กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 835 ในใจกระวนกระวาย
“ลูกน้อยจะกลับมาเมื่อไหร่ พรุ่งนี้ผมก็ต้องไปแล้ว” เหวินเสี่ยวจี้ถาม
จุดประสงค์หลักที่เขามาก็เพื่อเยี่ยมเด็กน้อยพร้อมกับหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนพูดว่า “ออกไปพักหนึ่งแล้ว น่าจะอีกไม่นาน คุณอุตส่าห์มา ทานข้าวที่นี่ด้วยกันก่อนค่อยกลับนะคะ”
“ได้ครับ” เหวินเสี่ยวจี้ตอบรับอย่างดีใจ
ตอนที่เตรียมอาหารกลางวันอยู่นั้นหลินซินเหยียนให้ป้าหยูเตรียมเพิ่มอีกหน่อย
ป้าหยูคนเดียวหลินซินเหยียนกลัวว่าเธอจะทำไม่ไหว จึงพูดกับเหวินเสี่ยวจี้ว่า “ถ้าคุณเบื่อก็ไปอ่านหนังสือที่ห้องหนังสือได้นะคะ”
“ที่นี่ผมคุ้นเคยดี คุณไม่ต้องมาคอยต้อนรับผมก็ได้” เหวินเสี่ยวจี้กลับเป็นฝ่ายไม่เกรงใจ
หลินซินเหยียนลุกขึ้นยืน “งั้นก็ได้ค่ะ ฉันไปเตรียมอาหารกลางวันนะคะ”
“ฉันไปช่วยนะคะ” เฉินซือหานลุกขึ้นมา
ฉินยาพูดว่า “เธอท้องอยู่ ไม่ต้องไปที่ห้องครัวแล้วฉันไปช่วยก็พอแล้ว”
“ท้องยังไม่แก่ ไม่เป็นไร” เฉินซือหานลุกขึ้นยืน หลินซินเหยียนกดบ่าเธอให้เธอนั่งลง “คนช่วยพอแล้ว ถ้าเธอเบื่อก็ดูทีวี”
เฉินซือหานรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย “พวกคุณล้วนไปช่วยกันหมด ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย รู้สึกเกรงใจนิดหน่อย”
หลินซินเหยียนยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเราล้วนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน” พูดจบเธอก็เดินออกไปจากห้องรับแขก ฉินยาเดินตามมา เธอดึงมือฉินยามากุมไว้ในมือ “เธอไม่เป็นไรนะ”
ฉินยาส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”
หลินซินเหยียนถอนหายใจ ในใจคนที่เป็นห่วงที่สุดก็คือเธอ หลินซินเหยียนถอนหายใจ
เมื่อครู่สายตาที่ผิดหวังท้อแท้ของเธอแม้จะปกปิดไว้อย่างดีมากแต่ว่าก็ยังถูกเธอจับได้
มองเห็นพวกเธอสองคนเดินเข้าไปที่ห้องครัวป้าหยูพูดว่า “ฉันทำคนเดียวก็ได้ค่ะ”
“คุณทำคนเดียวต้องทำนานแค่ไหนกว่าจะเสร็จ คนเยอะจะได้เสร็จเร็วๆค่ะ” ฉินยาพูด เธอแตะหลินซินเหยียนเล็กน้อย “เธอคงไม่ได้ตั้งตั้งใจหรอกนะ”
ในเมื่อตอนแรกเฉินซือหานเป็นผู้หญิงที่คิดจะจับสามีเธอ วันนี้กลายมาเป็นญาติ สวรรค์ช่างกลั่นแกล้งจริงๆ
หลินซินเหยียนมองเธอแวบหนึ่ง “ทำไมรู้สึกว่าเธอกำลังหัวเราเยาะฉันอยู่”
“ตัวฉันเองก็คือน่าหัวเราะ”ฉินยาพูดจบก็เดินไปตรงหน้าป้าหยู “ฉันหั่นผัก”
ป้าหยูพูดว่า “ได้ ฉันรับหน้าที่ล้าง”
หลินซินเหยียนพูด “ฉันผัด”
สามคนทำกันอย่างรวดเร็วมาก ไม่นานก็เตรียมอาหารเสร็จ จวงจื่อจิ่นพวกเขาพาเด็กน้อยกลับมาเหวินเสี่ยวจี้รับไปจากอ้อมอกของเฉิงยู่เวิน พบว่าลูกน้อยเหมือนหลินซินเหยียนเป็นพิเศษ
“คุณพักก่อน ฉันไปเทน้ำให้เธอแก้วหนึ่งนะ” เฉิงยู่เวินพูดกับจวงจื่อจิ่น
จวงจื่อจิ่นเดินมา “จะให้เธอมาเทให้ฉันได้ยังไง ฉันเทเองก็ได้แล้ว ต้องบอกว่าเหนื่อยก็เป็นเธอที่เหนื่อย เธอเอาแต่อุ้มเด็กน้อยอยู่อย่างนั้น”
จวงจื่อจิ่นเทน้ำแก้วหนึ่งส่งให้เธอ
เฉิงยู่เวินยิ้มเล็กน้อย
ป้าหยูเดินออกมาเรียกพวกเขา “ล้างมือเตรียมทานอาหารกันเถอะค่ะ
”
ข้าวปลาอาหารมาวางบนโต๊ะทุกคนนั่งประจำที่
จวงจื่อจิ่นถามว่า จงฉีเฟิงไม่อยู่อีกแล้วเหรอ
ช่วงนี้เขามักจะไม่อยู่ที่บ้านเป็นประจำ บอกว่าไปหาเพื่อนข้างนอก
พูดถึงจงฉีเฟิงขึ้นมารอยยิ้มบนใบหน้าหลินซินเหยียนก็หุบลงไป ต่อหน้าแขก ก็ต้องฝืนยิ้มเอาไว้
“คนแก่ไง ก็ออกไปเจอเพื่อนบ้างก็ดี ลูกสองคนก็ไปเรียนแล้ว หมกตัวอยู่แต่ในบ้านอึดอัดแย่” เฉินซือหานพูด
ก่อนหน้านี้หลินซินเหยียนก็คิดแบบนี้ เฉิงยู่ซิ่วไม่อยู่แล้ว เขาเหงามาก ออกไปเจอหน้าเพื่อนบ้างก็ดีในฐานะคนรุ่นหลังที่จะให้ได้ก็คือการดูแลในด้านดำรงชีวิต ทางด้านจิตใจก็ต้องเป็นหน้าของคนรัก
ตอนนี้คิดๆดูว่าเพิกเฉยละเลยมากแค่ไหน เขาป่วยแล้ว เธอกับจงจิ่งห้าวกลับไม่รู้เรื่องเลย
รู้สึกผิดในใจเล็กน้อย คิดว่าใส่ใจคนแก่ไม่มากพอ
เธอตักน้ำแกงให้เฉิงยู่เวิน “สุขภาพร่างกายคุณเป็นอย่างไรบ้างคะ”
เรื่องของจงฉีเฟิงทำให้เธอเป็นห่วงคนรอบข้างเป็นพิเศษจริงๆ หากมีเรื่องอะไรอีก เฉิงยู่เวินก็อายุไม่น้อยแล้ว ยังต้องจัดการดูแลโรงงานที่เมืองCอีก
“ก็ดี ร่างกายแข็งแรงบึกบึนอยู่เลยนะ มีเรื่องอะไรให้ทำรู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มขึ้นมาเลย ถ้าลูกไปได้ก็ดี พ่อจะได้เจอหน้าหลานบ่อยๆ”
เฉิงยู่เวินพูดจบก็รู้สึกว่าตัวเองพูดพล่ามมากไปแล้ว “จิ่งห้าวไม่ให้ลูกไปแน่นอน”
เมื่อก่อนเธอยังมีความคิดที่จะไปอยู่ แต่ตอนนี้ถือว่าหมดความคิดนี้ไปแล้ว จงจิ่งห้าวงานยุ่ง เธอต้องดูแลบ้านนี้แทนจงจิ่งห้าว
กินอิ่มแล้ว เหวินเสี่ยวจี้ก็อุ้มลูกน้อยอีกพักหนึ่ง ยังต้องกลับไปที่กรมทหารจึงไม่ได้อยู่ต่อนานกว่านี้ ก่อนจะไปยังพูดกับหลินซินเหยียนว่า “มีเวลาว่างพวกเราค่อยมาใหม่”
หลินซินเหยียนพูดว่า “ได้”
ฉินยาพักอยู่ที่นี่นาน ทำตัวตามสบายเหมือนกับคนในบ้าน กินเสร็จก็ช่วยป้าหยูเก็บชามกับตะเกียบ หลินซินเหยียนไปดูลูกน้อย
เก็บทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ฉินยายังคงไม่ได้รับข้อความที่ส่งมาจากซูจ้าน ในใจรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย
เธอเป็นฝ่ายส่งข้อความหาเขาก่อน
ซูจ้านไม่ตอบ
หรือว่าเกิดเรื่องกับท่านย่าแล้ว เธอคาดเดาในใจ
ไม่อย่างนั้นซูจ้านทำไมถึงไม่ส่งข้อความให้เธอ
ความวิตกกังวลในใจรุนแรงมากขึ้น หลินซินเหยียนที่อุ้มลูกน้อยอยู่มองเห็นฉินยายืนเหม่ออยู่ที่หน้าต่าง ก็เดินมา “เธอกำลังคิดอะไรอยู่”
“หืม”
ฉินยาหันกลับมา พูดว่า “ไม่ได้คิดอะไร”
ไม่นานก็พูดอีกว่า “ท่านย่าล้ม ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง”
เมื่อเผชิญหน้าหลินซินเหยียนเธอก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร
“เรื่องเกิดเมื่อไหร่” หลินซินเหยียนถาม
“วันนี้ตอนเช้า” ฉินยาตอบ
หลินซินเหยียนล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา “ฉันโทรไปถามหน่อยดีกว่า”
ฉินยามองเธอส่งเสียงตอบอืม เมื่อครู่เธออยากรู้ว่าท่านย่าเป็นอย่างไร ซูจ้านไม่ติดต่อเธอ ทำให้ในใจเธอวิตกกังวล