หลงลืมเรื่องราวบางอย่างไป ก็คง…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันจะพาท่านไปตรวจที่โรงพยาบาล” ซูจ้านรู้ว่าป้าจี๋จะพูดอะไร แต่เขาไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ถึงแม้ว่าจะโกรธ ตำหนิความดื้อรั้นของท่าน แต่ก็ไม่ได้อยากให้ท่านป่วยขึ้นมาเหมือนกัน
“ซูจ้าน แกทำดีกับเสี่ยวยาให้มากๆนะ ช่วงหลายวันมานี้ทำไมฉันถึงไม่เจอเธอเลย?” ท่านย่าเคลื่อนรถเข็นออกมา
ซูจ้านมองท่านย่า มือทั้งสองข้างกำแน่น “คุณย่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่?”
“ไม่ใช่ว่าแกแต่งงานกับเสี่ยวยาไปแล้วหรือไง? แกต้องทำดีกับเธอให้มากๆ หลิวเฟยเฟยไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีอะไร เลิกกับแกไปเพราะคิดว่าพวกเราจนฉันเกลียดหล่อน ตอนนี้แกแต่งงานกับฉินยาแล้ว แกต้องทำดีกับเธอให้มากๆ แล้วก็รีบๆมีลูกกันสักคน” ท่านย่าเหมือนจะพูดออกมาอย่างสลับซับซ้อนไปหมด แต่ซูจ้านก็ได้เข้าใจมันทั้งหมด
เดี๋ยวก็ตรงนี้ เดี๋ยวก็ตรงนั้น เห็นได้ชัดเลยว่านี่มันไม่ปกติแล้ว
ซูจ้านพาท่านไปโรงพยาบาล เขาเอาผ้าห่มผืนหนึ่งมาคลุมเอาไว้ที่บนขาให้ท่านย่า แล้วเข็นท่านออกจากบ้านไป
“แกพาฉันไปไหน?”
ท่านย่าถาม
“ไปโรงพยาบาล” ซูจ้านพูดออกไป
ท่านย่าเงยหน้าขึ้นไปมองเขา “แกป่วย?”
ซูจ้านพูด “เปล่า ไม่ใช่ผม เป็นคุณต่างหาก”
ท่านย่าตื่นตัวขึ้นมาทันที “ฉันไม่ได้ป่วย ฉันยังดีๆอยู่เลย ฉันไม่ไปโรงพยาบาล”
“ไปดูสักหน่อยดีกว่านะครับ”
“ฉันไม่ไป ฉันไม่ได้ป่วย” ท่านย่าดึงขอบประตูเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยมือ